กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 568

สรุปบท บทที่ 568.4 เยือกเย็นคืออย่างไร: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

บทที่ 568.4 เยือกเย็นคืออย่างไร – ตอนที่ต้องอ่านของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

ตอนนี้ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 568.4 เยือกเย็นคืออย่างไร จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เฉินผิงอันเอ่ย “ก่อนจะเดินทางไปอุตรกุรุทวีป อันที่จริงสามารถไปที่แม่น้ำอวี้เจียงก่อนได้ ไปเพื่อบอกลา อะไรที่ควรดื่มก็ดื่ม อะไรที่ควรกินก็กิน แต่อย่าบอกว่าตัวเองจะเดินลงน้ำ แค่บอกไปว่าตัวเองต้องออกจากบ้านเดินทางไกลเท่านั้น การปฏิบัติต่อคนอื่นด้วยความจริงใจ ไม่ใช่ว่าจะต้องบอกความจริงไม่มีปิดบังไปเสียทุกเรื่อง แต่เป็นการที่ไม่สร้างปัญหาให้กับผู้อื่น และยังช่วยคนอื่นแก้ไขปัญหาบางอย่างเท่าที่ตัวเองมีความสามารถ โดยที่ไม่ต้องการให้คนอื่นคอยเอ่ยคำขอบคุณต่อเจ้า”

เฉินหลิงจวินเก็บกระดาษพู่กันลงไป ฟุบตัวลงบนผิวโต๊ะ พูดด้วยสีหน้าหม่นหมองเล็กน้อย “เมื่อก่อนข้าไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้ สนแต่เรื่องดื่มเหล้ากินเนื้อ คุยโวเสียงดังอย่างเดียวเท่านั้น”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “วิถีทางโลกไม่เคยทำให้พวกเราประหยัดแรงกายแรงใจได้หรอก คิดให้มากก็ไม่ใช่เรื่องร้ายอะไร”

เฉินหลิงจวินลังเลอยู่นาน เขาถึงขั้นไม่กล้ามองสบตาเฉินผิงอัน ได้แต่เอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “หากข้าบอกว่าอันที่จริงตัวข้าเองไม่ได้อยากเดินลงน้ำ ไม่ได้อยากไปอุตรกุรุทวีปอะไรนั่น แค่อยากจะนั่งกินนอนกินรอความตายอยู่บนภูเขาลั่วพั่วเท่านั้น ท่านจะโกรธมากหรือไม่?”

เฉินผิงอันยิ้มไม่เอ่ยอะไร ราวกับว่าเขารู้คำตอบนี้มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

เฉินหลิงจวินจึงเงียบเสียงลงไป ไม่กล้าเงยหน้ามองสบตาเฉินผิงอัน

เฉินผิงอันเปิดปากพูดว่า “ไม่โกรธ”

เฉินหลิงจวินพลันขยับนั่งตัวตรง พูดด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “จริงหรือ?”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ตั้งแต่แรกข้าก็ไม่ได้รู้สึกว่าเพราะเรื่องการเดินลงน้ำเป็นเรื่องดีที่ใหญ่เทียมฟ้า แล้วเจ้าเฉินหลิงจวินจะต้องรีบเร่งออกเดินทาง ไม่กล้ามีปากมีเสียง เอาแต่ก้มหน้าก้มตาไปเดินลงน้ำทันที ข้าถึงขั้นคิดว่าหากเจ้ายังไม่รู้สึกว่าตัวเองอยากเดินลงน้ำจริงๆ ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเลย ลำน้ำจี้ตู๋สายนั้นก็หนีไปไหนไม่ได้เสียหน่อย ในความเป็นจริงแล้ว มีเพียงวันใดที่เจ้าคิดจนเข้าใจกระจ่างอย่างแท้จริงแล้วค่อยเดินลงลำน้ำจี้ตู๋ เทียบกับความมึนๆ งงๆ แค่ทำงานที่ได้รับมอบหมายให้จบๆ ไปในตอนนี้ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จกลับมีมากกว่า แต่จะว่าไปแล้วการเดินลงน้ำคือเส้นทางที่เจ้าเฉินหลิงจวินจำเป็นต้องเดิน ยากที่จะอ้อมผ่านไปได้ ตอนนี้เตรียมพร้อมไว้ให้มาก ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย”

เฉินผิงอันชะงักไปครู่ก็เอ่ยอีกว่า “บางทีพูดอย่างนี้เจ้าอาจจะรู้สึกบาดหู แต่ข้าก็ควรจะบอกความคิดที่แท้จริงของตัวเองแก่เจ้า ก็เหมือนอย่างที่ชุยตงซานพูด เผ่าพันธุ์เจียวหลงบนโลกมีอยู่ในหนองบึงทะเลสาบมากมาย แต่กลับไม่ใช่ทุกตัวที่จะมีโอกาสเดินจากลำน้ำใหญ่สู่มหานที ดังนั้นหากเจ้ารู้ดีอยู่แก่ใจว่าเรื่องนี้จะถ่วงเวลาให้ล่าช้าไม่ได้ แต่แค่เพราะเกียจคร้านตามความเคยชิน เลยไม่ยินดีจะขยับย้ายถิ่นไปเจอกับความลำบาก ข้าจะโกรธมาก แต่หากเจ้ารู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่นับเป็นอะไรได้เลย ไม่เดินลงลำน้ำใหญ่แล้วอย่างไร ข้าเฉินหลิงจวินก็ยังคงมีมหามรรคาของตัวเองให้ก้าวเดิน หรือไม่ก็รู้สึกว่าข้าเฉินหลิงจวินชอบที่จะอยู่บนภูเขาลั่วพั่ว ต่อให้อยู่ไปทั้งชีวิตก็ยินดี ถ้าอย่างนั้นนายท่านของเจ้าก็ดี เจ้าขุนเขาภูเขาลั่วพั่วก็ช่าง จะไม่รู้สึกโกรธเลยแม้แต่น้อย”

เฉินหลิงจวินยิ้มกล่าว “เข้าใจแล้ว”

เฉินผิงอันคลี่ยิ้ม “ทุกครั้งที่เฉินหรูชูเข้ามาซื้อของในเมืองแล้วเจ้าคอยช่วยคุ้มครองนางอย่างลับๆ ข้าดีใจมาก เพราะนี่ก็คือความรับผิดชอบอย่างหนึ่ง”

เฉินหลิงจวินอับอายเล็กน้อย “ข้าก็แค่มาเดินเล่นเท่านั้นเอง! ใครเป็นคนปากมากมาบอกนายท่าน คอยดูเถอะข้าจะตบปากเขาให้…”

ชุยตงซานที่อยู่นอกประตูพูดด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน “ข้าเอง”

เฉินหลิงจวินอึ้งงันเป็นไก่ไม้

แล้วเขาก็วิ่งเหยาะๆ ไปเปิดประตู เดินเบามือเบาเท้าไปอยู่ด้านหลังชุยตงซาน บีบนวดไหล่ให้เขาพลางถามเสียงเบา “พี่ชุย ทนนั่งอย่างยากลำบากมาทั้งคืนแล้ว ปวดเมื่อยตรงไหนจะต้องบอกน้องชายนะ พวกเราเป็นคนกันเองที่รักใคร่สนิทสนมกันดี เกรงใจกันเกินไปก็ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย! น้ำหนักมือของน้องชายตอนนี้เบาหรือว่าหนักไปไหม?”

เฉินผิงอันเดินข้ามธรณีประตูออกมาถีบเข้าที่ก้นของเฉินหลิงจวิน ด่าขำๆ ว่า “ลมและน้ำของภูเขาลั่วพั่ว เจ้าก็มีส่วนด้วย!”

……

ร้านฉ่าวโถวที่อยู่ข้างกันในตรอกฉีหลงก็เปิดทำการแล้วเหมือนกัน

คนที่มาเปิดร้านคือเด็กสาวที่มีชื่อเล่นว่าจิ่วเอ๋อร์คนนั้น

เฉินผิงอันยิ้มพลางเอ่ยทักทาย “จิ่วเอ๋อร์ อาจารย์และศิษย์พี่ของเจ้าล่ะ?”

เด็กสาวรีบยอบตัวคารวะ กล่าวด้วยน้ำเสียงตกตะลึงระคนยินดี “เจ้าขุนเขาเฉิน”

จากนั้นนางก็พูดอย่างเขินอายเล็กน้อย “อาจารย์คอยดูแลร้านมาโดยตลอด อายุก็มากแล้ว ก็เลยตื่นสายไปสักหน่อย วันนี้ข้าเลยเป็นคนมาเปิดร้าน เมื่อก่อนไม่ได้เป็นเช่นนี้ ศิษย์พี่ไปเก็บสมุนไพรบนภูเขามาหลายวันแล้ว คาดว่าคงช้าหน่อยกว่าจะกลับมาถึงตรอกฉีหลง”

จิ่วเอ๋อร์เตรียมจะไปเรียกอาจารย์ เพราะถึงอย่างไรเจ้าขุนเขาก็มาเยือนด้วยตัวเอง ต่อให้จะถูกอาจารย์ดุด่าก็ควรจะต้องไปรายงานสักคำ

เฉินผิงอันห้ามจิ่วเอ๋อร์เอาไว้ ยิ้มกล่าวว่า “อย่าไปรบกวนการพักผ่อนของท่านนักพรตเลย ข้าก็แค่ผ่านทางมาเลยแวะมาดูพวกเจ้าเท่านั้น”

จิ่วเอ๋อร์รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย “เจ้าขุนเขาเฉิน กิจการของร้านไม่ถือว่าดีสักเท่าไร”

เฉินผิงอันกล่าว “ไม่เป็นไร อันที่จริงกิจการของร้านฉ่าวโถวแห่งนี้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว พวกเจ้าก็พยายามกันต่อไป หากมีเรื่องก็ไปที่ภูเขาลั่วพั่ว อย่าได้รู้สึกเกรงใจเป็นอันขาด ประโยคนี้ เดี๋ยวจิ่วเอ๋อร์เจ้าจะต้องช่วยข้านำไปบอกแก่ท่านผู้เฒ่าด้วย ท่านนักพรตเป็นคนมีคุณธรรม ต่อให้มีเรื่องจริงๆ ก็ชอบจะแบกรับไว้คนเดียว อันที่จริงแบบนี้ไม่ดีเลย คนครอบครัวเดียวกันไม่พูดจาห่างเหิน ใช่แล้ว ข้าคงไม่เข้าไปนั่งในร้านแล้ว ยังมีธุระให้ต้องไปทำอีก”

จิ่วเอ๋อร์ที่เพิ่งจะเปิดประตูร้านเอามือสองข้างเอื้อมไปด้านหลัง แล้วถูมือเข้าด้วยกัน พูดเสียงเบาว่า “เจ้าขุนเขาเฉินจะไม่เข้าไปดื่มชาสักถ้วยจริงๆ หรือ?”

เฉินผิงอันโบกมือยิ้ม “ไม่ดื่มแล้วจริงๆ เหลือค้างไว้ก่อนก็แล้วกัน”

ชุยตงซานนั่งลงแล้วก็ยิ้มเอ่ยว่า “บนภูเขามีคำพูดประโยคหนึ่งที่ง่ายจะทำให้เกิดความคลุมเครือ ‘ฝึกตนบนภูเขามีสาเหตุ ที่แท้ล้วนเป็นเมล็ดพันธ์เทพเซียน’”

เฉินผิงอันเอ่ย “เคยได้ยินมาก่อน”

ชุยตงซานกล่าว “คนปกติได้ยินแล้วก็แค่จะรู้สึกว่าฟ้าดินไม่ยุติธรรม ปฏิบัติต่อตนอย่างเฉยชา คนที่คิดแบบนี้ อันที่จริงไม่ใช่เมล็ดพันธ์ที่เทพเซียนปลูก นอกเหนือจากความเจ็บแค้นแล้ว เอาเข้าจริงยังรู้สึกเศร้าเสียใจกับตัวเองด้วย นี่ต่างหากจึงจะเป็นสิ่งที่สมควรที่สุด”

เฉินผิงอันเงียบงันไม่ตอบ เขาใช้ปลายเท้าวาดวงกลมวงหนึ่งที่มีช่องโหว่เล็กมากจุดหนึ่งไว้บนพื้นดินของลานบ้าน จากนั้นก็วาดวงกลมที่ใหญ่กว่าไว้ด้านนอก “จำเป็นต้องมีทางให้เดิน ทุกคนจึงจะมีโอกาสให้เลือก”

คราวนี้กลายเป็นชุยตงซานที่ต้องเงียบบ้าง เขาเงียบไปพักใหญ่ แล้วถึงได้เปิดปากเอ่ยเนิบช้าว่า “นอกจากครั้งแรก ชีวิตของอาจารย์หลังจากนั้นมา อันที่จริงก็ไม่เคยได้เจอกับความสิ้นหวังที่แท้จริงมาก่อน”

เฉินผิงอันไม่ตอบ เขาสอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อ ค้อมเอวน้อยๆ มองไปยังตรอกหนีผิงนอกประตูที่เปิดอ้าไว้

ชุยตงซานเอ่ยต่อว่า “ยกตัวอย่างเช่นปีนั้น สุดท้ายแล้วหลิวเสี้ยนหยางก็ต้องตายอยู่ดี”

ชุยตงซานเอ่ยอีกว่า “ยกตัวอย่างเช่นแท้จริงแล้วฉีจิ้งชุนต่างหากที่เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง เป็นคนที่วางแผนเล่นงานอาจารย์ได้อย่างลึกล้ำที่สุด”

แล้วก็พูดต่ออีกว่า “หรือยกตัวอย่างเช่นกู้ช่านทำให้อาจารย์รู้สึกว่าเขาสำนึกผิดแล้ว อีกทั้งยังพยายามปรับตัวแก้ไข ทว่าภายหลังถึงเพิ่งรู้ว่าที่แท้ไม่ใช่เช่นนี้ หรือยกตัวอย่างเช่นครั้งแรกที่เผยเฉียนกลับไปยังพื้นที่มงคลรากบัวก็ฆ่าเฉาฉิงหล่างตาย จากนั้นก็เลือกที่จะรอความตาย เดิมพันว่าอาจารย์จะไม่มีทางฆ่านาง”

ในที่สุดเฉินผิงอันก็เปิดปากเอ่ยว่า “สร้างฟ้าดินขนาดเล็กขึ้นมา ข้ามีคำพูดในใจบางอย่าง หากไม่เอ่ยออกมาคงอึดอัดแย่”

ชุยตงซานจึงใช้กระบี่บินวาดบ่อสายฟ้าสีทองบ่อหนึ่ง

เฉินผิงอันลุกขึ้นยืน สอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อ เดินวนเป็นวงกลมอยู่ในลานบ้านพลางเอ่ยเสียงเบาว่า “หลังจากที่อาจารย์ฉีตายไปแล้ว แต่กลับยังคงคอยปกป้องมรรคาให้ข้า เพราะบนร่างของข้ามีศึกสามลัทธิที่อาจารย์ฉีจงใจให้เกิดขึ้นอยู่ ข้อนี้ข้ารู้ดี”

ชุยตงซานลุกพรวดขึ้นยืน “อาจารย์ไม่ควรรู้ความจริงเร็วขนาดนี้!”

เฉินผิงอันหันหน้ามามองชุยตงซาน พูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “วางใจเถอะ ข้าฉลาดมาก แล้วก็เยือกเย็นมาก ดังนั้นอาจารย์ฉีไม่มีทางแพ้ ข้าเฉินผิงอันเองก็เหมือนกัน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!