กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 571

หลี่เป่าผิงวางหมากเร็วราวกับบินอยู่เสมอ เพียงแค่เหลือบตามองสถานการณ์บนกระดานหมากแวบหนึ่งเท่านั้น

เผยเฉียนรู้สึกว่าฝ่ายตัวเองต้องชนะอย่างแน่นอน ลำพังเพียงแค่มาดของนักเล่นระดับแคว้นของพี่หญิงเป่าผิงนี้ก็สังหารสามคนของฝ่ายตรงข้ามได้แล้ว

แต่ท้ายที่สุดกลับยังคงเป็นพวกอวี๋ลู่สามคนที่เอาชนะไปได้ เนื่องจากหลี่เป่าผิงวางหมากเร็วเกินไป ดังนั้นอีกฝ่ายชนะได้อย่างรวดเร็วฉับไว นางเองก็แพ้อย่างไม่อืดอาดชักช้าเลยแม้แต่น้อย

เผยเฉียนใช้หมัดทุบฝ่ามือ จากนั้นก็ปลอบใจพี่หญิงเป่าผิงของนางว่าไม่ต้องหมดอาลัยตายอยาก

เฉินผิงอันพอจะมองบางอย่างออก

หลี่เป่าผิงยิ้มกล่าว “อาจารย์อาน้อย ขอโทษนะ”

เฉินผิงอันส่ายหน้า “ผ่านไปอีกสองสามปี พวกเราอยากจะแพ้ก็ยากแล้ว”

หลี่เป่าผิงพยักหน้ารับอย่างแรง

หลินโส่วอีกับเซี่ยเซี่ยสบตากัน ต่างก็รู้สึกจนใจเล็กน้อย เพราะว่าสิ่งที่เฉินผิงอันพูดก็คือเรื่องจริงที่จริงแท้แน่นอน

คิดไม่ถึงว่าอวี๋ลู่จะยิ้มตาหยีเอ่ยว่า “อยากจะชนะหรือ? ก็ต้องดูว่าพวกเราสามคนยินดีจะเล่นหมากล้อมกับพวกเจ้าหรือไม่”

อวี๋ลู่เอามือปิดโถเก็บเม็ดหมาก มองหลินโส่วอีและเซี่ยเซี่ยที่อยู่ด้านข้าง “เอาอย่างนี้แล้วกัน นับจากวันนี้เป็นต้นไปพวกเราสามคนมาผนึกหมาก (ในการแข่งขันหมากล้อมระดับสูงมักใช้เวลานาน อาจต้องแบ่งเวลาแข่งเป็นสองวันหรือนานกว่านั้น หากวันแรกการแข่งขันจบลงแล้วยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ ฝ่ายที่ถึงคราวต้องเดินหมากก็จะจดก้าวถัดไปของตัวหมากที่ตนเองจะเดินลงบนกระดาษ ใส่ซองแล้วให้กรรมการเป็นผู้เก็บ กรรมการจะผนึกซองแล้วเขียนชื่อหรือสัญลักษณ์ของผู้เล่นลงไป แล้วเก็บซองในสถานที่ที่เป็นความลับซึ่งพวกกรรมการรู้กัน ขั้นตอนนี้เรียกว่าการผนึกหมากหรือเฟิงฉี 封棋) อย่างเป็นทางการกัน ก็เท่ากับว่าพวกเรารักษาผลชนะในกระดานหมากที่เล่นกับเฉินผิงอัน หลี่เป่าผิงและเผยเฉียนได้อย่างสมบูรณ์”

หลินโส่วอีพยักหน้ารับ “เห็นด้วย”

เซี่ยเซี่ยยิ้มบางๆ “เอาตามนี้”

เผยเฉียนร้อนใจขึ้นมาครามครัน

หลี่ไหวปากไวกว่าเผยเฉียนเสียอีก เขาพูดผดุงความเป็นธรรมว่า “พวกเจ้าสามคนหน้าไม่อายขนาดนี้เชียวหรือ? หา? เลียนแบบอาเหลียงหรืออย่างไร? ต่อให้พวกเจ้าจะเลียนแบบเขา แต่ได้รับคำอนุญาตจากข้าแล้วหรือยัง? ไม่รู้หรือว่าข้ากับอาเหลียงเป็นอะไรกัน? เรื่องมากมายที่อาเหลียงทำ ไม่ว่าจะเป็นการพูด การเขียนหนังสือ หรือกินข้าว ล้วนได้รับคำชี้แนะจากข้าหลี่ไหวไปมากเท่าไร? ในใจพวกเจ้าไม่รู้เลยหรือ?”

เผยเฉียนปลาบปลื้มใจเล็กน้อย จึงใช้สายตาเมตตาปราณีมองหลี่ไหว “ถือว่าเจ้าทำความดีชดใช้ความผิดแล้ว ไม่อย่างนั้นเจ้าจะต้องถูกข้าถอดสถานะที่สูงส่งนั้นออก วันหน้าเวลาเจ้าอยู่กับพวกหลิวกวานและหม่าเหลียนก็ไม่อาจยืดเอวตรงได้อีก”

หลี่ไหวกล่าวอย่างกังขา “แต่เจ้าประมุขแห่งยุทธภพคือหลี่เป่าผิงนะ ตำแหน่งของเจ้าสูงกว่าข้าแค่ไหนกันเชียว เจ้ามีสิทธิ์อะไร?”

เผยเฉียนยกสองแขนกอดอก หัวเราะเสียงเย็นเอ่ยว่า “หลี่ไหวเอ๋ย ด้วยสมองที่ไร้ปัญญานี้ของเจ้า วันหน้ายังจะกล้าคาดฝันว่าจะได้ออกท่องยุทธภพร่วมกันกับข้า ไปเป็นตัวภาระให้แก่ข้าอีกหรือ? ข้ากับพี่หญิงเป่าผิงเป็นอะไรกัน เจ้าที่เป็นแค่ผู้นำสาขาย่อยคนหนึ่ง จะเทียบได้รึ?”

หลี่เป่าผิงกำลังเก็บเม็ดหมาก ตอนเล่นนางวางหมากอย่างรวดเร็ว ทว่าเวลานี้กลับเคลื่อนไหวเชื่องช้า นางยิ้มกล่าวว่า “ก่อนที่ข้าจะมาที่นี่ก็ได้ลาออกจากตำแหน่ง ให้เผยเฉียนเป็นเจ้าประมุขแห่งยุทธภพแทนแล้ว”

เผยเฉียนเลิกคิ้ว ชำเลืองตามองหลี่ไหวที่เหมือนถูกฟ้าผ่า แล้วเอ่ยเยาะเย้ยว่า “เป็นไง อึ้งไปเลยล่ะสิ คราวนี้ทำอะไรไม่ถูกเลยใช่ไหม?”

หลี่ไหวไม่เห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องเล่นๆ ออกท่องยุทธภพเป็นเรื่องใหญ่ที่จิตใจของหลี่ไหวพะวงถึงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึงพูดอย่างร้อนใจว่า “หลี่เป่าผิง! มีใครเขาทำตัวเหลวไหลอย่างเจ้าบ้าง บอกว่าจะไม่เป็นก็ไม่เป็นแล้ว? ไม่เป็นก็ไม่เป็น แต่เจ้าอาศัยอะไรถึงยกตำแหน่งให้เผยเฉียนง่ายๆ ว่ากันด้วยเรื่องประสบการณ์ ใครที่อาวุโสกว่ากัน? ข้ากระมัง? พวกเรารู้จักกันมากี่ปีแล้ว! หากพูดถึงความจงรักภักดี คุณธรรมสูงส่งเทียมฟ้า ก็ยังเป็นข้ากระมัง? ปีนั้นพวกเราออกเดินทางไกลด้วยกันสองครั้ง ข้าต้องนอนกลางดินกินกลางทรายไปตลอดทาง แต่ก็ไม่เคยบ่นสักครึ่งคำไม่ใช่หรือ?”

หลี่เป่าผิงอืมรับหนึ่งที “ไม่เคยบ่น ‘ครึ่งคำ’ จริงๆ นั่นแหละ แต่เป็นคำแล้วคำเล่า คือคำบ่นที่สะสมไว้เป็นกระบุงโกย”

หลี่ไหวที่ถูกแฉความคิดเจ้าเล่ห์ๆ เล็กนั้นจึงได้แต่เปลี่ยนวิธีใหม่ พูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจว่า “หากพวกเจ้าสองคนยังร่วมมือกันรังแกคนซื่อแบบนี้ ข้าคงต้องพาหลิวกวานและหม่าเหลียนออกจากพรรคไปก่อตั้งภูเขาของตัวเองแล้ว”

เผยเฉียนหลุดหัวเราะพรืด “เจ้าฝันอยู่หรือไร ด้วยเจ้าทึ่มหลิวกวานกับเจ้าหนอนหนังสือหม่าเหลียนนั่นน่ะหรือ หากไม่มีข้าเผยเฉียนคอยวางแผนการให้ พวกเจ้าที่ออกท่องยุทธภพจะสร้างชื่อเสียงอะไรได้? บ้านก็มีกฎของบ้าน พรรคมีกฎของพรรค คำพูดไม่น่าฟังข้าจะเอามาพูดไว้ก่อน พวกเจ้าออกจากพรรคนั้นง่าย แต่หากวันหน้าร่ำร้องอยากจะกลับเข้ามาในพรรคอีกก็ยากยิ่งกว่าเดินขึ้นสวรรค์แล้ว! ข้าคือใคร คือนักฆ่าที่ลอบสังหารเจ้าห่านขาวใหญ่ได้สำเร็จ ไม่มีความรู้สึกอะไรทั้งนั้น ให้ความสำคัญกับกฎเกณฑ์เป็นที่สุด หน้าเนื้อใจเสือ…”

คงเพราะรู้สึกว่าหากตัวเองยังพูดจาเลื่อนเปื้อนแบบนี้ต่อไปอาจได้กินมะเหงก เผยเฉียนจึงหุบปากฉับ เอาแค่พอประมาณก็พอ เพราะถึงอย่างไรตนก็ยังพูดสะกิดหลี่ไหวตอนอยู่กันเพียงลำพังได้อีก ไอ้หมอนี่ห่างชั้นจากโจวหมี่ลี่ไกลนัก อันที่จริงหมี่ลี่น้อยไม่ค่อยชอบลำพองใจสักเท่าไร

หลินโส่วอีลุกขึ้น เดินไปนั่งขัดสมาธิที่ปลายระเบียง แล้วเริ่มสงบใจฝึกตน

ส่วนเซี่ยเซี่ยก็นั่งอีกฝั่ง คนทั้งสองเคยชินกับการทำเช่นนี้มานานแล้ว จึงรู้ใจกันอย่างยิ่ง

หลี่เป่าผิงเสนอให้ไปหาอะไรกินอร่อยๆ ในตรอกเล็กของเมืองหลวงนอกสำนักศึกษา

ทั้งหลี่ไหวและอวี๋ลู่ล้วนตามไปด้วย

ผลคืออาหารมื้อนี้ยังคงเป็นเผยเฉียนที่ควักกระเป๋าเงินจ่าย

หลี่เป่าผิงยิ้มตาหยีดึงแก้มเผยเฉียน เผยเฉียนยิ้มกว้างจนหุบปากไม่ลง

กลับมาถึงสำนักศึกษา คืนนี้เผยเฉียนจะไปนอนกับหลี่เป่าผิง คนทั้งสองมีเรื่องให้ต้องคุยกันมากมาย

หลี่ไหวรีบไปปรึกษาเรื่องใหญ่กับหลิวกวานและหม่าเหลียน ไม่อย่างนั้นคงรักษาตำแหน่งในยุทธภพเอาไว้ไม่ได้

เฉินผิงอันมาตกปลาอยู่ริมทะเลสาบกับอวี๋ลู่

คนทั้งสองไม่ได้คุยอะไรกัน

ได้ปลามาจำนวนมาก

น่าเสียดายก็แต่พวกเขาไม่ได้อยู่ระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวอย่างในปีนั้น ไม่อย่างนั้นแกงปลาที่ต้มเสร็จต้องทำให้คนกินจนพุงกางได้แน่นอน

ตอนที่เก็บคันเบ็ด อวี๋ลู่ถามว่า “ตอนนี้เจ้าคือขอบเขตร่างทองหรือ?”

เฉินผิงอันนั่งยองอยู่ริมชายฝั่ง เปิดข้องปลาออก แล้วปล่อยปลาทะเลสาบทุกตัวที่ตกมาได้กลับลงน้ำไป เงยหน้ายิ้มถามว่า “ฟังจากน้ำเสียงดูแล้วเหมือนจะยอมไม่ได้นะ?”

อวี๋ลู่พยักหน้ารับ จากนั้นก็ยิ้มบางๆ “มาฝึกฝีมือกันหน่อยไหม?”

เฉินผิงอันถาม “ไม่กลัวจะถ่วงรั้งการเรียนหรือ?”

ประโยคนี้ทำให้อวี๋ลู่สะอึกอึ้งพูดไม่ออก เขาเก็บคันเบ็ดและข้องจับปลา พาเฉินผิงอันไปที่เรือนของเซี่ยเซี่ย

ตรงระเบียงแห่งนั้น เซี่ยเซี่ยยังคงรวบรวมสมาธิอยู่ในสภาวะนั่งลืมตน

หลินโส่วอีจากไปแล้ว

พอได้ยินเสียงเคาะประตู เซี่ยเซี่ยก็รู้สึกจนใจเล็กน้อย ลุกขึ้นยืนเดินมาเปิดประตู พอได้ยินจุดประสงค์การมาเยือนของคนทั้งสอง เซี่ยเซี่ยก็อดไม่ไหวยิ้มกล่าวว่า “สามารถชมศึกได้ไหม?”

อวี๋ลู่ยืนอยู่ในลานบ้าน ยิ้มกล่าว “ตามใจ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!