กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 582

สรุปบท บทที่ 582.2 ในตรอกเก่าโทรมยังมีโรงเรียน: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

สรุปตอน บทที่ 582.2 ในตรอกเก่าโทรมยังมีโรงเรียน – จากเรื่อง กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

ตอน บทที่ 582.2 ในตรอกเก่าโทรมยังมีโรงเรียน ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

หลังจากที่จั่วโย่วจากไปโดยที่ไม่ได้ออกกระบี่ เฉินผิงอันก็ถอนหายใจโล่งอก หากจะบอกว่าไม่ตื่นเต้นเลยก็เท่ากับหลอกตัวเอง เขารีบเก็บเก้าอี้กลับไปไว้ในร้าน ตัวเองมานั่งอยู่บนธรณีประตู รอให้หนิงเหยากับเตี๋ยจ้างกลับมา

ตอนที่จั่วโย่วมาเยือน เขามาอย่างเงียบเชียบ ทว่าตอนจากไปกลับไม่ได้จงใจปกปิดร่องรอยของปราณกระบี่

ดังนั้นผู้ฝึกกระบี่เกินครึ่งของกำแพงเมืองปราณกระบี่ก็น่าจะรู้ชัดเจนถึงการที่จั่วโย่วออกมาจากหัวกำแพงในครั้งนี้

แล้วนับประสาอะไรกับที่ก่อนหน้านี้จั่วโย่วยังมานั่งอยู่หน้าประตูร้านอย่างเปิดเผย เดิมทีนั่นก็เป็นคำพูดที่ไร้เสียงอย่างหนึ่ง

ก่อนที่ลูกศิษย์อย่างจั่วโย่วจะปรากฏตัว อันที่จริงซิ่วไฉเฒ่าได้ร่ายวิชาอภินิหาร ปิดบังฟ้าดิน มีเพียงคนในร้านเท่านั้นที่รู้

พอจั่วโย่วมาถึง ซิ่วไฉเฒ่าถึงได้ถอนเวทอาคมออก

สายของเหวินเซิ่ง แต่ไหนแต่ไรมามักจะคิดมากชอบไตร่ตรองให้มากอยู่เสมอ และการกระทำหลังจากผ่านการคิดการไตร่ตรองมาแล้วก็เด็ดขาดมาโดยตลอด เป็นเหตุให้มองดูเหมือนเป็นการกระทำที่ไร้เหตุผลที่สุด

หนิงเหยากลับมาที่ร้านพร้อมกับเตี๋ยจ้าง เฉินผิงอันลุกขึ้นยิ้มกล่าวว่า “ข้ารับรองแขกอยู่ที่นี่ รบกวนแม่นางเตี๋ยจ้างแล้ว”

เตี๋ยจ้างยิ้มถาม “สถานะของท่านผู้เฒ่า ข้าจะไม่ถาม แต่เหตุใดเซียนกระบี่ใหญ่จั่วถึงได้มาดื่มเหล้ากับเจ้าที่นี่ เรื่องนี้ข้าคงต้องถาม หลีกเลี่ยงไม่ให้วันหน้าอยู่ดีๆ ทรัพย์สินในร้านของตัวเองหายไป ก็ยังไม่รู้ว่าควรจะไปร้องทุกข์เอากับใคร”

เฉินผิงอันกล่าว “จั่วโย่วคือศิษย์พี่ใหญ่ของข้า ก่อนหน้านี้คนที่นั่งอยู่ตรงกลางคืออาจารย์ของพวกเราสองคน เหวินเซิ่งแห่งลัทธิขงจื๊อของใต้หล้าไพศาล”

ถึงอย่างไรอยู่ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ ที่พึ่งอะไรล้วนมีความหมายไม่มาก การต่อสู้ที่ควรเกิดขึ้นก็ไม่เคยลดน้อยลง สนามรบที่ควรไปออกศึก จะอย่างไรก็ยังต้องไป

อีกอย่างชุยตงซานผู้เป็นลูกศิษย์ก็พูดถูกแล้ว อาจารย์และศิษย์พี่ที่อาศัยความสามารถของตัวเองช่วงชิงมา ไม่มีความจำเป็นที่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ

เตี๋ยจ้างเดินเข้าร้านไปเงียบๆ

ไม่มีอะไรให้คุยแล้ว

หนิงเหยานั่งอยู่บนธรณีประตูกับเฉินผิงอัน เอ่ยเสียงเบาว่า “โชคดีที่ผู้เฒ่าเซียนกระบี่ใหญ่จับตามองหัวกำแพงเมืองด้วยตัวเอง ไม่อนุญาตให้ใครใช้ข้ออ้างใดๆ ไปทางทิศใต้ ไม่อย่างนั้นศึกใหญ่ครั้งถัดไป เจ้าจะอันตรายมาก พวกเผ่าปีศาจมีอุบายกันไม่น้อย”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ทั้งอาจารย์และศิษย์พี่ต่างก็รู้ดีว่าควรทำอย่างไร”

หนิงเหยาพยักหน้ารับ “หลังจากนี้จะทำอะไรต่อ?”

เฉินผิงอันตอบ “มานะฝึกตน หลอมลมปราณให้เยอะ พยายามเลื่อนสู่ขอบเขตถ้ำสถิตในเร็ววัน หลอมใหญ่ชูอีสืออู่ให้เป็นวัตถุแห่งชะตาชีวิตให้เสร็จสิ้น ขณะเดียวกันก็ต้องขัดเกลาขอบเขตร่างทอง หากเลื่อนสู่ขอบเขตเดินทางไกลเมื่อไหร่ ยามที่เปิดฉากเข่นฆ่าจะมีประโยชน์มากกว่าเดิม แต่สองเรื่องนี้ล้วนยากที่จะทำให้สำเร็จได้โดยเร็ว ลำพังเพียงแค่รวบรวมวัตถุแห่งชะตาชีวิตห้าธาตุให้ครบก็ยากราวกับเดินขึ้นสวรรค์แล้ว วัตถุแห่งชะตาชีวิตอย่างทอง ไฟนั้น ได้แต่พานพบมิอาจเรียกร้อง หากไม่ได้จริงๆ ก็ไม่ต้องเรียกร้องให้ระดับขั้นสูงนัก ถึงอย่างไรก็ควรต้องสร้างสะพานแห่งความเป็นอมตะขึ้นมาเพื่อรับศึกใหญ่ครั้งต่อไปเสียก่อน หนิงเหยา เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องเกลี้ยกล่อมข้า ข้าชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสียอย่างละเอียดมาก่อนแล้ว ตอนนี้ระดับขั้นของวัตถุแห่งชะตาชีวิตทั้งสามชิ้น หากไม่พูดถึงเรื่องอื่นๆ บนเส้นทางของการฝึกตน พูดถึงแค่วัตถุแห่งชะตาชีวิต อันที่จริงก็มากพอจะประคับประคองให้ข้าเดินไปถึงเซียนดิน หรือแม้กระทั่งขอบเขตหยกดิบแล้ว เรื่องนี้จะแสวงหาความสมบูรณ์แบบมากเกินไปไม่ได้ บนเส้นทางการฝึกตนจะเดินช้าเกินไปไม่ได้จริงๆ ไม่อย่างนั้นหากไม่อาจเลื่อนขั้นเป็นผู้ฝึกลมปราณห้าขอบเขตกลางได้เสียที ปราณวิญญาณย่อมสลายไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทว่าขอบเขตของผู้ฝึกยุทธกลับมาถึงขอบเขตเจ็ดแล้ว ยามที่โคจรปราณแท้จริงที่บริสุทธิ์ขึ้นมา ย่อมต้องเกิดความขัดแย้งกับปราณวิญญาณไม่มากก็น้อย ซึ่งจะถ่วงพลังการต่อสู้ ช่วงเวลาระหว่างนี้…”

กล่าวมาถึงตรงนี้ เฉินผิงอันก็ขมวดคิ้วมุ่น ถอนหายใจ “ยังต้องเรียนกระบี่กับศิษย์พี่ด้วย”

หนิงเหยากล่าว “ก็ดีมากนี่นา เดิมทีผู้อาวุโสจั่วก็เป็นคนที่เหมาะที่สุดแล้วก็มีคุณสมบัติมากที่สุดที่จะสอนวิชากระบี่ให้แก่เจ้า อย่าลืมล่ะว่า ตัวของศิษย์พี่เจ้าเองก็ไม่ได้เป็นตัวอ่อนกระบี่ก่อนกำเนิดอะไร”

เฉินผิงอันกล่าวอย่างจนใจ “แต่จะให้นอนดื่มยาอยู่ในจวนหนิงทุกๆ สามวันห้าวันก็คงไม่ดีกระมัง”

หนิงเหยายิ้มกล่าว “ไม่เป็นไรหรอก ตอนนั้นที่ข้าอยู่ในถ้ำสวรรค์หลีจูก็เรียนรู้วิธีการต้มยามาจากเจ้าแล้ว แต่ไม่เคยได้มีโอกาสนำมาใช้สักที”

เฉินผิงอันอดทนแล้วอดทนอีก แต่สุดท้ายก็ยังทนไม่ไหว “ใช่ว่าข้าจะไม่เคยเห็นฝีมือการต้มยาของเจ้าสักหน่อย เจ้ากล้าต้ม ข้าก็ไม่กล้าดื่มหรอก”

หนิงเหยาจุ๊ปากพูด “รับศิษย์พี่แล้ว คำพูดคำจาก็แข็งข้อขึ้นเยอะเลย”

เฉินผิงอันรีบพูดอย่างน่าสงสารว่า “ข้าจะดื่ม ดื่มแทนเหล้า”

เตี๋ยจ้างมองคนสองคนที่อยู่ตรงหน้าประตูแล้วก็ส่ายหน้า ไม่เห็นใจคนโสดบ้างเลย

เฉินผิงอันนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ก็หันหน้ามายิ้มเอ่ยว่า “แม่นางเตี๋ยจ้าง ขอแค่ข้าสามารถช่วยทางร้านหาเงินได้ พวกเรามาแบ่งกำไรกันสี่ต่อหกเป็นอย่างไร?”

เตี๋ยจ้างยิ้มกล่าว “เจ้าได้น้อยเกินไปหรือเปล่า?”

เฉินผิงอันเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นก็คงได้แค่สามต่อเจ็ดแล้วสินะ? แม่นางเตี๋ยจ้าง เจ้าทำการค้าเสี่ยงอันตรายเกินไปหน่อยจริงๆ นะ มิน่าเล่ากิจการถึงได้…ดีขนาดนี้”

เตี๋ยจ้างโมโหจนพูดไม่ออก

หนิงเหยาทำท่ามีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ร้านขายของเบ็ดเตล็ดแห่งนี้ ต่อให้เป็นเทพเซียนก็ยากจะหาเงินมาเพิ่มได้ ข้ารู้ว่าครั้งนี้ตัวเองต้องมาอยู่ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่นาน ก็เลยเอาเหล้าธรรมดาของบ้านเกิดมาด้วยมากหน่อย ไม่สู้พวกเรามาร่วมกันเปิดร้านเหล้าเล็กๆ ดีไหม แค่เอาโต๊ะเอาม้านั่งไปวางไว้นอกร้านให้มากหน่อย ไม่ต้องกลัวว่าหากลูกค้าเยอะแล้วจะไม่มีที่นั่ง ขอแค่สุราดี นั่งยองดื่มบนพื้นก็รสชาติดี”

เพียงแต่ว่าเตี๋ยจ้างพูดขนาดนี้แล้ว หนิงเหยาเลยตัดใจพูดไม่ลง

ดังนั้นสุดท้ายแล้วจึงหั่นราคาเหลือที่สี่ต่อหก

เหตุผลก็เพราะเฉินผิงอันบอกว่าตัวเองชนะสี่ครั้งติด เป็นเหตุให้ถนนใหญ่เส้นนี้มีชื่อเสียงเลื่องลือไกล เขามาขายเหล้า นั่นก็คือป้ายอักษรทองที่สามารถเรียกลูกค้าได้โดยไม่ต้องเสียเงินสักแดงเดียว

เตี๋ยจ้างนับถือวิธีการและความหน้าหนาในการหาเงินของเจ้าหมอนี่จริงๆ

แต่สุดท้ายเตี๋ยจ้างก็ยังถามว่า “เฉินผิงอัน เจ้าไม่ถือสาจริงๆ หรือว่า ตัวเองมาขายเหล้าหาเงินเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้แล้วจะทำให้ผู้อาวุโสในจวนหนิง จวนเหยาขายหน้าหรือไม่?”

เฉินผิงอันย้อนถามด้วยรอยยิ้ม “แม่นางเตี๋ยจ้าง ลืมชาติกำเนิดของข้าไปแล้วหรือ? ไม่ได้ขโมย ไม่ได้แย่งชิงใครมา ไม่ได้ไปหลอกลวงใคร เงินเหรียญทองแดงเหรียญหนึ่งที่หามาได้ก็ล้วนถือเป็นความสามารถทั้งสิ้น”

หนิงเหยากลั้นยิ้ม

คาดว่าหากเปิดร้านมาแล้วไม่มีช่องทางการขาย ไม่มีใครที่ยินดีมาซื้อเหล้า เจ้าคนที่ในดวงตามีแต่เงินผู้นี้ ก็คงจะเอาไปขายได้ถึงผู้เฒ่าเซียนกระบี่ใหญ่โน่นแหละ

เตี๋ยจ้างเงียบไปนาน ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาว่า “ข้ารู้สึกว่าร้านเหล้าของพวกเราหลอกลวงคนอื่นมากเลย”

เฉินผิงอันโบกมือ พูดอย่างไม่ละอายว่า “ราคาเขียนไว้ชัดเจน อยากซื้อก็ซื้อ ถึงเวลานั้นไม่ต้องกลุ้มเรื่องช่องทางการขาย อยากจะขายหรือไม่ก็ต้องดูที่อารมณ์ของพวกเราสองคนแล้ว!”

เตี๋ยจ้างถึงพอจะสบายใจได้บ้าง

หาเงินมาซื้อบ้าน เป็นความปรารถนาของเตี๋ยจ้างมาโดยตลอด เพียงแต่ตัวเตี๋ยจ้างเองก็รู้ดีว่า จะหาเงินอย่างไร ตนไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญจริงๆ

เดิมทีเตี๋ยจ้างนึกว่าคุยกันเสร็จแล้ว และเฉินผิงอันก็จะกลับไปที่จวนหนิงพร้อมกับหนิงเหยา คิดไม่ถึงว่าเฉินผิงอันจะไปยืนอยู่ที่โต๊ะคิดเงิน หยิบเอาลูกคิดออกมา เตี๋ยจ้างพูดอย่างสงสัยว่า “ก็แค่ไปซื้อเหล้ามาตุนไม่ใช่หรือ? เรื่องง่ายจะตายไป ข้ายังพอจะทำได้”

เฉินผิงอันมีสีหน้าอึ้งตะลึง คราวนี้เขาไม่ได้เสแสร้ง ยิ้มพูดอย่างฉุนๆ ปนขันว่า “ใต้หล้านี้มีการค้าที่ทำกันได้ง่ายขนาดนี้เลยหรือ?! แม่นางเตี๋ยจ้าง ข้าเริ่มเสียใจแล้วที่มาทำการค้ากับเจ้า! เจ้าคิดดูนะ จะซื้อเหล้ามาจากใคร ถึงอย่างไรก็ต้องเลือกร้านเหล้าที่กิจการซบเซาใช่ไหมล่ะ? ถึงเวลานั้นจะหั่นราคาอย่างไร พวกเราซื้อเยอะแล้วจะลดให้เท่าไร เจอคนพูดภาษาคน เจอผีพูดภาษาผี เรื่องพวกนี้ไม่ควรต้องคิดไว้ก่อนหรอกหรือ? ควรจะกำหนดสัญญาตายตัวอย่างไร หลีกเลี่ยงไม่ให้เห็นว่ากิจการของพวกเราดีแล้ว อีกฝ่ายเปลี่ยนใจไม่ขายเหล้าให้ ต่อให้ไม่ขาย แล้วจะชดใช้ให้ร้านของพวกเราตามสัญญาอย่างไร มีเรื่องจุกจิกมากมายจะตายไป ข้าคาดว่าเจ้าคนเดียวคงคุยไม่รู้เรื่อง ช่วยไม่ได้ เดี๋ยวข้าจะสวมหน้ากาก เจ้าก็คอยดูอยู่ด้านข้างแล้วกัน ข้าจะแสดงให้เจ้าดูก่อนรอบหนึ่ง อีกอย่างเรื่องพวกนี้ยังเป็นงานง่ายๆ ที่แค่ต้องไปซื้อเหล้าจากคนอื่น มาพูดถึงเรื่องการเปิดร้าน เราต้องเชิญพวกนักดื่มที่มองดูเหมือนผ่านทางมามาช่วยเพิ่มชื่อเสียงให้ร้าน เป็นผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตอะไร ก็ยังต้องหามาสักสามคนห้าคน ในทางส่วนตัวก็สัญญากับพวกเขาว่าจะยกเหล้าใบไผ่ชั้นดีที่มีค่าดุจทองพันชั่งให้เขากี่กา ให้เซียนกระบี่คนใดเป็นผู้รับผิดชอบทำหน้าที่ตะโกนในร้านว่าจะเหมาเหล้าของทั้งร้านด้วย แบบนี้ถึงจะค่อนข้างเหมาะสม ไม่ทิ้งร่องรอยให้จับได้ ไม่เหมือนว่าเป็นหน้าม้าที่จ้างมา เรื่องพวกนี้ต้องคิดให้รอบคอบนะ อีกอย่างหลังจากหาเงินมาได้แล้วจะคิดบัญชีกับเพื่อนที่เป็นผีขี้เหล้าอย่างพวกเจ้าอ้วนเยี่ยนกับเฉินซานชิวให้ชัดเจนอย่างไร พวกเราทำการค้าที่มีทุนน้อย จะมาลงบัญชีเชื่อไว้ไม่ได้เด็ดขาด เรื่องนี้ก็ต้องวางแผนไว้แต่เนิ่นๆ ไม่ใช่หรือ…”

เตี๋ยจ้างไม่เหลือท่าทางเปี่ยมอำนาจอะไรอีกเลย ยิ่งนานก็ยิ่งเหมือนวัวสันหลังหวะ ฟังเฉินผิงอันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะคิดเงินพูดจ้อไม่หยุด เตี๋ยจ้างก็เริ่มรู้สึกแล้วว่าตนไม่เหมาะจะทำการค้าจริงๆ หรือเปล่า

เหตุใดจู่ๆ นางถึงได้รู้สึกว่านี่ยากยิ่งกว่าฝึกกระบี่อีกนะ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!