ผู้ฝึกกระบี่ต่างถิ่นที่มาจากทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางกลุ่มนี้มีทั้งสิ้นห้าคน
นอกจากเด็กหนุ่มหิ้วกาเหล้าที่ถือว่ายังสุขุมอยู่มากแล้ว คนที่เหลืออีกสามคนล้วนก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย เตรียมพร้อมที่จะเรียกกระบี่บินออกมาทุกเมื่อ คนหนึ่งในนั้นอายุยี่สิบต้นๆ มีสีหน้าเฉยเมย ไม่ว่าจะเป็นการถอยหนีหรือชักนำปราณวิญาณในการเตรียมออกกระบี่ก็ล้วนช้ากว่าสหายไปครึ่งก้าว และยังมีเด็กสาวคนหนึ่งที่เรือนกายสูงโปร่งสะโอดสะอง สวมเสื้อสาบคู่คอปกสีสันสดใส ด้านนอกสวมกระโปรงผ้าโปร่งคลุมทับ บนเนื้อผ้าประดับด้วยลายปักร้อยบุปผา คือการแต่งกายที่ผู้ฝึกตนหญิงของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางค่อนข้างชื่นชอบ นางคือคนแรกสุดที่ยื่นมือไปจับกระบี่ยาวที่ห้อยไว้ตรงเอว
ส่วนคนสุดท้าย แน่นอนว่าต้องเป็นเด็กหนุ่มสะพายกระบี่ที่ถูกเฉินผิงอันยกจนตัวลอยอยู่กลางอากาศ พอถูกเฉินผิงอันกักตัว พายุปณิธานหมัดข่มทับเอาไว้ ปราณวิญญาณในช่องโพรงลมปราณสำคัญหลายแห่งของฝ่ายหลังจึงออกมาไม่ได้ พยายามจะฝ่าด่านทะลุประตูออกไป แต่กลับถูกโจมตีให้ล่าถอยกลับครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงขั้นไม่อาจกระดุกกระดิก ไปๆ มาๆ หน้าจึงแดงก่ำ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว แล้วกลายเป็นสีม่วง ราวกับปลาตายที่ถูกแขวนตากแดดไว้บนผนัง คาดว่าความอับอายในใจตอนนี้คงไม่น้อยกว่าจิตสังหารเลย
เฉินผิงอันถาม “เขาไม่เต็มใจพูด เจ้าพูดแทนเขาไหม?”
เด็กหนุ่มที่หิ้วกาเหล้าคนนั้นยิ้มกว้างสดใส “เมื่อครู่นี้เขาพูดอะไร ข้าได้ยินไม่ชัดเลย”
เฉินผิงอันยิ้มถาม “สายของหย่าเซิ่งหูไม่ดีขนาดนี้เชียวหรือ?”
เด็กสาวคนนั้นเอ่ยอย่างเดือดดาล “เฉินผิงอัน เจ้าปล่อยตัวเจี่ยงกวนเฉิงเดี๋ยวนี้นะ! อย่านึกว่าพอจะมีชื่อเสียงเล็กๆ น้อยๆ อยู่ในกำแพงเมืองปราณกระบี่แล้วจะทำตัวกำเริบเสิบสานอย่างไรก็ได้! แค่พูดจาไม่เข้าหูคำเดียว เจ้าก็คิดจะฆ่าคนเชียวหรือ?! ลูกศิษย์สายเหวินเซิ่งแต่ละคนนิสัยดีๆ กันทั้งนั้นเลยสินะ! ทีแรกก็เป็นชุยฉานที่หลอกลวงอาจารย์ลบล้างบรรพชน ภายหลังก็มีจั่วโย่วที่ทำลายตัวอ่อนเซียนกระบี่ก่อนกำเนิดของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางไปมากมาย! อาจารย์ลุงของข้าคนนั้น…แล้วยังมีเจ้า เฉินผิงอัน! เป็นลูกศิษย์ของลัทธิขงจื๊อ ลูกศิษย์คนสำคัญของเหวินเซิ่ง แต่กลับมาทำการค้าชั้นต่ำ ขายเหล้าด้วยตัวเองอยู่ที่นี่! อารยธรรมหายสิ้นหมดแล้ว!”
พอพูดถึงอาจารย์ลุง เด็กสาวก็เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในดวงตาถึงกับมีน้ำตามาเอ่อคลอ กระทั่งกลับมาพูดถึงเฉินผิงอันอีกครั้ง สีหน้าของนางจึงกลับมาเป็นปกติในทันที แล้วยังเดือดดาลคลั่งแค้นมากเป็นพิเศษ
เฉินผิงอันแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
การถูกชี้หน้าด่าประณามต่อหน้าแบบนี้ เขากลับไม่ค่อยถือสาเท่าไรจริงๆ อีกอย่างก็ไม่ได้ด่าอาจารย์เสียหน่อย แค่ด่าลูกศิษย์ของอาจารย์ ด่าพวกศิษย์พี่ของตนเท่านั้น เขาคือลูกศิษย์คนเล็กของสายอาจารย์ ยังจำเป็นต้องให้ศิษย์น้องเล็กอย่างเขาพูดจาทวงความเป็นธรรมให้แก่พวกศิษย์พี่ด้วยหรือ?
ช่วยพูดทวงความเป็นธรรมแทนชุยฉาน? หรือเป็นเดือดเป็นร้อนแทนศิษย์พี่จั่วโย่ว? จำเป็นหรือ? เฉินผิงอันรู้สึกว่าไม่จำเป็น คนหนึ่งต้องการใช้หนึ่งแคว้นหนึ่งทวีปมาขัดขวางการเดินทางขึ้นเหนือของเผ่าปีศาจ ขัดขวางไม่ให้เผ่าปีศาจฮุบกลืนอาณาเขตของสามทวีปอย่างใบถง แจกันสมบัติและอุตรกรุทวีปได้ในรวดเดียว อีกคนหนึ่งต้องการกลายเป็นผู้ที่มีเวทกระบี่สูงที่สุดในทุกใต้หล้านอกเหนือจากใต้หล้าไพศาล อันที่จริงต่างก็ยุ่งกันมาก ส่วนเขาเฉินผิงอันก็ยุ่งมากเหมือนกัน
ฝึกวรยุทธ ฝึกกระบี่ หลอมลมปราณ อ่านหนังสือ และกำลังจะหลอมวัตถุแห่งชะตาชีวิตชิ้นที่สี่ นอกจากนี้ยังต้องหาเงิน เป็นเจ้ามือ แกะสลักตราประทับ จะไม่ยุ่งได้หรือ?
แต่ที่สำคัญที่สุดยังเป็นเพราะคำพูดของแม่นางน้อยคนนี้ ไม่ว่าจะมีเหตุผลหรือไร้เหตุผล เหตุผลใหญ่พอหรือไม่ แต่ถึงท้ายที่สุดแล้วนางก็ยังไม่ได้มีจิตใจคิดร้ายเป็นอันตรายกับผู้อื่น
ถ้าอย่างนั้นเฉินผิงอันก็สามารถเข้าใจ และรับได้
“จูเหมย พูดกับท่านเฉินแบบนั้นได้อย่างไร”
เด็กหนุ่มดุเด็กสาวไปหนึ่งคำ จากนั้นก็ยิ้มตาหยีเอ่ยกับเฉินผิงอันต่อว่า “ท่านเฉินเป็นผู้มีวัยวุฒิสูง ผู้น้อยควรรับฟังคำสั่งสอน ไม่ว่าท่านเฉินพูดอะไร หากผู้น้อยมีความผิดก็ควรแก้ไข หากไม่มีก็ควรนำมาใช้เตือนตัวเองว่าอย่าทำผิดทำนองเดียวกันนี้ อีกอย่างนะ เจี่ยงกวนเฉิงในมือของท่านเฉินผู้นี้ก็คือลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเซียนกระบี่ขู่เซี่ยของพวกเรา แล้วเซียนกระบี่ขู่เซี่ยยังเป็นศิษย์หลานของหนึ่งในสิบท่านที่บ้านเกิดพวกเรา นี่ยุ่งยากอย่างมาก แน่นอนว่าศิษย์พี่ของท่านเฉินอย่างเซียนกระบี่ใหญ่จั่ว ผู้น้อยก็เลื่อมใสมานานมากแล้ว ตอนนี้เซียนกระบี่ใหญ่จั่วก็ฝึกกระบี่อยู่ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ คิดดูแล้วคงไม่ต้องเป็นกังวลมากนัก แต่เซียนกระบี่ในใต้หล้านี้ล้วนเป็นคนครอบครัวเดียวกัน หากทำลายความปรองดองคงไม่ดีนัก”
เฉินผิงอันถาม “เจ้าคือผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตชมมหาสมุทร? คนแรกที่จะต่อสู้?”
เด็กหนุ่มไม่ได้ตอบคำถามข้อนี้ แต่ยิ้มบางๆ ย้อนถามว่า “ท่านเฉินคือคนของแจกันสมบัติทวีป คงจะไม่มาช่วยเฝ้าด่านให้ผู้ฝึกกระบี่ของกำแพงเมืองปราณกระบี่หรอกกระมัง?”
ผู้ฝึกกระบี่เด็กหนุ่มกับเฉินผิงอัน คนหนึ่งใช้ภาษากลางที่ใช้กันทั้งใต้หล้าไพศาล อีกคนหนึ่งใช้ภาษาถิ่นของกำแพงเมืองปราณกระบี่
เด็กหนุ่มก้มหน้าลงมองแวบหนึ่ง
เฉินผิงอันผลักออกไปเบาๆ เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่คนนั้นก็ลอยไปไกลสิบกว่าจั้ง แล้วจึงได้ยินเขาพูดบ่นว่า “ตัวสูงอะไรขนาดนี้ ทำเอาข้าต้องเขย่งเท้าอยู่ตั้งนาน”
จากนั้นเฉินผิงอันก็มองเด็กหนุ่มน่าสนใจที่หิ้วกาเหล้าผู้นี้ “อายุน้อยๆ ก็มีขอบเขตสูงขนาดนี้แล้ว มาเดินเล่นอยู่ที่นี่แล้วพูดจาส่งเดชไปทั่วแบบนี้ ไม่กลัวว่าจะทำให้พวกขี้ขลาด พวกขอบเขตต่ำอย่างพวกเราตกใจตายจริงๆ หรือ?”
เฉินซานชิวใช้ภาษาถิ่นอธิบายบทสนทนาของคนทั้งสองให้พวกนักดื่มที่อยู่รอบๆ ฟัง
เสียงผิวปากดังระงมมาจากทางร้านเหล้า โดยเฉพาะพวกผีขี้เหล้าและเหล่าชายโสดที่นั่งพื้นดื่มเหล้าที่ให้ความร่วมมือกับเถ้าแก่รองดีมาก มารดามันเถอะ เมื่อก่อนแค่รู้สึกถึงความขี้เหนียวของเถ้าแก่รอง คิดไม่ถึงว่าเมื่อเทียบกับเจ้าลูกกระต่ายของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางเหล่านี้แล้ว เถ้าแก่รองของพวกเขากลับหล่อเหลาสง่างามยิ่งนัก เมื่อก่อนนี้เข้าใจเถ้าแก่รองผิดไปจริงๆ วันหน้ามาดื่มเหล้าที่นี่ ควรจะหยิบผักดองมากินแกล้มให้น้อยลงหน่อยดีไหม? แล้วนับประสาอะไรกับที่อาศัยการเอาเปรียบเถ้าแก่รองเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งได้มาอย่างยากลำบากในเรื่องของการกินผักดองนี้ หลังกินไปแล้วก็มักจะรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะกินมากเข้าก็ง่ายที่จะดื่มเหล้ามากตามไปด้วย
เฉินผิงอันหันหน้าไปมองทางร้าน ยิ้มถามว่า “ไม่สู้ข้าใช้สถานะของผู้ฝึกยุทธขอบเขตสี่มาเฝ้าด่านแรกดีไหม? หากพวกเจ้าลงเดิมพันว่าข้าต้องแพ้ ข้าก็จะเป็นเจ้ามือการเดิมพันครั้งนี้”
พวกนักดื่มพากันยกนิ้วกลาง สบถด่าขำๆ กันไม่หยุด ไม่เกรงใจกันเลยแม้แต่น้อย และยังมีคนที่ถึงกับให้กำลังใจผู้ฝึกกระบี่จากต่างถิ่นกลุ่มนั้นโดยตรง บอกว่าเถ้าแก่รองของพวกเรานอกจากขายเหล้าและเขียนคำโคลงคู่แล้ว อันที่จริงก็ไม่มีความสามารถอะไรอีก หากตีกันขึ้นมาจริงๆ สองสามหมัดก็ล้มคว่ำแล้ว จะกลัวอะไร ในฐานะผู้ฝึกกระบี่ของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางก็ควรจะเอาความกล้าหาญออกมาเสียหน่อย เฉินผิงอันผู้นี้มาจากสถานที่เล็กๆ อย่างแจกันสมบัติทวีปเองนะ เริ่นอี้ ผู่อวี๋ ฉีโซ่วและผังหยวนจี้ เจ้าสี่คนนี้จับมือกันมาเป็นเจ้ามือ จงใจแพ้ให้เจ้าตะพาบอย่างเฉินผิงอัน ขอแค่พวกเจ้าไม่ใช่คนโง่ก็อย่าไปเชื่อเขาเด็ดขาด
เด็กสาวที่ชื่อจูเหมยผู้นั้นหัวเราะหยันเอ่ยว่า “ที่แท้ก็ไม่ได้เป็นแค่ผีขี้เหล้าที่ขายเหล้า ยังเป็นนักพนันด้วย อาจารย์ผู้เฒ่าเหวินเซิ่งตาบอดจริงๆ ถึงได้รับคนอย่างเจ้ามาเป็นลูกศิษย์คนสุดท้าย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!