เซียนกระบี่ผู้เฒ่าร้องเอ๊ะหนึ่งที พลันย่อตัวลงมองตราประทับสีชาดที่ไม่สะดุดตาแล้วก็หลุดหัวเราะ น่าสนใจไม่น้อย
ตราประทับนั้นคือคำว่า ‘โลกมนุษย์มีการจากลามากมาย กระจกแตกก็กลับมากลมอีกครั้ง’
พอคิดถึงชาติกำเนิดของแม่หนูน้อยหยวนจ้าวฮว่าผู้นี้ บิดาที่เดิมทีมีหวังว่าจะเลื่อนเป็นห้าขอบเขตบนรบตายอยู่บนสนามรบทางทิศใต้ เหลือแค่มารดาที่มีชีวิตพึ่งพากันและกัน ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าก็เงยหน้ามองแผ่นหลังของคนหนุ่มที่เดินจากไปไกลผู้นั้น
ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็ยังแตกต่างไปจากบัณฑิตของสำนักศึกษาและสถานศึกษาที่เคยมาเยือนที่นี่อยู่ดี
ไม่ได้บอกว่าพวกเขาไม่ยินดีทำอะไร แต่ทุกคนกลับต้องมีจุดจบที่ชนกับกำแพงแทบทุกหนทุกแห่ง นานวันเข้าก็หมดอาลัยตายอยาก หวนกลับคืนสู่ใต้หล้าไพศาลด้วยความหม่นหมอง
เฉินผิงอันไปถึงจุดที่จั่วโย่วอยู่
จั่วโย่วถาม “ฝ่าทะลุขอบเขตเร็วขนาดนี้เชียวหรือ?”
เฉินผิงอันพยักหน้าเอ่ย “เป็นผู้ฝึกลมปราณขอบเขตห้าแล้ว”
จั่วโย่วกล่าว “การศึกษาหาความรู้และอบรมจิตใจก็ไม่อาจเพิกเฉยได้เช่นกัน”
ใต้หล้านี้ก็คงมีศิษย์พี่อย่างจั่วโย่วเท่านั้นที่ไม่กังวลว่าขอบเขตของศิษย์น้องตัวเองจะต่ำ แต่กลับกังวลว่าจะฝ่าทะลุขอบเขตเร็วเกินไป
เฉินผิงอันกล่าวอย่างจนใจ “มีศิษย์พี่คอยจับจ้องอยู่ ต่อให้ข้าอยากขี้เกียจก็ไม่กล้าหรอก”
จั่วโย่วหัวเราะเสียงเย็น “ทำไมถึงไม่พูดว่า ‘ต่อให้จะอยากตายอยู่ด้านล่างกำแพงเมืองปราณกระบี่ให้มากหน่อย แต่ก็ยังทำไม่ได้’ ล่ะ?”
เฉินผิงอันรู้เลยว่าการฝึกกระบี่ครั้งนี้ตนต้องเจ็บหนักแน่
……
จินกุ้ยแม่นางกุ้ยฮวาบนเรือข้ามฟากเกาะกุ้ยฮวา แท้จริงแล้วคือลูกศิษย์ผู้สืบทอดเพียงหนึ่งเดียวของกุ้ยฮูหยิน เมื่อสิบปีก่อนมีขอบเขตอะไร ตอนนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น เพราะถึงอย่างไรการฝ่าทะลุขอบเขตก็ยากยิ่ง ดังนั้นเมื่อเรือข้ามทวีปมาจอดเทียบท่าที่ภูเขาห้อยหัวในครั้งนี้ กุ้ยฮูหยินจึงตั้งใจให้นางไปเดินเล่นผ่อนคลายอารมณ์ที่ภูเขาห้อยหัว ขุนเขาแอบอิงมหาสมุทร คือสถานที่ฮวงจุ้ยดีเยี่ยมที่สภาพแวดล้อมเอื้ออำนวย ไม่เพียงแค่นี้ ครั้งนี้กุ้ยฮุหยินยังมอบเงินฝนธัญพืชให้จินกุ้ยหนึ่งเหรียญเพื่อใช้เป็นเงินจับจ่ายใช้สอย นางยิ้มเอ่ยกับลูกศิษย์ว่า หากเจอของรักชิ้นที่คิดถึงมาเกือบยี่สิบปีก็อย่าได้ลังเลอีกเลย ทำเอาจินซู่ตกใจสะดุ้งโหยง หมายจะปฏิเสธ แต่กุ้ยฮูหยินกลับโบกมือ ขณะเดียวกันก็กำชับจินซู่หนึ่งประโยคว่า ท่านฉีและลูกศิษย์ของเขาล้วนเพิ่งเคยมาเยือนภูเขาห้อยหัวเป็นครั้งแรก จำไว้ว่าพยายามช่วยเหลือพวกเขาให้มาก
จินซู่เองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
ฉีจิ่งหลงและป๋ายโส่วผู้เป็นลูกศิษย์ของเขาต่างก็ไม่ได้แนะนำตัวว่ามาจากสำนักใด จินซู่จึงเห็นพวกเขาเป็นลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อกับเด็กรับใช้ที่พากันออกเดินทางมาทัศนศึกษายังทิศไกล
อุตรกุรุทวีปขึ้นชื่อว่ามีผู้ฝึกกระบี่มากมายดุจก้อนเมฆ แต่สองอาจารย์และศิษย์ต่างก็ไม่ได้พกกระบี่ติดกาย
ครั้งนี้พวกเขาโดยสารเกาะกุ้ยฮวาเดินทางไกลมายังภูเขาห้อยหัว ได้ยินว่าเพราะเป็นสหายของเฉินผิงอัน จึงได้เข้าพักในเรือนกุยม่ายที่อยู่ในนามของเฉินผิงอันมานานแล้ว จินซู่เคยพูดคุยกับอาจารย์และศิษย์สองคนนี้ไม่มาก บางครั้งได้ไปเป็นแขก ไปนั่งดื่มน้ำชาในเรือนหลังเล็กเป็นเพื่อนกุ้ยฮูหยินบ้าง จินซู่รู้แค่ว่าฉีจิ่งหลงมาจากอุตรกุรุทวีป โดยสารเรือข้ามฟากของสำนักพีหมาชายหาดโครงกระดูกเดินทางลงใต้มาตลอดทาง ระหว่างทางหยุดพักที่เขตการปกครองหลงเฉวียนต้าหลี จากนั้นก็ตรงมาที่นครมังกรเฒ่า พอดีกับที่เกาะกุ้ยฮวาจะเดินทางมายังภูเขาห้อยหัว จึงได้เข้าพักในเรือนกุยม่ายที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ไม่เคยมีใครได้มาเข้าพัก
กุ้ยฮูหยินผู้เป็นอาจารย์ไม่พูดถึงตบะของอีกฝ่าย จินซู่เองก็คร้านจะถามประวัติความเป็นมาของพวกเขาให้มากความ เพียงแค่มองพวกเขาเป็นผู้โดยสารทั่วไปที่พบเจอกันครั้งเดียวแล้วก็คงไม่ได้พบเจอกันอีก
ฐานะทางบ้านเป็นอย่างไร ขอบเขตเป็นอย่างไร เป็นคนแบบไหน เกี่ยวอะไรกับนางจินซู่ด้วย?
เพียงแต่ว่าเรื่องที่อาจารย์มอบหมายมา จินซู่ไม่กล้าเพิกเฉย การจอดเทียบท่าของเกาะกุ้ยฮวาในครั้งนี้ยังคงจอดใกล้กับศาลาจัวฟ่าง นางเล่าประวัติความเป็นมาของศาลาจัวฟ่างให้ฉีจิ่งหลงฟัง คิดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มชื่อประหลาดคนนั้น เพียงแค่เห็นกรอบป้ายที่เขียนด้วยลายมือของเต๋าเหล่าเอ้อร์ก็หมดความสนใจที่จะไปหาความครึกครื้นในศาลาหลังเล็กแล้ว กลับกลายเป็นฉีจิ่งหลงที่ยืนกรานจะเข้าไปยืนในศาลาแห่งนั้นให้ได้ จินซู่เองนั้นไม่มีปัญหา แต่เด็กหนุ่มป๋ายโส่วกลับหมดความอดทน จึงมีเพียงฉีจิ่งหลงที่เดินเบียดกลุ่มคนไปอย่างเชื่องช้า ปักหลักยืนอยู่ในศาลาจัวฟ่างที่มีคลื่นกระแสคนเบียดเสียดไปมาอยู่นาน สุดท้ายก็ออกมาจากศาลาหลังเล็กซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทั้งแปดแห่งของภูเขาห้อยหัวที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด แล้วยังเงยหน้าจ้องมองกรอบป้ายนั้นอยู่นาน ราวกับว่าจะมองอะไรออกจริงๆ นี่ทำให้จินซู่รู้สึกไม่ชอบใจเล็กน้อย ท่าทางเสแสร้งเช่นนี้ยังสู้เฉินผิงอันผู้นั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ
ยังดีที่เดิมทีจินซู่ก็เป็นสตรีที่มีนิสัยเย็นชา จึงมองอะไรจากสีหน้าของนางไม่ออก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!