กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 603

สรุปบท บทที่ 603.1 เถ้าแก่รองที่อายุน้อย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

ตอน บทที่ 603.1 เถ้าแก่รองที่อายุน้อย จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 603.1 เถ้าแก่รองที่อายุน้อย คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

สายลมเย็นแสงจันทร์สว่างไสว ดวงจันทร์ลาลับพระอาทิตย์ลอยสูงขึ้นฟ้า กลางวันกลางคืนสับเปลี่ยน โชคดีที่ฟ้าดินยังคงมีสายลมฤดูใบไม้ผลิ

ลูกศิษย์สองคนของภูเขาลั่วพั่วไม่ได้นอนหลับเลยตลอดทั้งคืน พวกเขานั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อยอยู่บนหัวกำแพง ก็ไม่รู้ว่าคนทั้งสองไปเอาเรื่องมากมายจากไหนมาคุยกัน โชคดีที่คนผู้หนึ่งคือผู้ฝึกลมปราณที่ขอบเขตเคยถดถอยสู่ก้นเหว ตอนนี้ก็ได้เดินกลับขึ้นมาบนยอดเขาอีกครั้ง อีกทั้งยังไม่ได้หยุดอยู่แค่กึ่งกลางภูเขาอีกด้วย เส้นทางของชีวิตอมตะยาวไกล เส้นทางเดินขึ้นสู่สวรรค์ยากลำบาก คนอื่นเดิน บางคนวิ่งโดยทิ้งฝุ่นตลบไว้ด้านหลัง นั่นก็คือผู้มีพรสวรรค์ที่แท้จริง อีกคนหนึ่งคือแม่นางน้อยที่ตัวสูงขึ้นอีกนิด ผิวไม่ดำเกรียมเหมือนถ่านดำมากเท่าเก่า ในเรื่องของการฝ่าทะลุขอบเขตบนวิถีวรยุทธก็ยิ่งเหมือนการแทะเมล็ดแตง ต่อให้คุยกันมาทั้งคืนก็ยังมีสีหน้าสดชื่น ไม่มีท่าทางเหนื่อยล้าเลยแม้แต่น้อย

ชุยตงซานลุกขึ้นยืนอยู่บนหัวกำแพง บอกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยุคบรรพกาลตัวสูงกว่าภูเขาทุกลูกบนโลกมนุษย์ ในมือถือแส้ยาวสามารถขับไล่ย้ายขุนเขาได้ไกลเป็นหมื่นลี้ และยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตนหนึ่งที่แค่ยกมือขึ้นก็มีทัศนียภาพของแสงจันทร์ส่องสว่างเหนือมหาสมุทร

ถึงอย่างไรเผยเฉียนก็ฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ห่านขาวใหญ่กำลังพูดจาไร้สาระอยู่นี่นะ ไม่ใช่อาจารย์พ่อที่เป็นคนพูดเสียหน่อย นางจะฟังหรือไม่ฟัง จะจำหรือไม่จำก็ล้วนไม่เป็นไร ดังนั้นอันที่จริงแล้วเผยเฉียนจึงชอบคุยกับห่านขาวใหญ่อยู่มาก ห่านขาวใหญ่มักจะมีคำพูดประหลาดที่พูดไม่หมดและเรื่องราวที่เล่าไม่จบอยู่เสมอ ประเด็นสำคัญคือฟังแล้วก็ปล่อยผ่านได้ จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ห่านขาวใหญ่ไม่เคยตรวจสอบการบ้านของนาง ข้อนี้เขาดีกว่าพ่อครัวเฒ่าเยอะมาก พ่อครัวเฒ่าน่ารำคาญยิ่งนัก ทั้งๆ ที่รู้ดีว่านางตั้งใจคัดตัวอักษร ไม่เคยติดหนี้ แต่ก็ยังถามอยู่ทุกวัน ถามอะไรกันนักกันหนา หากมีเวลาว่างมากขนาดนั้นเอาไปตุ๋นเนื้อเค็มหน่อไม้เพิ่มสักหม้อ ผัดขึ้นฉ่ายเต้าหู้แห้งเพิ่มสักจานจะไม่ดีกว่าหรอกหรือ?

พอเผยเฉียนคิดถึงเรื่องนี้ก็น้ำลายไหล นอกจากอาหารที่ถนัดมือพวกนี้แล้ว ยังมีปลาน้อยในลำธารตากแห้งทอดของพ่อครัวเฒ่าที่ยอดเยี่ยมที่สุดไปเลย

ก่อนจะออกเดินทางไกลครั้งนี้ นางตั้งใจพาหมี่ลี่น้อยไปเดินเที่ยวที่ลำธารมารอบหนึ่ง จับปลามาได้ตะกร้าใหญ่ จากนั้นเผยเฉียนก็ไปจับตามองพ่อครัวเฒ่าอยู่ในห้องครัว บอกให้เขาตั้งใจหน่อย จะต้องแสดงฝีมือออกมาสิบสองส่วน นี่จะต้องเอาไปให้อาจารย์พ่อที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ หากรสชาติแย่ก็คงไม่เข้าท่านัก ผลคือเพื่อทำปลาน้อยแห้งทอดกรอบนี้ จูเหลี่ยนก็เกือบจะต้องใช้ท่าเดินนิ่งหกก้าวบวกกับท่าหมัดวานรตอนทำด้วยถึงจะทำให้เผยเฉียนพอใจได้ แรกเริ่มเผยเฉียนอยากจะเก็บอาหารของบ้านเกิดเหล่านี้ไว้ในห่อสัมภาระแล้วสะพายเอง นางจะพาพวกมันไปที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ด้วยตัวเอง เพียงแต่ว่าระยะทางยาวไกล นางกลัวว่าจะเน่าเสียก่อน ดังนั้นพอไปถึงท่าเรือของนครมังกรเฒ่า ได้พบกับชุยตงซานที่เร่งรีบเดินทางมา เรื่องแรกที่ให้ห่านขาวใหญ่ทำก็คือนำน้ำใจเล็กๆ นี้เก็บไว้ในวัตถุจื่อชื่อให้ดี ด้วยเรื่องนี้นางยังได้ทำการแลกเปลี่ยนกับห่านขาวใหญ่อย่างหนึ่ง ปลาแห้งที่เป็นสีทองอร่ามเหล่านั้นจะมีหนึ่งส่วนที่เป็นของเขา จากนั้นระหว่างที่เดินทางเผยเฉียนก็ใช้สารพัดวิธีมาหลอกกินส่วนที่เป็นของชุยตงซานร่วมกับเขา เคี้ยวกร้วมๆ อย่างกรุบกรอบ เอร็ดอร่อยนัก ดูเหมือนว่าอาจารย์จ้งกับเจ้าตอไม้น้อยเฉาผู้นั้นก็อยากกินอย่างมาก มีครั้งหนึ่งเผยเฉียนถามอาจารย์ผู้เฒ่าว่าอยากลองชิมหรือไม่ อาจารย์ผู้เฒ่าหน้าบาง ยิ้มบอกว่าไม่ เผยเฉียนก็เลยคิดว่าเฉาฉิงหล่างไม่ต้องการไปด้วย

ฝีมือการทำอาหารของพ่อครัวเฒ่าบ้านตนดีจนไม่รู้จะบรรยายอย่างไร นางต้องยกนิ้วโป้งให้เขาจากใจจริงเลย เพียงแต่บางครั้งเผยเฉียนก็รู้สึกสงสารพ่อครัวเฒ่า เพราะถึงอย่างไรก็อายุมากแล้ว หน้าตาขี้เหร่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ วิชาหมากล้อมก็ไม่สูง อีกทั้งยังไม่รู้จักพูดจาดีๆ ดังนั้นก็ถือว่าโชคดีที่เขามีทักษะเชี่ยวชาญในด้านนี้ ไม่อย่างนั้นบนภูเขาลั่วพั่วที่ทุกคนต่างก็มีงานยุ่งวุ่นวาย คาดว่าก็คงต้องอาศัยนางให้ออกหน้าให้แล้ว

แต่เรื่องแบบนี้ ทำนานเข้าก็ไม่ใช่เรื่อง เพราะถึงอย่างไรย่อมถูกคนดูแคลน ก็เหมือนอย่างที่อาจารย์พ่อเคยบอกว่า คนคนหนึ่งหากไม่มีความสามารถแท้จริงอยู่เลย ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ใช่ว่าสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ สวมหมวกสูงแล้วจะทำให้คนมองเราสูงขึ้น ต่อให้คนอื่นชื่นชมเจ้าต่อหน้า แต่ลับหลังก็ยังเห็นเจ้าเป็นตัวตลกอยู่ดี หันกลับไปมองพวกชาวไร่ชาวนา พวกเถ้าแก่ในร้าน พวกลูกจ้างระยะยาวของเตาเผามังกรที่อาศัยความสามารถหาเงินมาดำรงชีพ ชีวิตจะดีหรือร้าย แต่สุดท้ายก็ยังไม่ถูกนินทาลับหลัง ดังนั้นเผยเฉียนจึงเป็นกังวลมากว่าพ่อครัวเฒ่าจะเดินตัวลอยเกินไปเหมือนกับเฉินหลิงจวินที่ไม่รู้จักโตผู้นั้น กังวลว่าพ่อครัวเฒ่าจะถูกพวกเทพเซียนที่ฝึกตนอยู่บนภูเขาใกล้เคียงชมเชยแล้วจะไม่รู้ว่าตัวเองชื่อแซ่อะไร จึงนำคำพูดของอาจารย์พ่อประโยคนี้บอกกล่าวให้จูเลี่ยนฟังตามแบบฉบับอย่างไม่มีตกหล่น แน่นอนว่าเผยเฉียนจดจำคำสอนได้ขึ้นใจ อาจารย์พ่อเคยบอกว่าเวลาใช้เหตุผลกับใคร ไม่ใช่ว่าแค่ตัวเองมีเหตุผลก็พอแล้ว ยังต้องดูที่ขนบธรรมเนียม ดูที่บรรยากาศ และดูที่กาลเทศะ แล้วค่อยมาดูน้ำเสียงและสภาพจิตใจของตน ดังนั้นเผยเฉียนที่ใคร่ครวญดูแล้วจึงเรียกผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาที่จงรักภักดีมาแล้วทำการเคาะภูเขากระเทือนพยัคฆ์อย่างงดงามไปครั้งหนึ่ง ถึงอย่างไรแค่หมี่ลี่น้อยพยักหน้ารับคำสั่งสอนอย่างถ่อมตัวก็พอแล้ว หลังจบเรื่องสามารถจดบันทึกลงในสมุดคุณความชอบของเผยเฉียนได้อีกด้วย

หลังจากที่พ่อครัวเฒ่าฟังจบก็ให้รู้สึกสะท้อนใจนัก ได้รับผลประโยชน์ไปมาก บอกว่านางเติบใหญ่แล้ว เผยเฉียนจึงรู้ว่าพ่อครัวเฒ่าน่าจะฟังเข้าหูแล้ว จึงค่อนข้างจะปลาบปลื้ม

ชุยตงซานเดินเนิบช้าอยู่บนหัวกำแพงขนาดเล็ก คือท่าเดินนิ่งหกก้าว แต่เผยเฉียนรู้สึกว่าห่านขาวใหญ่เดินไม่ได้เรื่อง โยกเยกไปมา ท่าดีทีเหลว เพียงแต่ว่าห่านขาวใหญ่ไม่ได้เรียนวิชาหมัดกับอาจารย์พ่อของตน ถ้าอย่างนั้นก็ช่างเถิด ไม่อย่างนั้นเผยเฉียนอาจต้องร่ายสัจธรรมหมัดให้เขาฟังอีกหลายประโยค เรื่องบางอย่างในเมื่อทำไปแล้วก็ไม่ควรจะทำอย่างขอไปที ไม่จริงจังไม่ได้เลยจริงๆ

ชุยตงซานเดินไปกลับอยู่บนหัวกำแพงที่เล็กแคบพลางพูดพึมพำกับตัวเองว่า “เล่าลือกันว่าผู้ฝึกตนยุคบรรพกาลสามารถใช้ความซื่อสัตย์จริงใจเข้าฝันไปพบจิตวิญญาณที่แท้จริงได้ โคจรสามแสง (สมัยโบราณหมายถึงดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาว) ตะวันจันทราหมุนเวียนเปลี่ยนผัน จุดที่จิตสื่อไป จุดที่แสงดาวชี้ส่อง แสงศักดิ์สิทธิ์สว่างเรืองรอง สาดส่องลงบนกระดูกนับร้อยอย่างมหัศจรรย์ ในชายแขนเสื้อมีถ้ำสวรรค์ที่แตกต่าง ปล่อยให้ข้าทะยานลมขี่เมฆอยู่ด้านใน อิสระเสรีร่วมกับฟ้าดิน ในประโยคนี้มีความหมายยิ่งใหญ่ซุกซ่อนอยู่ หมื่นคาถาหวนคืนกลับสู่จุดเริ่มต้น ดึงเอาประโยคหนึ่งไปจากถ้อยคำของข้า นับแต่โบราณมาเทพเซียนก็ไม่เก็บเงิน คนเดินบนถนนแค่ต้องมุ่งเดินไปเบื้องหน้า อายุขัยประหนึ่งน้ำค้างหันหาแสงตะวันที่สลายหายไปชั่วพริบตา คนมากมายเป็นตายไม่อาจกลายเป็นเซียน มีเพียงหันหน้าฝึกบำเพ็ญตน ทัศนียภาพบนมหามรรคา เหนือศีรษะมีเทพและเซียนคอยตรวจตราความกว้างใหญ่ไพศาลของม่านราตรี และยังมีที่ซ่อนตัวอยู่ใต้น้ำพุเหลือง พันปีหมื่นปีไม่เคยหลับใหล ตรงกลางยังมีคนที่จะตายไม่ตาย ยามว่างจากชีวีตอมตะจึงก้มหน้าลง ช่วยโลกมนุษย์ปลูกผืนนาแห่งความโชคดี”

เผยเฉียนถาม “อาจารย์พ่อของข้าสอนเจ้าหรือ?”

ชุยตงซานหยุดท่าหมัด แบมือตบหน้าผากตัวเอง ไม่อยากพูดอะไร

เผยเฉียนกล่าวอย่างเสียดายว่า “ไม่ใช่อาจารย์พ่อเป็นคนพูด ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ได้ดีสักเท่าไร”

ชุยตงซานตั้งท่าไก่ทองยืนขาเดียว ยกมือขึ้นประกบสองนิ้ว เป็นท่าที่มองดูแล้วพิลึกพิลั่น ก่อนชี้ไปที่เผยเฉียน “นิ่ง!”

ภูเขาลั่วพั่วอย่างอื่นนั้นมีไม่มาก แต่หลักการเหตุผลกลับมีมากมาย

ช่วงเช้าตรู่ จ้งชิวกับเฉาฉิงหล่างปัญญาชนหนึ่งแก่หนึ่งเด็กเปิดหน้าต่างออกแทบจะเวลาเดียวกัน แล้วเริ่มอ่านตำราอริยะปราชญ์ยามเช้าตามกำหนดการเหมือนทุกวัน พวกเขานั่งตัวตรงอย่างสำรวม สมาธิจิตใจจมจ่อมอยู่กับตำรา เผยเฉียนหันหน้าไปมองแล้วเบ้ปาก แสร้งทำเป็นดูแคลน แม้บนใบหน้าจะแสดงความไม่แยแส และปากก็ไม่เคยเอ่ยอะไร ทว่าในใจกลับยังอดรู้สึกอิจฉาเจ้าตอไม้ผู้นั้นอย่างห้ามไม่ได้ เรื่องการอ่านตำราเรียนหนังสือนี้ อีกฝ่ายเหมือนอาจารย์มากกว่าตนจริงๆ ตัวนางต่อให้แกล้งทำก็ยังทำได้ไม่เหมือน ตัวอักษรที่อยู่บนตำราอริยะปราชญ์เหล่านั้นไม่เคยมีความสัมพันธ์อันดีใดกับนางเลย ทุกครั้งตนจะต้องเหมือนตัวขี้ประจบที่ไปเคาะประตูบ้านคนเขา แต่คนเขาไม่ต้อนรับ พวกมันไม่รู้จักเปิดประตูยิ้มรับแขกเสียบ้าง ช่างวางมาดใหญ่โตนัก น่าโมโหจริงๆ

มีเพียงแค่บางครั้ง ประมาณสามครั้งกระมังที่ในที่สุดตัวอักษรบนหน้าหนังสือก็เห็นความจริงใจของนาง หากเอ่ยตามถ้อยคำที่เผยเฉียนกล่าวกับโจวหมี่ลี่เป็นการส่วนตัวก็คือ ตัวอักษรจากก้อนหมึกพวกนั้นไม่ได้ ‘รบตายอยู่บนสนามรบหน้าหนังสือ’ อีกแล้ว แต่ ‘กระโดดออกจากกองสุสาน’ มาสำแดงบารมี ทำให้คนตกใจตายได้เลยจริงๆ’

โจวหมี่ลี่ที่ฟังอยู่ก็ตกอกตกใจตามไปด้วย คิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปม ท่าทางจะเสียขวัญไม่น้อย เผยเฉียนจึงให้ผู้พิทักษ์ฝ่ายขวายืมยันต์แผ่นหนึ่งไปแปะไว้บนหน้าผาก คืนนั้นโจวหมี่ลี่จึงย้ายนิยายทั้งหมดที่ตัวเองเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีมาที่ห้องของหน่วนซู่ บอกว่าหนังสือพวกนี้น่าสงสารจริงๆ ต่างก็ไม่มีขาให้เดิน นางก็เลยได้แต่ช่วยย้ายบ้านให้พวกมัน ทำเอาหน่วนซู่มึนงงไปหมด แต่หน่วนซู่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรมาก แค่ช่วยโจวหมี่ลี่ดูแลตำราที่เสียหายอย่างหนักเพราะเปิดอ่านบ่อยจัดพวกนั้น

คงจะเหมือนอย่างที่อาจารย์พ่อเคยพูดให้นางฟัง ทุกคนล้วนมีหนังสือเล่มหนึ่งเป็นของตัวเอง บางคนเขียนหนังสือมาทั้งชีวิต ชอบเปิดหนังสือให้คนอ่าน ทว่าแต่ละบทแต่ละตอนมีแต่คำว่ายิ่งใหญ่องอาจ ลมแรงแสงจันทร์สว่าง ไม่สะทกสะท้านต่อผลประโยชน์ที่มาหลอกล่อ ทว่ากลับไม่มีสองคำว่าดีงาม แต่ก็มีคนบางส่วนที่ไม่เคยเขียนคำว่าดีงามลงไปในหนังสือของตัวเอง แต่ทุกบทกลับเต็มไปด้วยความดีงาม พอเปิดออกก็เห็นสกุณาบินล้อมวนอยู่บนต้นไม้ใบหญ้า บุปผาหันหาแสงตะวัน ต่อให้เป็นช่วงเวลาเหน็บหนาวหรือร้อนแผดเผาก็ยังมีภาพเหตุการณ์มีชีวิตชีวาที่มะพลับสุกงอม มองไปทางใดเห็นแต่สีแดงปลั่ง

อยู่กับหน่วนซู่นานวันเข้า เผยเฉียนก็รู้สึกว่าในหนังสือของหน่วนซู่เล่มนั้น ไม่มีคำว่า ‘ปฏิเสธ’

ความต่างสามครั้งของตัวอักษรในตำรา ครั้งหนึ่งคือคราวที่ออกเดินทางไกลร่วมกับอาจารย์พ่อ สองครั้งคือช่วงเวลาที่เผยเฉียนทุกข์ทรมานที่สุดระหว่างถูกป้อนหมัดบนภูเขาลั่วพั่ว นางใช้ผ้าฝ้ายมัดพู่กันไว้กับมือตัวเอง กัดฟันคัดตัวอักษร แม้สติจะพร่าเลือน เวียนหัวตาลาย ทว่าระหว่างกึ่งหลับกึ่งตื่นนั้นกลับเขียนตัวอักษรได้ดั่งปลาว่ายน้ำ ดุจบัญชาการณ์ทัพจัดตั้งขบวนรบ เกี่ยวกับเรื่องนี้เคยเล่าให้อาจารย์พ่อฟังมานานแล้ว ตอนนั้นยังไม่ได้มาถึงที่ภูเขาลั่วพั่ว อาจารย์พ่อไม่ได้พูดอะไรมาก เผยเฉียนเองก็คร้านจะคิดอะไรเยอะ คิดว่านี่คงเป็นเหตุการณ์ที่บัณฑิตทุกคนซึ่งตั้งใจศึกษาหาความรู้ล้วนต้องพบเจอ แต่เหตุการณ์นี้กลับเกิดกับตนแค่สามครั้ง หากเล่าให้อาจารย์พ่อฟัง แล้วผลกลับกลายเป็นว่าอาจารย์พ่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้มาจนชินหลายพันหลายหมื่นครั้งแล้ว นั่นจะไม่เท่ากับว่าตนหาเรื่องใส่ตัว ทำให้ตัวเองได้กินมะเหงกจากอาจารย์พ่อหรอกหรือ? โดนเขกหัวนั้นไม่เจ็บ แต่น่าขายหน้านี่นา ดังนั้นเผยเฉียนจึงตัดสินใจแล้วว่า ขอแค่อาจารย์พ่อไม่เป็นฝ่ายถามเรื่องเล็กๆ นี้ขึ้นมาก่อน นางก็จะไม่มีทางเป็นคนเปิดปากพูดเด็ดขาด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!