เผยเฉียนพลันถามเสียงเบา “ตอนนี้เจ้ามีขอบเขตอะไรแล้ว เจ้าตอไม้เฉาผู้นั้นพูดคุยด้วยยากยิ่งนัก คราวก่อนข้าเห็นว่าวันๆ เขาเอาแต่อ่านหนังสือ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ตั้งใจฝึกตนสักเท่าไร ก็เลยเอ่ยโน้มน้าวเขาไปด้วยความหวังดี บอกว่าข้า เจ้า แล้วก็เขา พวกเราต่างก็เป็นคนรุ่นเดียวกัน ข้าเรียนวิชาหมัดฝึกวิชากระบี่ เพียงไม่นานก็เรียนเอาสุดยอดวิชาจากอาจารย์พ่อมาได้ถึงสองอย่าง พวกเจ้าไม่ต้องมาเปรียบเทียบกับข้า จะเปรียบเทียบไปไย มีอะไรให้เปรียบเทียบได้ ถูกไหม? แต่เจ้าชุยตงซานเป็นขอบเขตชมมหาสมุทรแล้ว เขาเฉาฉิงหล่างเหมือนว่าเพิ่งจะถือเป็นขอบเขตถ้ำสถิตได้อย่างถูไถ แบบนี้จะได้อย่างไร อาจารย์พ่อไม่ได้อยู่ข้างกายคอยชี้แนะเขาบ่อยๆ แต่นี่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เฉาฉิงหล่างขอบเขตไม่สูง ถูกหรือไม่? เฉาฉิงหล่างผู้นี้น่าเบื่อยิ่งนัก ปากบอกว่าจะขยัน จะตั้งใจ แต่หากถามข้านะ เขาก็ยังไม่ค่อยได้เรื่องอยู่ดี เพียงแต่ว่าเรื่องแบบนี้ ข้าไม่ไปปากมากกับอาจารย์พ่อ หลีกเลี่ยงไม่ให้เฉาฉิงหล่างใช้ใจของคนถ่อยมาวัดใจของยอดฝีมือด้านวิถีวรยุทธ สุดยอดมือกระบี่และนักฆ่าความรู้สึก ดังนั้นตอนนี้เจ้าเป็นขอบเขตชมมหาสมุทรจริงๆ แล้วใช่ไหม?”
ชุยตงซานส่ายหน้า “ไม่ใช่ขอบเขตชมมหาสมุทร”
เผยเฉียนใช้หมัดทุบฝ่ามือ “ถ้าอย่างนั้นเป็นขอบเขตถ้ำสถิตแล้วหรือยัง? ถึงอย่างไรก็น่าจะแตะโดนขอบของเทพเซียนห้าขอบเขตกลางแล้วกระมัง? ช่างเถิด หากยังไม่ใช่ก็ไม่เป็นไร เจ้าเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอก ยุ่งทำโน่นทำนี่อยู่ตลอดทั้งปี จะถ่วงเวลาการฝึกตนไปบ้างก็มีเหตุผลพออภัยให้ได้ อย่างมากวันหน้าข้าค่อยไปพูดกับเจ้าตอไม้ว่าแท้จริงแล้วเจ้าไม่ใช่ขอบเขตชมมหาสมุทร จะบอกแค่นี้เท่านั้น เพราะข้าเห็นแก่หน้าเจ้า ถึงอย่างไรพวกเราสองคนก็สนิทกันมากกว่านี่นะ”
ชุยตงซานยิ้มบางๆ พูดเลียนแบบน้ำเสียงของเผยเฉียนว่า “ศิษย์พี่หญิงใหญ่ช่างเข้าอกเข้าใจคนอื่นได้ดี๊ดี”
เผยเฉียนขมวดคิ้วเอ่ย “เป็นผู้ใหญ่แล้ว พูดจาให้ดีๆ หน่อย!”
ชุยตงซานสอดสองมือรองใต้ท้ายทอย ชายแขนเสื้อสีขาวหิมะแถบใหญ่ห้อยระลงมาดุจสายน้ำตก ในสายตาเผยเฉียนก็แค่มองแล้วดูมีค่าเท่านั้น นี่ล้วนเป็นเพราะอาจารย์พ่อกำชับกับนางมาก่อนว่า ยามอยู่กับคนใกล้ชิด ห้ามนางตั้งใจเพ่งมองทะเลสาบหัวใจรวมถึงสิ่งอื่นๆ ของคนผู้นั้น
เคยมีโอสถทองของตำหนักน้ำค้างวสันต์แห่งอุตรกุรุทวีปคนหนึ่งเข้าไปอยู่ในชายแขนเสื้อใหญ่ของชุยตงซานแล้วออกมาไม่ได้ ถูกกักตัวอยู่เนิ่นนาน ใช้วิชาอาคมทั้งหมดที่มีก็แล้วแต่ก็ยังถูกขังอยู่ด้านใน สุดท้ายก็ได้แต่อยู่เฉยรอความตาย ฟ้าดินกว้างใหญ่ไพศาลแต่กลับมีเขาอยู่เดียวดายเพียงลำพัง จิตแห่งเต๋าเกือบจะแตกสลาย แน่นอนว่าซ่งหลันเฉียวผู้ฝึกตนโอสถทองยังคงได้ผลประโยชน์มามากมาย เพียงแต่ประสบการณ์บนเส้นทางหัวใจระหว่างนั้น คิดดูแล้วคงไม่ค่อยดีนัก
เผยเฉียนที่แท้จริงแล้วทุกวันนี้อายุไม่น้อย ไม่ว่าจะส่วนสูงก็ดี สติปัญญาก็ช่าง ในสายตาของชุยตงซานนางก็ยังคงเป็นแม่นางน้อยที่เพิ่งจะอายุสิบกว่าขวบคนนั้นอยู่ดังเดิม
เพียงแต่จุดที่สายตาของเผยเฉียนซึ่งมีพรสวรรค์เลิศล้ำมองไป รวมไปถึงความรู้ความเข้าใจอันลึกซึ่งที่มีต่อเรื่องบางเรื่อง กลับแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ย่อมไม่ใช่ขอบเขตที่เด็กสาวอายุเท่านี้จะมีได้อย่างแน่นอน
ก็เหมือนอย่างที่ก่อนหน้านี้บอกว่าเผยเฉียนออกหมัดเร็วเกินไป ชุยตงซานชี้แนะแค่พอสมควรเท่านั้น เป็นการเตือนเผยเฉียนว่า นางควรจะทำเหมือนอาจารย์พ่อของนางที่คิดให้มาก ปล่อยหมัดให้ช้าลงสักหน่อย บางทีแรกเริ่มอาจจะรู้สึกอึดอัด อาจจะถ่วงรั้งขอบเขตบนวิถีวรยุทธอยู่บ้าง แต่หากมองในระยะยาวแล้ว นี่ก็เพื่อให้สักวันหนึ่งสามารถออกหมัดได้เร็วกว่าเดิม ถึงขั้นเร็วที่สุด สอนให้นางไม่รู้สึกผิดต่อฟ้าดินและอาจารย์ได้อย่างแท้จริง หลักการเหตุผลบางอย่างมีเพียงอาจารย์ของชุยตงซานเท่านั้นที่สามารถพูดกับเผยเฉียนได้ แต่ถ้อยคำบางอย่างกลับจำเป็นต้องให้คนนอกที่ไม่ใช่เฉินผิงอันเป็นคนพูดกับเผยเฉียน ไม่หนักไม่เบา ทำไปตามลำดับขั้นตอน ไม่อาจดึงหญ้าช่วยให้เติบโต แล้วก็ไม่อาจให้หลักการเหตุผลยิ่งใหญ่ที่ว่างเปล่าเลื่อนลอยมารบกวนจิตใจของนางได้
อันที่จริงหากว่ากันแค่เรื่องศึกษาตำราออกทัศนาจรไกลของจ้งชิวกับเฉาฉิงหล่าง ไยจะไม่ใช่กำลังทำเพื่อเรื่องที่มองไม่เห็นนี้อยู่เช่นกัน
การที่ทุกคนปฏิบัติต่อเผยเฉียนอย่างจริงจัง มองเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลตามหลักฟ้าดินเช่นนี้
เพราะอะไร?
จะว่าไปแล้วก็ไม่ใช่เพราะว่าเจ้าขุนเขาหนุ่มของภูเขาลั่วพั่วใส่ใจที่สุดหรอกหรือ
นอกจากนี้แล้วยังมีสาเหตุที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือการกระทำของตัวเองเผยเฉียนเอง สิ่งที่นางปรับปรุงแก้ไข ล้วนควรค่าแก่การคาดหวังและรอคอยที่ทุกคนเก็บซ่อนไว้ในใจอย่างระมัดระวังนี้
บนภูเขาลั่วพั่ว ทุกคนถ่ายทอดมรรคา ปกป้องมรรคา
เจ้าขุนเขาหนุ่มปฏิบัติไปตามขนบธรรมเนียมครอบครัวด้วยความเคยชิน
แต่ภูเขาลั่วพั่วในวันหน้าอาจไม่สมบูรณ์แบบเช่นนี้เสมอไป เมื่อรายชื่อบนผังวงศ์ตระกูลศาลบรรพจารย์ของภูเขาลั่วพั่วยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ หน้าแล้วหน้าเล่า พอคนมาก จิตใจคนก็ยิ่งซับซ้อน เพียงแต่ว่าเมื่อถึงเวลานั้นก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอีกแล้ว เพราะเผยเฉียนและเฉาฉิงหล่างต่างก็เติบโตแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้อาจารย์พ่อของพวกเขาและอาจารย์ของตนต้องแบกรับภาระทุกอย่างไว้บนบ่าเพียงลำพังอีกต่อไป
วันนี้จ้งชิวและเฉาฉิงหล่างต่างก็ไม่ได้ไปเที่ยวภูเขาห้อยหัวกับเผยเฉียนและชุยตงซาน สองฝ่ายแยกกันไปเดินเที่ยว
ชุยตงซานแอบมอบเงินฝนธัญพืชเหรียญหนึ่งให้แก่จ้งชิว บอกว่าให้ยืม เงินหนึ่งอีแปะก็ทำให้วีรบุรุษลำบากใจได้ เป็นเรื่องที่ไม่ควรให้เกิดขึ้น แล้วนับประสาอะไรกับที่จ้งชิวยังเป็นอริยะด้านอักษร ปรมาจารย์วิถีวรยุทธของพื้นที่มงคลรากบัว ทุกวันนี้ยังเป็นผู้ถวายงานของภูเขาลั่วพั่วอีกด้วย อีกอย่างจ้งชิวก็ไม่ใช่ปัญญาชนตกอับ เขาคือคนที่คอยช่วยปกครองแคว้นหนันเยวี่ยน ทำให้แคว้นเจริญรุ่งเรืองในทุกๆ วัน หากไม่เป็นเพราะนักพรตเฒ่าแบ่งพื้นที่มงคลออกเป็นสี่ส่วน อันที่จริงแคว้นหนันเยวี่ยนก็มีแนวโน้มที่จะได้รวบรวมสี่แคว้นในใต้หล้าให้เป็นปึกแผ่นแล้ว จ้งชิวไม่เพียงแต่ไม่ปฏิเสธ กลับกันยังขอยืมเงินฝนธัญพืชจากชุยตงซานเพิ่มอีกสองเหรียญ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!