กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 608

ชุยตงซานคลี่ยิ้มเมตตา เจ้าตะพาบที่พอจะมีเวทกระบี่เล็กๆ น้อยๆ อย่างจั่วโย่วผู้นี้ไม่ซ้อมคนกันเอง แต่เล่นงานคนนอกก็พอจะช่วยคลายโทสะได้บ้างจริงๆ

เผยเฉียนเหน็บไม้เท้าเดินป่าไว้ใต้รักแร้ มือสองข้างวางไว้เบื้องหน้า ปรบเข้าด้วยกันเบาๆ

ชุยตงซานยิ้มตาหยีเอ่ยว่า “ผ่านวันนี้ไป เรื่องที่สายเหวินเซิ่งไม่มีเหตุผลก็จะแพร่ไปทั่วกำแพงเมืองปราณกระบี่แล้ว”

เผยเฉียนถาม “ทำไมล่ะ?”

เฉาฉิงหล่างแค่นเสียงเย็นเอ่ยว่า “คนอื่นรู้สึกว่าหลักการเหตุผลหลายๆ อย่างมักจะอยู่บนมือของผู้อ่อนแอที่เปลี่ยนจากผู้แข็งแกร่งมาเป็นผู้อ่อนแอ นี่ก็เพราะพวกเขาไม่เคยมีความรู้สึกร่วมด้วย”

ชุยตงซานหัวเราะร่า “อย่าเลียนแบบเด็ดขาดเชียวนะ”

เฉาฉิงหล่างส่ายหน้า “ข้าแค่รู้ว่ามีเรื่องพวกนี้ และข้าก็เรียนรู้จากแค่อาจารย์เท่านั้น”

จั่วโย่วไม่ได้สนใจชุยตงซาน พอถอนสายตากลับมาแล้วก็ทอดมองไปเบื้องหน้า สีหน้าเฉยชา ก่อนจะเอ่ยต่อว่า “หมี่อวี้ เยว่ชิง ออกจากเมืองไปเปิดศึกกับข้า แค่แบ่งแพ้ชนะเท่านั้น เมื่อแพ้ก็ยอมรับความพ่ายแพ้ซะ แต่หากยินดีจะให้ตัดสินเป็นตายก็ไปตายได้เลย”

เซียนกระบี่หมี่อวี้ใช้เสียงในใจเอ่ยว่า “ข้าขอยอมแพ้เจ้า และจะยังเอ่ยขออภัยด้วย”

เยว่ชิงกลับไม่ได้เอ่ยตอบ

ดังนั้นร่างของจั่วโย่วจึงวูบหายไป ไปหาเยว่ชิงผู้นั้น

เวลานี้เจ้าเยว่ชิงถึงเพิ่งจะรู้ว่าควรทำตัวเป็นคนใบ้ใช่ไหม?

ก่อนหน้านี้ข้าจั่วโย่วใช้กระบี่งัดปากเจ้าให้เอ่ยถ้อยคำระยำเหล่านั้นหรือไร?

ชุยตงซานเรียกเรือยันต์ออกมา ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “จะรอดูอะไร ไม่มีอะไรน่าดูหรอก กลับบ้านๆ อาจารย์ลุงใหญ่ของพวกเจ้ายามตีกับผู้อื่นไร้ข้อพิถีพิถัน ไร้ความสุภาพและไร้อารยธรรมที่สุดแล้ว”

ชุยตงซานกับเผยเฉียนนั่งอยู่ด้านข้างฝั่งซ้ายขวาของเรือคนละฝั่ง ต่างคนต่างถือไม้เท้าเดินป่าแล้วยังทำท่าเหมือนแจวเรือ ชุยตงซานพูดจาน่าเชื่อถือบอกกับศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขาว่าเมื่อเป็นเช่นนี้จะเดินทางกลับได้เร็วยิ่งกว่าเดิม

เฉาฉิงหล่างรู้สึกเหนื่อยใจเล็กน้อย มองเผยเฉียนที่ออกแรงพายเรือเต็มกำลังแล้วยังหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง ก็ไม่รู้ว่านางเชื่อจริงๆ หรือแค่รู้สึกสนุกกันแน่

เวลานี้ชุยตงซานมีสีหน้าสดชื่นปลอดโปร่ง ฟุบตัวนอนคว่ำอยู่บนเรือข้ามฟาก กระดกก้นใช้สองมือต่างไม้พายแล้วออกแรงพายอย่างตั้งใจ

ก่อนหน้านี้ที่ตนโดนกระบี่นั้นไป นอกจากจะพูดเรื่องเป็นการเป็นงานได้จบแล้ว ก็ยังได้พูดถึงคุณความชอบยิ่งใหญ่ของเซียนกระบี่ใหญ่เยว่ชิงไปด้วย การค้าครั้งนี้ไม่ขาดทุนจริงๆ

ดึกดื่นค่อนคืนกว่าจะกลับไปถึงจวนหนิง

เผยเฉียนไม่ได้เจอกับอาจารย์แม่ที่อยู่ระหว่างการปิดด่านก็อดผิดหวังนิดๆ ไม่ได้

เฉินผิงอันกับชุยตงซานไปคุยธุระกันที่ศาลาหน้าผาสังหารมังกร

เฉาฉิงหล่างไปฝึกตนยังที่พักของตัวเอง

เรื่องที่เซียนกระบี่ใหญ่สองท่านเปิดศึกบนหัวกำแพงแพร่ไปทั่วกำแพงเมืองปราณกระบี่อย่างรวดเร็ว

ว่ากันว่าเซียนกระบี่เยว่ชิงถูกจั่วโย่วบังคับลากออกมาจากหัวกำแพงเมือง ร่างของเขาถูกตีกระเด็นไปทางทิศใต้

นี่ก็คือการต่อสู้ตัดสินเป็นตายโดยที่ไม่เหลือพื้นที่ให้เยว่ชิงเลือกแล้ว

สุดท้ายได้ยินมาว่าเซียนกระบี่หลายท่านพากันห้ามปราม

กลางดึกคืนนี้ แสงกระบี่ทางทิศใต้สว่างโชติช่วงราวกับดวงตะวันลอยกลางนภา เป็นเหตุให้ตลอดทั้งนครถูกสาดสะท้อนราวกับเวลากลางวัน

สุดท้ายแล้วก็ไม่เกิดเรื่องใหญ่ร้ายแรงอย่างการมีคนตาย

ถึงอย่างไรกำแพงเมืองปราณกระบี่ก็เห็นเรื่องใหญ่กันมาจนชินตาแล้ว ก็แค่จะมีคนดื่มเหล้าเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

กิจการของร้านเตี๋ยจ้างจึงดีมากขึ้นกว่าเดิม

ช่วงนี้น่าหลันเย่สิงพลันรู้สึกว่าสายตาที่ยายแก่ป๋ายเลี่ยนซวงมองตนน่าขนลุกอยู่ไม่น้อย

ลองนับนิ้วดูถึงได้ค้นพบว่าช่วงนี้จำนวนครั้งที่นางเรียกตนว่าสุนัขเฒ่าน่าหลันเหมือนจะน้อยลงไปมาก และความน่าเกรงขามก็ด้อยกว่าเดิมเยอะ

นี่ทำให้น่าหลันเย่สิงรู้สึกขนพองสยองเกล้าอยู่สักหน่อย

จากนั้นก็ได้เจอกับเด็กหนุ่มชุดขาวที่ยิ้มกว้างเรียกตนว่าท่านปู่น่าหลัน น่าหลันเย่สิงเดินเคียงบ่าไปกับเขา แล้วจึงถามว่า “ตงซานอ่า ช่วงนี้เจ้าไปพูดอะไรกับป๋ายหมัวมัวหรือไม่?”

ชุยตงซานพยักหน้ารับ “ใช่สิ ป๋ายหมัวมัวคือผู้อาวุโสของจวนหนิงนะ ผู้น้อยย่อมต้องพูดคุยทักทายด้วยอยู่แล้ว”

น่าหลันเย่สิงยิ้มกล่าว “นอกจากทักทายแล้วยังพูดอะไรอีกหรือไม่?”

ชุยตงซานกระทืบเท้า พูดอย่างขุ่นเคืองว่า “ก็น่าจะพูดอะไรบางอย่างนั่นแหละ แต่ทำไมถึงลืมได้นะว่าพูดอะไรไปบ้าง ข้าคนนี้ไม่ชอบจดจำความแค้น ยิ่งจดจำเรื่องอะไรไม่ค่อยได้ ไม่ดีเลยจริงๆ”

น่าหลันเย่สิงหยุดอยู่ที่เดิม มองเด็กหนุ่มชุดขาวที่กระโดดผลุงไปด้านหน้าจนชายแขนเสื้อใหญ่สะบัดเป็นวงกว้าง แล้วก็ให้นึกถึงช่วงเวลาแรกเริ่มสุดที่คนทั้งสองเรียกกันเป็นพี่เป็นน้องขึ้นมา

เช้าตรู่ของวันนี้เผยเฉียนเรียกให้ชุยตงซานไปเป็นผู้คุมกันตน จากนั้นนางก็ถือไม้เท้าเดินป่า สะพายหีบไม้ไผ่ใบเล็ก เดินอาดๆ อยู่บนถนนที่เงียบสงัดนอกกำแพงสูงของจวนตระกูลกวอ

บังอาจเกินไปแล้ว ไร้มารยาทเกินไปแล้ว ศิษย์พี่หญิงใหญ่มาเยือนแล้วแต่กลับไม่ออกมาต้อนรับ ยังถือเป็นลูกศิษย์ครึ่งตัวของอาจารย์พ่อตนได้อีกหรือ? ไม่ได้หรอกนะ

ช่างเถิด ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ถือว่านางไม่มีวาสนากับศิษย์พี่หญิงใหญ่ วันหน้าภูเขาลั่วพั่วย่อมไม่มีที่ทางสำหรับนาง แล้วก็อย่ามาโทษว่าศิษย์พี่หญิงใหญ่ไม่ให้โอกาสก็แล้วกัน ให้แล้วแต่รับไว้ไม่ได้อีก น่าสงสาร น่าเวทนาจริงๆ

คิดไม่ถึงว่าบนหัวกำแพงจะมีศีรษะหนึ่งโผล่มา สองมือวางค้ำไว้บนหัวกำแพง สองเท้าลอยต่องแต่ง นางถามว่า “นี่ เจ้าตัวเล็กบนถนนนั่นน่ะ เจ้าเป็นใครกัน? ไม้เท้าเดินป่าและหีบไม้ไผ่ใบเล็กของเจ้าสวยจริงๆ แค่ยิ่งขับให้เจ้าดูดำขึ้นไปอีกก็เท่านั้น”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!