กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 612

ในประวัติศาสตร์มีเซียนกระบี่และผู้ฝึกกระบี่มากมายที่ก่อนจะรบตายก็อยู่ตัวคนเดียวอยู่แล้ว ตายไปแล้วก็ยังไม่ได้ทิ้งคำสั่งเสียใดไว้ สิ่งที่เหลือไว้มีเพียงสิ่งของที่ไร้เจ้าของเท่านั้น

หากมีคำสั่งเสียก็จะมีคนที่ได้รับของทั้งหมดไป ไม่ว่าจะเป็นเงินเทพเซียนก้อนใหญ่ หรือแม้แต่กระบี่ประจำกายของเซียนกระบี่ ต่อให้เป็นผู้ฝึกกระบี่ห้าขอบเขตล่างที่ได้รับสิ่งของเหล่านี้ก็ไม่มีใครไปแย่งชิง ต่อหน้าไม่กล้า แต่หากลับหลังกล้าทำอะไรลับๆ ล่อๆ ก็อย่าเห็นสายอิ่นกวานเป็นคนโง่ ตระกูลไม่น้อยที่เกือบจะสามารถย้ายไปอยู่ถนนไท่เซี่ยง ถนนอวี้ฮู้ได้แล้วกลับต้องสูญเสียพลังต้นกำเนิดไปมากมายก็เพราะสาเหตุนี้ กฎเกณฑ์นั้นเรียบง่ายมาก หากอบรมสั่งสอนไม่เข้มงวดพอ นอกจากคนที่ยื่นมือมาแตะต้องที่ต้องตายแล้ว ตระกูลที่คนผู้นั้นอยู่อาศัย คนที่ขอบเขตสูงที่สุดจะถูกลั่วซานหรือไม่ก็เซียนกระบี่จู๋อานซ้อมปางตายก่อน หากพวกเขาทำไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร เพราะใต้เท้าอิ่นกวานยินดีอย่างยิ่งที่จะให้ความช่วยเหลือ สุดท้ายก็จะเว้นชีวิตไว้ให้ครึ่งหนึ่ง เพราะถึงอย่างไรก็ยังต้องสังหารปีศาจ สงครามใหญ่ครั้งหน้าคนผู้นี้จำต้องถอยออกจากสนามรบแล้วหากยังอาศัยความสามารถของตัวเองจนมีชีวิตรอดต่อไปได้ เรื่องนี้ก็จะยุติลง ทว่าส่วนแบ่งที่เดิมทีควรได้รับจากหอกระบี่ หอภูษาและหอโอสถหลังจากสงครามสิ้นสุดลง ก็อย่าได้หวังเลย

เพราะฉะนั้นสถานที่แบบนี้ สถานที่ที่แม้แต่เซียนกระบี่มากมายตายไปก็ยังไม่มีหลุมศพให้เอนกายนอน จะมีกลิ่นอายของวันปีใหม่ที่ผู้คนพากันปิดภาพเทพทวารบาลและกลอนคู่บนหน้าประตูได้อย่างไร ไม่มีทางมีได้หรอก

ร้อยปีพันปี หรือหมื่นปีผ่านไป ผู้ฝึกกระบี่ทุกคนล้วนเคยชินที่จะได้เห็นว่าบนหัวกำแพงมีกระท่อมหลังนั้น มีเซียนกระบี่ใหญ่ผู้เฒ่าที่แทบจะไม่เคยเดินลงจากหัวกำแพงคอยเฝ้าพิทักษ์อยู่

ดูเหมือนว่าเมื่อเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสไม่ไปพลิกเปิดปฏิทินเหลือง ปฏิทินเหลืองก็ไม่มีอยู่แล้ว หรือควรจะพูดว่าดูเหมือนมันจะไม่เคยมีอยู่มาก่อน

……

วันนี้หวังไจ่วิญญูชนของสายหลี่เซิ่งมาที่ร้านเหล้า นี่เป็นครั้งแรกที่หวังไจ่มาซื้อเหล้าที่นี่

เพียงแต่ว่าพวกผู้ฝึกกระบี่ลูกค้าในร้านที่ส่งเสียงดังโหวกเหวกกลับไม่มีสีหน้าดีๆ ให้วิญญูชนของลัทธิขงจื๊อท่านนี้ได้เห็น

หนึ่งเพราะสถานะบัณฑิตที่มียศของใต้หล้าไพศาล สองเพราะได้ยินมาว่าหวังไจ่คนนี้กินอิ่มว่างงาน ถึงได้จับจ้องเรื่องที่เถ้าแก่รองปล่อยหนึ่งหมัดฆ่าคนไม่ยอมวาง ดึงดันจะเขียนบทความคุณธรรมขี้หมูราขี้หมาแห้งพวกนั้นให้จงได้ ทุ่มเทยิ่งกว่าเซียนกระบี่สายอิ่นกวานที่ตรวจสอบเรื่องนี้เสียอีก พวกเขาล่ะแปลกใจนัก หย่าเซิ่งกับเหวินเซิ่งตีกันหัวร้างข้างแตกก็แล้วไปเถิด สายหลี่เซิ่งอย่างเจ้าจะมาร่วมวงความครึกครื้น คอยซ้ำเติมผู้อื่นไปด้วยทำไม?

หวังไจ่สีหน้าเป็นธรรมชาติ ควักเงินจ่ายค่าเหล้าแล้วก็หิ้วเหล้าเดินจากมา ไม่ได้กินบะหมี่หยางชุนและผักดอง ยิ่งไม่ได้ดื่มเหล้าอยู่ข้างทางเลียนแบบผู้ฝึกกระบี่ทั้งหลาย ทว่าในใจของหวังไจ่รู้สึกขำเล็กน้อย เขาคิดว่าเหล้ากานี้ เถ้าแก่รองควรจะจ่ายเงินเลี้ยงจริงๆ

หวังไจ่ไม่ได้เดินกลับทางเดิม แต่หิ้วเหล้าเดินไปยังมุมเลี้ยวของตรอกที่ไร้ผู้คน

หวังไจ่หยุดเดินตรงจุดที่เดิมทีควรมีคนหนุ่มชุดเขียวนั่งอยู่บนม้านั่งตัวเล็ก แล้วพูดเสียงเบาพร้อมรอยยิ้มว่า “วิญญูชนพูดจา สำคัญที่ความเที่ยงธรรม ยิ่งสำคัญที่การอธิบายอย่างละเอียด”

หวังไจ่ที่กำลังจะไปจากกำแพงเมืองปราณกระบี่นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ก็ย้อนกลับไปทางเดิม เดินไปยังร้านเหล้า หาแผ่นป้ายสงบสุขว่างเปล่าไร้ตัวอักษรแผ่นหนึ่งแล้วเขียนชื่อกับภูมิลำเนาของตัวเองลงไป จากนั้นก็เขียนประโยคหนึ่งไว้ด้านหลังป้ายสงบสุขว่า ‘ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความใจกว้าง ปฏิบัติต่อตัวเองด้วยความเข้มงวด ใช้เหตุผลสยบผู้คน ใช้คุณธรรมพันธนาการตน ใต้หล้าสงบสุข ไร้เรื่องราวใดอย่างแท้จริง’

หลังจากหวังไจ่เขียนเสร็จก็แขวนป้ายสงบสุขไว้บนผนัง ลองพลิกอ่านเนื้อหาของป้ายสงบสุขแผ่นอื่นที่อยู่ใกล้เคียงดูก็ไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี มีป้ายสงบสุขอยู่แผนหนึ่งที่คาดว่าวันหน้าคงถูกคนเอาไปเลี่ยมกรอบทอง คือ ‘ถ้อยคำจากใจจริง’ ของเซียนกระบี่ทวีปเกราะทองคนหนึ่ง ‘เถ้าแก่รองผู้ไม่เคยหลอกหลวงใคร เฉินผิงอันผู้มีพฤติกรรมดื่มเหล้าเป็นเอกไร้ใครเทียม’

แค่มองก็รู้ว่าเป็นคนที่ยังไม่คิดจะไปจากกำแพงเมืองปราณกระบี่

และยังมีอีกแผ่นหนึ่งที่ต้องถูกเถ้าแก่รองมองว่า ‘คนซื่อเขียนไปตามจิตสำนึก’ อย่างแน่นอน ประโยคนั้นเขียนว่า ‘สายเหวินเซิ่ง ความรู้ไม่ตื้นเขิน หนังหน้ายิ่งหนากว่า เถ้าแก่รองวันหน้ามาที่หลิวเสียทวีปของข้า จะเลี้ยงเหล้าดีๆ ที่แท้จริงให้แก่เจ้า’

เห็นได้ชัดว่าเป็นเหมือนหวังไจ้ที่กำลังจะไปยังภูเขาห้อยหัว

หวังไจ่พึมพำกับตัวเองว่า “หากเป็นเขาก็ควรเอ่ยประโยคหนึ่ง คนดีที่เป็นเช่นนี้ ตอนนี้กลับเพิ่งจะมีขอบเขตก่อกำเนิด ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ขอบเขตหยกดิบต่ำเกินไป ขอบเขตเซียนเหรินก็ไม่ถือว่าสูงถึงจะถูก”

หวังไจ่ยิ้มบางๆ “เพียงแต่ว่าคำพูดประโยคนี้ หากเถ้าแก่รองเป็นคนพูด ผู้คนคงชื่นชอบ แต่หากคนอย่างข้าเป็นคนพูด ก็ไม่ต่างจากหญิงชราทาชาดหน้าแดง ทำให้คนชิงชังรังเกียจ”

ไม่ใช่คนต่างถิ่นทุกคนที่จะเป็นเหมือนเฉินผิงอันที่กลายเป็นคนกันเองในใจของผู้ฝึกกระบี่ในกำแพงเมืองปราณกระบี่

หวังไจ่รู้สึกดีใจแทนเฉินผิงอัน แต่ก็มีความเสียใจร่วมด้วย

หวังไจ่ลังเลอยู่เล็กน้อย ก่อนจะเขียนตัวอักษรเล็กเท่าหัวแมลงวันเพิ่มไว้บนป้ายสงบสุขของตัวเอง ‘ประพฤติตนมีเมตตากรุณา ขอแค่ยินดีทำ ความเมตตากรุณาก็จะมาสู่ตน หวังให้ผู้ที่ยินดีทำเช่นนี้ ไร้ความกลัดกลุ้มทุกข์ใจ’

หวังไจ่พบว่าห่างจากข้างกายตนไปไม่ไกลมีเด็กหนุ่มหิ้วเหล้าคนหนึ่งยืนอยู่ นามว่าเจี่ยงชวี่ มีชาติกำเนิดมาจากตรอกซัวลี่

หวังไจ่หมุนตัวกลับมายิ้มเอ่ยกับเด็กหนุ่มว่า “บอกกับเถ้าแก่รองของพวกเจ้าสักคำว่าเหล้ารสชาติไม่เลว พยายามขายให้ได้มากๆ หน่อย เป็นเงินที่ได้มาโดยชอบธรรม ก็สามารถทำได้อย่างเปิดเผย”

เจี่ยงชวี่ยิ้มเขินอาย พยักหน้ารับแรงๆ

หวังไจ่กระดกเหล้าในกาดื่มจนหมด วางกาเปล่าไว้บนโต๊ะคิดเงินแล้วจากไปพร้อมเสียงหัวเราะดังกังวาน พอเดินออกจากประตูก็กุมหมัดเอ่ยกับพวกผู้ฝึกกระบี่จำนวนมากที่นั่งอยู่ริมทางด้วยเสียงดังกังวานว่า “ขายกระบี่แต้มสุราใครกล้าซื้อ แต่ดื่มพันจอกมิเก็บเงิน”

รอบด้านเงียบสงัด คล้ายว่าอยู่ในการคาดการณ์อยู่แล้ว หวังไจ่จึงพูดกลั้วหัวเราะเสียงดังว่า “ถ้าอย่างนั้นก็เปลี่ยนประโยคใหม่ เอาให้ตรงไปตรงมายิ่งกว่าเดิม หวังว่าในอนาคตสักวันหนึ่ง เซียนกระบี่ทุกท่านที่มาดื่มเหล้าที่นี่ ลูกค้าจะเป็นดั่งปลายักษ์สูบน้ำร้อยสาย ทว่าเถ้าแก่ไม่เก็บเงินเทพเซียนแม้แต่เหรียญเดียว”

ยังคงไม่มีใครรับน้ำใจ

มีคนหลุดหัวเราะพรืดเอ่ยว่า “ใต้เท้าวิญญูชนคงไม่ได้วางยาพิษลงในเหล้าหรอกกระมัง? ต่อให้เถ้าแก่รองนิสัยแย่แค่ไหน แต่เรื่องแบบนี้เขาไม่มีทางทำได้ลงคอ วิญญูชนผู้ยิ่งใหญ่ อริยะปราชญ์ผู้สูงส่งใสสะอาด ก็ไม่ควรทำร้ายเถ้าแก่รองถึงจะถูก”

หวังไจ่ไม่ได้ตอบโต้ เพียงจากไปพร้อมรอยยิ้ม พอห่างไปไกลแล้วก็ยกแขนขึ้น ชูนิ้วหัวแม่มือ “ดีใจมากที่ได้รู้จักเซียนกระบี่ทุกท่าน”

ทันใดนั้นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ดังไปทั่วร้านเหล้า

“โดนเถ้าแก่รองสิงร่างหรือเปล่า? หรือว่าเป็นเถ้าแก่รองที่สวมรอยเขามา? วิธีการเช่นนี้ เกินไปแล้ว เกินกว่าเหตุไปแล้ว”

“เถ้าแก่รองร้ายกาจนัก แม้แต่วิญญูชนสายเหวินเซิ่งก็ยังกลายมาเป็นสหายของเขาได้อย่างนั้นหรือ?”

“ถือว่าเป็นวิญญูชนที่ยังมีมโนธรรมหลงเหลืออยู่ในจิตใจบ้าง”

วิญญูชนหวังไจ่เดินไกลออกมาจากร้านเหล้า มาเดินอยู่ในตรอกเล็ก ควักตราประทับเรียบง่ายที่สลักจากหินขาวใส่แวววาวดุจหยกออกมา เป็นตราประทับที่เฉินผิงอันมอบให้เขาหวังไจ่ มีทั้งลายริมขอบ แล้วก็มีทั้งชื่อคนแกะสลักและเวลาที่แกะสลัก

เนื้อหาที่สลักไว้ริมขอบคือ ‘คนเดินบนทางดินโคลนไม่เหนื่อยหน่าย วีรบุรุษสังหารโจรไม่บันทึกลงตำรา ผู้กล้าแท้จริงไม่สง่างาม ภูผาหินสูงตระหง่านเทียมขอบฟ้า’

ตัวอักษรที่สลักตรงกลางคือ ‘ที่แท้คือวิญญูชน’

……

ในที่สุดเผยเฉียนก็ขบคิดจนเข้าใจ

นางที่รู้ตัวช้าที่สุดจึงคิดอยากจะชดเชยวันเวลาที่ใช้ไปอย่างเสียเปล่าด้วยการฝึกหมัดให้มากขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!