กระบี่ที่หอกระบี่หลอมออกมาไม่เคยเป็นกระบี่ที่ดี ก็แค่กระบี่ยาวที่ไม่ถือว่าเป็นสมบัติอาคมด้วยซ้ำ เซียนกระบี่อยากได้หรือไม่ก็ตามใจ เพราะขอแค่เป็นผู้ฝึกกระบี่ที่มาเยือนนครก็จะได้รับไปเล่มหนึ่ง เช่นเดียวกันคืออยากรับก็รับ ไม่อยากรับก็ช่าง ลูกหลานตระกูลใหญ่และตระกูลชนชั้นสูงทั้งหลาย อาศัยการสืบทอดจากตระกูลก็ดี หรือทุ่มเงินก้อนใหญ่ซื้อมาจากใต้หล้าไพศาลก็ช่าง ขอแค่สามารถได้กระบี่เล่มหนึ่งมาอยู่ในมือ นั่นก็ถือว่าเป็นความสามารถแล้ว
ในความเป็นจริงแล้วเซียนกระบี่หลายคนกลับกลายเป็นว่าชอบพกกระบี่ที่หอกระบี่หลอมไปใช้สังหารปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนมากกว่า
ส่วนเสื้อผ้าที่หอภูษาถักทอขึ้น ระดับขั้นก็ไม่สูงเหมือนกัน
มองไปแล้วเหมือนของเด็กเล่น
แต่ก็เห็นได้ชัดว่าสองสถานที่นี้คือสถานที่ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่มิอาจขาดได้มากที่สุด
บนแผ่นดินของกำแพงเมืองปราณกระบี่ไม่เคยมีเซียนกระบี่ที่ร่วงลงมาจากฟ้า ล้วนเป็นผู้ฝึกกระบี่ที่เดินจากขอบเขตหนึ่งขึ้นสู่อีกขอบเขตหนึ่งเสมอ ต่างกันก็แค่ว่าช้าหรือเร็ว ทว่าขอบเขตกลับดำรงอยู่เสมอ
ประโยชน์ในการใช้งานของหอโอสถก็ยิ่งเรียบง่ายกว่ามาก นั่นคือนำของเชลยศึกทั้งหลายและศพของเผ่าปีศาจที่ตายอยู่บนหัวกำแพงและสนามรบทางทิศใต้มาเลาะเนื้อดึงเส้นเอ็น นำทุกอย่างมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่เพียงเท่านี้ หอโอสถยังเป็นถิ่นที่คนดีและคนเลวของสามลัทธิเก้าสาขาปะปนกันมากที่สุด ผู้ฝึกตนพรรคหลอมโอสถและพรรคมหายันต์ที่อยู่ที่นั่นมีจำนวนมากที่สุด บางคนเป็นฝ่ายมาลงนามทำสัญญาด้วยตัวเอง บ้างก็ร้อยปี บ้างก็หลายร้อยปี ได้เงินมาพอแล้วค่อยจากไป บางคนก็เป็นคนต่างถิ่นที่ถูกลักพาตัวมา หรือไม่ก็เป็นยอดฝีมือนอกโลก สุนัขไร้บ้านของใต้หล้าไพศาลที่ตระกูลหรือสำนักล่มจมจึงต้องมาหลบภัยอยู่ที่นี่
และกำแพงเมืองปราณกระบี่ก็อาศัยหอโอสถแห่งนี้มาทำการค้าน้อยใหญ่กับเรือข้ามทวีปมากมายของใต้หล้าไพศาลที่จอดอยู่นอกท่าเรือของภูเขาห้อยหัว
อีกทั้งหอโอสถยังมีความสัมพันธ์อันแนบชิดกับคุกที่เฒ่าหูหนวกเป็นผู้ดูแล เพราะถึงอย่างไรเศษชิ้นส่วนที่ดึงเอามาจากเลือดสด กระดูกและโอสถปีศาจของเผ่าปีศาจก็ถือเป็นสมบัติล้ำค่าบนภูเขาทั้งสิ้น
สถานที่ต้องห้ามสามแห่งที่มีกฎเกณฑ์เข้มงวด และการระวังภัยก็ยิ่งน่าตะลึงเหล่านี้ ไม่ว่าใครเข้าไปล้วนง่าย แต่คิดจะออกมากลับยากยิ่ง แม้แต่เซียนกระบี่ก็ยังไม่ใช่ข้อยกเว้น
ท่ามกลางเส้นอักษรขนาดใหญ่ยักษ์ของตัวอักษรใหญ่ที่แกะสลักลงไปบนหัวกำแพงเมืองทางทิศใต้ จะมีผู้ฝึกกระบี่ประเภทหนึ่งที่ไม่ว่าจะเด็กหรือแก่ ไม่ว่าตบะจะสูงหรือต่ำ ก็ล้วนอยู่ห่างไกลจากความถูกความผิดในนครเสมอ บางครั้งที่ไปหัวกำแพงเมืองและทางทิศเหนือก็มักจะไปกลับอย่างเงียบเชียบ
พวกเขารับผิดชอบไป ‘เก็บเงิน’ ที่ใต้หล้าเปลี่ยวร้าง
คล้ายคลึงกับทหารลาดตระเวนชายแดนของราชวงศ์มนุษย์ในใต้หล้าไพศาล
ดังนั้นต่อให้ขอบเขตจะต่ำแค่ไหนก็ยังเป็นผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตประตูมังกร ทุกครั้งที่เดินทางไปยังทิศใต้มักจะมีเซียนกระบี่นำขบวนไปเสมอ
ในอดีตเฉินซานชิวลูกหลานตระกูลชนชั้นสูงอันดับหนึ่งกับเสี่ยวชวีชวีเพื่อนรักที่กระเสือกกระสนมาจากกลุ่มชาวบ้านยากจน ผู้ฝึกกระบี่เด็กหนุ่มสองคนที่ชาติกำเนิดแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ความปรารถนาที่ใหญ่ที่สุดในช่วงเวลานั้นก็คือสามารถไปเก็บเงินที่ทางทิศใต้
และผู้ฝึกกระบี่ที่เก็บเงินได้บ่อยครั้งที่สุด ไปได้ไกลที่สุดก็มักจะชอบเรียกตัวเองว่ามือกระบี่ ชอบบอกว่าการที่ตัวเองพเนจรไปเรื่อยแบบนี้หาใช่เพื่อดึงดูดสายตาของเหล่าสตรีไม่ เพียงแค่เขาชอบท่องยุทธภพก็เท่านั้น
ใต้หล้าเปลี่ยวร้างที่อยู่ทางทิศใต้ก็คือยุทธภพใหญ่แห่งหนึ่ง เขาสามารถพบเจอกับเรื่องน่าสนใจได้มากมาย
เพียงแต่ว่าทุกครั้งที่พูดถ้อยคำฮึกเหิมชวนให้จิตใจของเด็กรุ่นหลังทั้งหลายสั่นไหวเหล่านี้จบ วันนั้นคนผู้นั้นก็จะวิ่งตุปัดตุเป๋ไปดื่มเหล้าในนคร ที่ไหนมีสายตาสตรีมากก็จะไปที่นั่น
หลังจากกลับมาด้วยกลิ่นเหล้าคละคลุ้งเต็มตัว ก็จะยิ้มตาหยีพูดกับตะพาบน้อยบางคนที่เขาไม่ชอบขี้หน้าว่า พวกเจ้าใครๆๆ เกือบจะได้เรียกข้าว่าพ่อหรือไม่ก็ท่านบรรพบุรุษแล้ว ก็โชคดีที่ข้าวางตัวดี ทั่วร่างมีแต่ปราณของความเที่ยงธรรมซื่อสัตย์ สาวงามจึงยากจะเข้าใกล้ได้!
หากมีเด็กคนไหนเถียงกลับ เขาที่ไม่เคยเสียเปรียบใครก็จะพูดว่าใครๆๆ ในบ้านของพวกเจ้า ลำพังพูดถึงแค่ใบหน้า นั่นก็ไม่เกี่ยวข้องกับความงามแม้แต่น้อย แต่ก็ไม่เป็นไร ในสายตาของข้า สตรีทั้งหลายที่แอบชอบข้าเพราะแววตาดี รูปโฉมของพวกนางจะเหนือกว่าเดิมไปอีกระดับ ไม่ใช่สาวงามก็คือสาวงาม แล้วนับประสาอะไรกับที่เอวบางเป็นกิ่งหลิว ขายาวดั่งไผ่สองลำประกบติดกัน เทือกเขาสลับสล้างตระการตาของใครๆๆ ทั้งหลายนั้น ขอแค่มีใจไปสังเกต ทัศนียภาพนับพันนับหมื่นจะมีที่ใดบ้างที่แย่? ไม่เข้าใจ? มาๆๆ ข้าจะช่วยเปิดโลกให้เจ้าเอง นี่ก็คือวิชาอภินิหารอันเป็นเอกลักษณ์ของใต้หล้าไพศาล ไม่แพร่งพรายสู่ภายนอกง่ายๆ …
เพียงแต่ว่าทุกครั้งที่หลังจากเอ่ยสัพยอกไปแล้ว ระหว่างทางที่ผู้ฝึกกระบี่แต่ละชุดมุ่งหน้าไปเก็บเงินทางทิศใต้ ส่วนใหญ่มักจะขาดคนฟังไปหนึ่งหรือสองสามคน หรือไม่ก็หายกันไปทั้งกอง ยามที่คนมีชีวิตกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ก็ไม่ได้เห็นใบหน้าเหล่านั้นอีกแล้ว คนที่เคยฟังไม่เข้าใจ หรือตอนนั้นแสร้งทำเป็นว่าไม่เข้าใจ ก็ไม่มีโอกาสพูดว่าตัวเองเข้าใจอีกแล้ว
เวลานั้นคนผู้นั้นจะเงียบขรึม ดื่มเหล้าอยู่เพียงลำพัง
มีครั้งหนึ่งหลังจากพวกผู้ฝึกกระบี่ทยอยกันกลับมา คนผู้นั้นนั่งรออยู่มุมหนึ่ง แต่สุดท้ายกลุ่มคนที่เขาคุ้นเคยก็ไม่ได้กลับมา สิ่งที่ได้เห็นมีเพียงปีศาจใหญ่ตนหนึ่งถือทวนยาวไว้ในมือ มันยกทวนขึ้นสูงราวกับถือถังหูลู่
ปีศาจใหญ่ตนนั้นหยุดเดินอยู่ตรงจุดที่ห่างจากกำแพงเมืองปราณกระบี่ไปไกลมาก มันบอกชื่อแซ่ ยิ้มกล่าวประโยคหนึ่ง จากนั้นก็ขว้างทวนนั้นปักลงไปตรงจุดหนึ่งของกำแพงเมืองฝั่งทิศใต้
คนผู้นั้นรับทวนยาวไว้ได้ เขายื่นส่งมันให้คนด้านหลังเบาๆ จากนั้นก็ทะยานไปไกลพันลี้หมื่นลี้ หนึ่งคนพกกระบี่มุ่งหน้าไปยังใจกลางใต้หล้าเปลี่ยวร้าง ออกกระบี่ใส่ภูเขาทัวเยว่ ออกกระบี่ใส่แม่น้ำเย่ลั่ว จุดใดที่มีปีศาจใหญ่ เขาล้วนออกกระบี่ใส่ทุกที่
……
ใบหน้ามะระขมขื่นที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดของเซียนกระบี่ขู่เซี่ย ในที่สุดก็พอจะมีรอยยิ้มได้บ้างแล้ว
หลินจวินปี้คว้าจับปณิธานกระบี่บริสุทธิ์ที่เซียนกระบี่บรรพกาลทิ้งไว้ได้สองกลุ่ม ระดับขั้นสูงมาก มีครบทั้งโชคชะตา วาสานาและวิธีการ อะไรที่ควรเป็นของเขา ไม่ว่าช้าหรือเร็วก็ต้องเป็นของเขา เพียงแต่ว่าเวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่วัน กลับไม่ใช่ได้แค่หนึ่งเสี้ยว แต่ได้ถึงสองเสี้ยว นี่ยังคงอยู่เหนือการคาดการณ์ของเซียนกระบี่ขู่เซี่ยอยู่ดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!