ผู้ฝึกตนที่บรรลุมหามรรคาอย่างแท้จริง มีดีอยู่ข้อหนึ่ง นั่นคือดูเหมือนว่าจะไม่มีการจากเป็นจากตายอะไร ขอแค่โชควาสนามาถึงก็สามารถกลับมาพบกันใหม่ได้อีกครั้ง
หนึ่งหมื่นปีแล้วอย่างไร ตนก็ยังได้พบกับเฉินชิงตู ส่วนเฉินชิงตูก็ยังได้พบกับตนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?
อย่างเดียวที่ต่างออกไปก็หนีไม่พ้นเป็นตนที่ยืนอยู่ตรงท่าข้ามของแม่น้ำแห่งกาลเวลาฝั่งนี้ ส่วนเฉินชิงตูยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม
เด็กชายไม่คิดจะมองคนหนุ่มที่เขาไม่รู้ชื่อแซ่คนนั้นเลยสักนิด เพียงแค่แหงนหน้ามองไปยังตาเฒ่าที่เอาสองมือไพล่หลัง เฉินชิงตูที่มีฉายาว่าเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโส
นับตั้งแต่ที่สติปัญญาเปิดโล่ง อาจารย์กับศิษย์พี่ต่างก็ไม่เคยปิดบังอะไรตน ดังนั้นเฉินชิงตูจึงไม่เพียงแต่เป็นคนรู้จักของอาจารย์เท่านั้น ยังเป็นคนรู้จักของเขาด้วย
ปีนั้นผู้ฝึกกระบี่ที่เป็นนักโทษอาญาสามคนซึ่งมีวัยวุฒิสูงที่สุด วิชากระบี่สูงที่สุด และพลังพิฆาตรุนแรงที่สุดจับมือกันออกเดินทางไกล ฉวยโอกาสที่รากฐานมหามรรคาของใต้หล้าเปลี่ยวร้างยังไม่มั่นคง ดวงตะวันจันทราหมุนเวียนเปลี่ยนผัน สี่ฤดูกาลสลับผันแปร ยังไม่มีการกำหนดกฎเกณฑ์ที่แน่นอน แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ในเวลานั้นอาจารย์ของเขาก็คือเจ้าของใต้หล้าเปลี่ยวร้างที่ทุกคนให้การยอมรับแล้ว เฉินชิงตูกับผู้นำนักโทษอาญาอีกสองคนอย่างกวนจ้าว หลงจวิน ยอมจ่ายค่าตอบแทนเป็นการที่ต้องถูกฟ้าอำนวยดินอวยพรสยบเวทกระบี่ แต่ก็ยังจะพกกระบี่รุดไปภูเขาทัวเยว่ให้ได้ นี่ก็ถือว่าเป็นการถามกระบี่ต่อตลอดทั้งใต้หล้าเปลี่ยวร้างแล้ว
การต่อสู้ครั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นระหว่างการต่อสู้หรือผลลัพธ์ ใต้หล้าเปลี่ยวร้างก็ไม่เคยมีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ คนที่รู้เรื่องวงในก็ยิ่งมีน้อยจนนับนิ้วได้ เด็กชายได้ฟังศิษย์พี่ที่เป็นผู้สืบทอดคนหนึ่งของภูเขาทัวเยว่เล่าให้ฟังว่า ตอนนั้นภายในรัศมีหนึ่งหมื่นจั้ง นั่นก็เรียกได้ว่าฟ้าพลิกแผ่นดินคว่ำอย่างแท้จริง ลำพังเพียงแค่ภูเขาทัวเยว่ก็หดเตี้ยลงไปถึงครึ่งหนึ่ง นั่นคือผลลัพธ์จากการที่เจ้าของชุดคลุมขาดวิ่นตัวนั้นปล่อยกระบี่ออกไปตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ส่วนเค้าโครงช่วงแรกเริ่มสุดของแม่น้ำเย่ลั่วในทุกวันนี้ ว่ากันว่าก็เกิดจากตนที่ปล่อยกระบี่ฟันไป ถึงได้ก่อให้เกิดทัศนียภาพอันยิ่งใหญ่งดงามในภายหลัง
เพียงแต่ตนนั้นมีสภาพอเนจอนาถมากที่สุด จิตวิญญาณไม่ครบถ้วน กระจัดกระจายไปสี่ทิศ คนที่เฝ้าพิทักษ์ภูเขาทัวเยว่แต่ละรุ่นจึงมีหน้าที่อย่างหนึ่งที่ไม่แพร่งพรายให้คนนอกรู้ นั่นคือช่วยตนรวบรวมจิตวิญญาณ จนกระทั่งถึงวันนี้ก็ยังทำได้แค่รวบรวมหนึ่งจิตหนึ่งวิญญาณที่มีมาแต่เดิม จากนั้นก็เอาจิตวิญญาณอื่นๆ มาประกอบชดเชย ส่วนโครงกระดูกเนื้อหนังมังสาล้วนดับสูญอย่างสิ้นเชิงไปนานแล้ว ไร้ความหวังที่จะสร้างขึ้นมาใหม่ สำหรับข้อนี้ก็ต้องบอกว่าเขาไม่ได้โชคดีเหมือนหลงจวินผู้นั้น จะดีจะชั่วฝ่ายหลังก็ยังมีศีรษะที่เป็นของตัวเองเหลือเอาไว้ น่าเสียดายก็แต่ถูกปีศาจใหญ่โครงกระดูกที่ตนตั้งชื่อให้ว่าหยกขาวตนนั้นเหยียบเล่นไว้ใต้ฝ่าเท้า หากอารมณ์ดีก็รินเหล้าที่อยู่ในจอกใส่ ร่ายเวทคาถานอกรีตอีกเล็กน้อย ก็สามารถเรียกหุ่นเชิดที่มีพลังการต่อสู้เทียบเท่ากับเซียนกระบี่ใหญ่คนหนึ่งออกมาได้ น่าเสียดายที่ตนไม่อาจเรียนรู้เวทคาถานี้ได้ ไม่อย่างนั้นขอแค่เมื่อใดที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ถูกตีแตก เรื่องสนุกจะมีน้อยได้หรือ?
เพียงแต่ว่าไม่รู้เหตุใด หลงจวินที่แค่สูญเสียหนึ่งจิตสองวิญญาณ ทั้งๆ ที่เก็บรักษาสติปัญญาเอาไว้ได้เกินครึ่ง ในฐานะคนบนเส้นทางเดียวกันที่ในอดีตติดตามเฉินชิงตูออกกรีฑาทัพไปทั่วทิศ คือเซียนกระบี่ยุคแรกเริ่มสุดของเผ่ามนุษย์ เขากลับไม่เพียงแต่ไม่เคยปรากฎตัวบนโลกมนุษย์ด้วยโฉมหน้าที่แท้จริง แม้แต่ศีรษะที่เดิมที่เป็นของเขาก็ยังไม่เก็บเอาไป ปล่อยให้หยกขาวที่พลังพิฆาตสูสีกับตนเหยียบหัวกะโหลกนั้นไว้ ส่วนตัวเองกลับแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น แต่กลับกลายเป็นว่าดันเคียดแค้นเฉินชิงตูที่ในอดีตเคยเป็นเพื่อนรักเข้ากระดูกดำเสียได้
เด็กชายยกมือขึ้นปิดปากที่หาวหวอด รอคอยอีกฝ่ายลงมืออย่างสงบ จุดจบถูกกำหนดมาไว้นานแล้ว น่าเบื่อจริงๆ
มองเฉินชิงตูไปแล้ว จึงไล่สายตามองไปยังหญิงสาวที่ยืนอยู่ริมหัวกำแพงผู้นั้นบ้าง
หนิงเหยา
คือผู้ฝึกกระบี่รุ่นเยาว์ที่มีชื่อเสียงเลื่องลืออยู่ในใต้หล้าเปลี่ยวร้างมานาน นี่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับว่าขอบเขตของนางในเวลานี้สูงหรือต่ำ แต่เป็นเพราะความสูงต่ำของขอบเขตนางในอนาคตได้ถูกกำหนดแล้วว่านางจะมีตำแหน่งอยู่ในใจของปีศาจใหญ่มากมายในใต้หล้าเปลี่ยวร้าง
อะไรที่เรียกว่าผู้มีพรสวรรค์?
นั่นคือผู้ที่ดูเหมือนว่าขอแค่ไม่สนใจพวกเขาแค่ไม่กี่วันไม่กี่ปี ‘อนาคต’ นั้นก็จะมาถึงในชั่วพริบตา ระหว่างนี้จะไม่มีเรื่องไม่คาดฝันใดๆ ไม่มีหมื่นหนึ่งใดๆ ทั้งสิ้น
ตนเป็นเช่นนี้ เจ้าลูกผสมที่แบก ‘ชั้นวางกระบี่’ กลไกของสำนักโม่ผู้นั้นก็น่าจะถือว่าใช่ครึ่งหนึ่งกระมัง อีกฝ่ายมีชื่อที่ประหลาดอย่างมาก ชื่อว่าเป้ยเชี่ย (สะพายหีบ)
อาจารย์ของเป้ยเชี่ยนั่นต่างหากถึงจะร้ายกาจอย่างแท้จริง
แม้แต่อาจารย์ตนก็ยังเอ่ยประโยคว่า ‘น่าเสียดายที่นิสัยไม่เหี้ยมมากพอ เป็นเหตุให้เวทกระบี่ไปไม่ถึงจุดสูงสุด ไม่อย่างนั้นตัวเลือกที่เหมาะสมที่จะให้มาสยบกำแพงเมืองปราณกระบี่มากที่สุด ก็คือคนผู้นี้แล้ว’
ได้ยินมาว่าทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางของใต้หล้าไพศาลยังมีคนหนุ่มที่เรียนวิชาหมัดอีกคนหนึ่ง มีนามว่าเฉาสือ เขาเองก็เป็นคนประเภทเดียวกับตนเหมือนกัน
ศีรษะของปีศาจใหญ่ขอบเขตบินทะยานที่เด็กชายเหยียบไว้ใต้ฝ่าเท้าถือว่าเป็นศิษย์พี่ผู้สืบทอดสายของภูเขาทัวเยว่ในนามเหมือนกัน เพียงแต่ว่ายามที่อยู่ในคุกของกำแพงเมืองปราณกระบี่น่าจะได้รับบาดเจ็บทางกายสาหัสเกินไป ตบะจึงถูกลดทอนไปมหาศาล เฉินชิงตูถึงได้กระชากหัวของเขาออกมาได้อย่างง่ายดาย ทว่าต่อให้ขอบเขตบินทะยานไม่มั่นคง ร่างกายก็ยังคงเป็นร่างกายของปีศาจใหญ่แห่งใต้หล้าเปลี่ยวร้าง หากเปลี่ยนมาเป็นตนในเวลานี้ ต่อให้เหวี่ยงอาวุธเซียนหลายชิ้นฟันลงไปหลายปีก็ยังทำได้ไม่สำเร็จ นี่ก็แสดงว่าเฉินชิงตูร้ายกาจมากจริงๆ ครั้งนี้ติดตามอาจารย์ออกจากภูเขา มาเยี่ยมเยือนกำแพงเมืองปราณกระบี่ ได้เห็นคนที่กำลังจะตายมากมายขนาดนั้น อีกทั้งบนหัวกำแพงยังมีแต่เซียนกระบี่ห้าขอบเขตบนตัวจริงเสียงจริง ก็นับว่ามาไม่เสียเที่ยวแล้ว
ความคิดส่วนใหญ่ของเด็กชายที่อายุสิบสองปีแต่กลับยังมีรูปโฉมเป็นเด็กน้อยคนนี้ล้วนอยู่บนสนามรบ ทว่าเวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วพริบตา เขาก็ตีปากตัวเองพลางเอ่ยว่า “หากข้าจงใจไม่สังหารเจ้า เหลือชีวิตไว้ให้เจ้าครึ่งหนึ่งด้วยความหวังดี หนิงเหยาจะลงมาต่อสู้แทนเจ้าหรือไม่? หากเป็นไปได้ ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่าเจ้าโชคดีไม่น้อยเลย วันหน้าสองใต้หล้า หรือแม้กระทั่งสี่ใต้หล้าก็ล้วนต้องจดจำเจ้าได้ ได้กลายเป็นคนแรกที่ข้าเลือกต่อสู้ด้วยหลังออกจากภูเขา แล้วยังไม่ตายอีกด้วย”
ผู้เฒ่าขี่กระบี่ที่บนบ่าแบกกระบองยาวซึ่งก่อนหน้านี้ใช้วิชาอภินิหาร ‘จำศีลหน้าหนาวตายไปครึ่งตัว’ ฮุบกลืนกึ่งกลางภูเขาสูงตระหง่านหลายสิบลูกของใต้หล้าเปลี่ยวร้างไปในรวดเดียว แล้วก็นอนหลับมายาวนานหลายพันปี เวลานี้ยิ้มถามสตรีที่สวมชุดคลุมมังกรเบาๆ ว่า “เด็กคนนี้คิดได้เองกะทันหัน หรือได้รับคำสั่งจากท่านบรรพบุรุษ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!