กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 615

“แค่นี้ก็ลงมือแล้ว? คู่ต่อสู้ไม่ใช่ข้าหรือ?”

หลังจากที่ปีศาจใหญ่ซึ่งเฝ้าพิทักษ์อยู่บนหอหยกเรือนอัญมณีนับร้อยนับพันแห่งตนนั้นพลิ้วกายลงบนพื้นก็ไม่ได้เก็บจวนตระกูลเซียนบรรพกาลที่ค้นหาแล้วรวบรวมมาอย่างยากลำบากพวกนั้นลงไป เรือนน้อยใหญ่จึงล้อมวนอยู่รอบกายเขา หมุนวนไปช้าๆ ประหนึ่งดวงดาวที่โคจรอยู่ข้างกายเซียน ปีศาจใหญ่ยกมือขึ้นช้าๆ ตำหนักโบราณขนาดเท่าฝ่ามือที่ตลอดทั้งหลังล้วนเป็นหยกขาวหิมะก็พุ่งไปยังกลางอากาศเหนือหัวคนทั้งสองที่อยู่บนสนามรบ แล้วพลันขยายใหญ่ มืดฟ้ามัวดิน ก่อนจะกระแทกเข้าใส่ทั้งลูกศิษย์ของบรรพบุรุษและคนหนุ่มชุดเขียว ไม่แบ่งแยกว่าเป็นคนกันเองหรือศัตรู

จั่วโย่วชักกระบี่ออกจากฝัก ปณิธานกระบี่บนร่างอยู่ไกลเกินกว่าจะเรียกได้ว่ามากมายมหาศาล แทบจะเรียกว่าเปลี่ยวเหงานิ่งสงบด้วยซ้ำ และเขาก็เพียงยกกระบี่ฟันฉับลงไปง่ายๆ

ตำหนักหยกขาวที่ใหญ่ราวขุนเขาแห่งนั้นถูกแบ่งผ่าออกเป็นสองท่อน ไม่เพียงเท่านี้ ปราณกระบี่ยังกระเซ็นไปรอบด้าน ตัวตำหนักแหลกสลายกลายเป็นผุยผง หินก้อนใหญ่ปริแตก เศษหยกร่วงกราวราวกับสายฝนตกกระหน่ำ

ปีศาจใหญ่ที่ลักษณะคล้ายเซียนตนนั้นไม่เสียดายแม้แต่น้อย กลับกันยังลูบหนวดพูดกลั้วหัวเราะเสียงดัง “เวทกระบี่ดี น้ำหนักมากพอ”

ปีศาจใหญ่หันหน้าไปมองชายฉกรรจ์เคราดกที่พกดาบสะพายกระบี่ “เป็นอย่างไร? ผู้ฝึกกระบี่ที่ยืนอยู่ข้างกายเฉินชิงตูคนนี้ ยกให้เจ้าจัดการดีไหม?”

ชายฉกรรจ์เคราดกกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “อยู่บนสนามรบ ให้จั่วโย่วสังหารเจ้าก่อน แล้วข้าค่อยช่วยแก้แค้นให้เจ้า หากจะขอบคุณข้าก็หุบปากไปซะ ไม่อย่างนั้นคงถึงคราวที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ต้องขอบคุณข้าบ้างแล้ว”

ปีศาจใหญ่ทอดถอนใจ “ต่อให้ข้าสังหารจั่วโย่วได้ก็ยังเป็นการค้าที่ขาดทุนอยู่ดี เพราะถึงอย่างไรต่อให้ซุ้มป้ายของสกุลเฉินผู้รอบรู้ในทักษินาตยทวีปจะดีแค่ไหน แต่ก็ยังถือว่าเป็นของใหม่เอี่ยม ตอนนี้ข้าทะนุถนอมเห็นค่าพวกของเก่าแก่ที่เก็บรักษามานานหลายปีมากกว่า แต่ละชิ้นล้วนเป็นของรักของข้า เหลืออยู่เพียงชิ้นเดียวบนโลก หากไม่มีก็คือไม่มีแล้วจริงๆ จะไปหาที่ไหนได้อีก ยังคงเป็นผู้ฝึกกระบี่อย่างพวกเจ้าที่ผึ่งผายมากกว่า ยามเข่นฆ่ากันขึ้นมาก็ไม่เคยสนใจผลได้ผลเสียพวกนี้”

บนหัวกำแพง ผังหยวนจี้เริ่มเดือดดาล เขาพูดเสียงทุ้มหนักว่า “ปีศาจใหญ่พวกนี้ลงมือเพราะจงใจช่วยสร้างบรรยากาศให้แก่เจ้าเดรัจฉานน้อยตนนั้น หมายจะข่มกำราบสภาพจิตใจของเฉินผิงอัน!”

เฉินซานชิวสีหน้าเคร่งเครียด

นี่ก็คือสนามรบของกำแพงเมืองปราณกระบี่ พาตัวไปตกอยู่ในวงล้อมสังหารเพราะหวังเอาชนะ ส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยมีจุดจบที่ดี เผ่าปีศาจของใต้หล้าเปลี่ยวร้างชอบผู้ฝึกกระบี่ที่ใช้อารมณ์เหนือเหตุผลเป็นที่สุด

ในเรื่องของการทำสงคราม ต่อให้เจ้าจะเป็นเซียนกระบี่ห้าขอบเขตบน หากรู้สึกว่าไม่ว่าใครก็สามารถใช้หนึ่งกระบี่ทิ่มให้ฟ้าเทลาดลงมาได้ นั่นก็ยากที่จะสมใจหวังแล้ว เพราะมีแต่จะทำให้เผ่าปีศาจสมปรารถนา มอบคุณความชอบครั้งหนึ่งหรืออาจเป็นชุดให้อีกฝ่ายไปเสียเปล่าๆ

ปีศาจใหญ่หลายตนชอบจงใจสร้างสถานการณ์ กุมผู้ฝึกกระบี่ที่บาดเจ็บสาหัสเอาไว้ในมือ ก่อนจะค่อยๆ ฉีกแขนทึ้งขาของเขาอย่างเนิบช้าแล้วยัดใส่ปากเคี้ยว หรือไม่ก็ค่อยๆ ถลกหนังดึงเส้นเอ็นของผู้ฝึกกระบี่ที่อยู่ในมือออกทีละนิด แต่ละวิธีอำมหิตทารุณ โหดร้ายจนมิอาจทนมอง ผู้ฝึกกระบี่ที่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้มีแต่จะอยู่ไม่สู้ตาย ส่วนผู้ฝึกกระบี่ที่ถูกพันธนาการวิญญาณ แม้แต่จะฆ่าตัวตายก็ยังเป็นความเพ้อฝัน สิ่งที่ปีศาจใหญ่ต้องการก็คือหลอกล่อให้ผู้ฝึกกระบี่จำนวนมากกว่าเดิมออกมาจากกำแพงเมืองปราณกระบี่ เข้าไปเข่นฆ่าใจกลางถิ่นของพวกมัน หากเซียนกระบี่คนใดลงมือก็จะมีปีศาจใหญ่เข้ามาล้อมไว้ในชั่วพริบตา หลังจบเรื่องก็แบ่งคุณความชอบทางการศึกกัน และในประวัติศาสตร์ก็เคยมีบทเรียนที่อาบนองไปด้วยเลือดอยู่มากมาย

ผู้ฝึกกระบี่รุ่นเยาว์ที่เป็นลูกรักของสวรรค์ถูกจับตัวไป ผู้อาวุโสในตระกูลหรือผู้ฝึกกระบี่ที่ถ่ายทอดวิชาให้ไปช่วยเหลือ ต้องตาย หากมีเซียนกระบี่ไปช่วยอีก ก็ตายอีก เซียนกระบี่ที่เป็นสหายสนิทไปช่วย ก็ยังต้องตายอยู่ดี

สุดท้ายกลับกลายเป็นผู้ฝึกกระบี่รุ่นเยาว์คนนั้นที่ตายช้าที่สุด เคยมีผู้ฝึกกระบี่รุ่นเยาว์ที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้ ถึงขั้นที่ว่าท้ายที่สุดแล้วก็ยังไม่ถูกปีศาจใหญ่สังหาร คนหนุ่มที่มือเท้าไม่เหลือ กระบี่บินแตกสลายถูกปีศาจใหญ่ตนนั้นโยนทิ้งไว้บนพื้น ขณะที่เผ่าปีศาจถอนกำลังออกไป ยังออกคำสั่งให้เผ่าปีศาจทุกตนเดินอ้อมเขาไป ทิ้งลูกรักแห่งสวรรค์ผู้นั้นไว้ให้แก่กำแพงเมืองปราณกระบี่ คนหนุ่มสาวหลายคนที่กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตถูกทำลายจนพังภินท์ สะพานแห่งอมตะถูกสะบั้นไม่เหลือชิ้นดี ส่วนใหญ่ก็มักมีจุดจบที่ว่า หากไม่รวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ฆ่าตัวตายบนสนามรบ ก็จะถูกยกออกไปจากสนามรบ แล้วค่อยฆ่าตัวตายตอนที่กลับเข้ามาในนคร

ใต้หล้าเปลี่ยวร้างมองแค่แพ้ชนะและเป็นตาย ไม่เคยสนใจว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร

หนิงเหยาเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นพวกมันก็ต้องเสียใจภายหลัง”

จั่วโย่วกุมกระบี่ในมือที่ชักออกจากฝักเบาๆ ปลายกระบี่ชี้ตรงไปยังปีศาจใหญ่ที่เรียกตำหนักหยกขาวออกมาเมื่อครู่นี้

เบื้องหน้าเส้นที่ผู้เฒ่าชุดเทาและปีศาจใหญ่ขอบเขตสูงสุดสิบสี่ตนยืนอยู่พลันมีน้ำวนลูกใหญ่ยักษ์ปรากฏขึ้นมา ก่อนที่ปลายกระบี่หลายต่อหลายเล่มจะแหวกอากาศผุดออกมาช้าๆ

ราวกับว่าระหว่างใต้หล้าไพศาลและกำแพงเมืองปราณกระบี่มีฟ้าดินขนาดเล็กเพิ่มขึ้นมาอีกสิบห้าแห่ง

นี่เท่ากับว่าผู้ฝึกกระบี่จั่วโย่วแห่งใต้หล้าไพศาลถามกระบี่ต่อปีศาจใหญ่ทุกตนในเวลาเดียวกัน

อันที่จริงทั้งสองฝ่ายของใต้หล้าเปลี่ยวร้างและกำแพงเมืองปราณกระบี่ที่ไม่ว่าจะมีขอบเขตอะไร ทุกคนต่างรู้กันดีว่า บนสนามรบในวันนี้ ฝั่งของกำแพงเมืองปราณกระบี่ ยิ่งเป็นคนที่โดดเด่นสะดุดตามากเท่าไร ศึกใหญ่ในครั้งถัดไปก็ยิ่งมีโอกาสตายมากเท่านั้น คนที่ไม่ต้องตายก็จะกลายเป็นคนที่รนหาที่ตาย คนที่เดิมทีตายช้าหน่อยก็ได้ กลับจะตายเร็วยิ่งกว่าเดิม

อันดับแรกก็คือเฉินผิงอัน

ตามมาด้วยจั่วโย่ว

สายเหวินเซิ่งของใต้หล้าไพศาลไม่เคยใช้เหตุผลจริงๆ เสียด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!