กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 630

เฉินผิงอันหัวเราะ “คำพูดตามมารยาทก็พูดไปพอสมควรแล้ว ต่อจากนี้ข้าอาจออกไปจากที่นี่ ไปเดินเตร็ดเตร่อยู่รอบๆ เป็นระยะ หากไม่พอใจก็จำไว้ว่าต้องเก็บอารมณ์เอาไว้ให้ดี การออกจากเมืองไปเข่นฆ่าต่อจากนี้ พวกเจ้าย่อมไม่มีโอกาสอย่างแน่นอน แต่ข้ากลับสามารถทำได้ เชิญพวกเจ้าอิจฉาได้ตามสบาย”

เติ้งเหลียงที่มีนิสัยสุขุมแต่กลับขาดไหวพริบถามว่า “ลูกหลานชนชั้นสูงย่อมไม่พาตัวไปเสี่ยงอันตราย เมื่ออยู่ในกำแพงเมืองปราณกระบี่ คำพูดนี้คือคำพูดระยำ แต่อยู่กับพวกเรา ใต้เท้าอิ่นกวานขอให้ท่านโปรดคิดพิจารณาให้ดีก่อนลงมือ ต่อให้จะต้องออกจากหัวกำแพงเมืองไปสังหารปีศาจจริงๆ ก็ต้องอำพรางร่องรอยให้ดี สายอิ่นกวานของพวกเรา หากไม่มีใต้เท้าอิ่นกวานนั่งบัญชาการณ์ หากถึงขั้นที่ต้องเปลี่ยนผู้นำกลางคัน นั่นก็คือข้อห้ามใหญ่หลวงของสำนักการทหาร”

“ความหวังดีรับไว้แล้ว คำพูดตรงไปตรงมาเช่นนี้ก็ควรจะเป็นกฎข้อหนึ่งของสายอิ่นกวานเรา ยามที่ปิดประตูล้วนถือเป็นคนครอบครัวเดียวกัน คนครอบครัวเดียวกันแม้จะพูดจาไม่น่าฟังไปบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี”

เฉินผิงอันเอ่ย “แต่คนที่สามารถสังหารข้าได้อย่างหย่างจื่อ หวงหลวนยังไม่กล้าเสี่ยงอันตรายลงมือ สัตว์เดรัจฉานตนอื่นๆ ไม่มีความจำ ไม่เชื่อไม่กลัว ถ้าอย่างนั้นก็ลองมาหาข้าดูได้”

เติ้งเหลียงนึกถึงความสำเร็จจากการส่งหนึ่งกระบี่ของเซียนกระบี่หญิงเซี่ยซงฮวาก่อนหน้านี้ก็ไม่เอ่ยอะไรอีก

เฉินผิงอันลุกขึ้น “ข้าจะไปคุยกับผู้อาวุโสน่าหลันเซาเหว่ยและผู้อาวุโสเยี่ยนหมิงเสียหน่อย”

เฉินผิงอันคว้าแผ่นหยก ‘อิ่นกวาน’ มาห้อยไว้ตรงเอว เขาต้องการไปหาคนบนเส้นทางเดียวกันทั้งสองคนเพื่อพูดคุยเรื่องเรือข้ามฟากของภูเขาห้อยหัว นี่ไม่ใช่ว่ากระบี่บิน ‘อิ่นกวาน’ พูดคุยแค่คำสองคำแล้วจะคุยกันรู้เรื่องได้ จำเป็นต้องคุยกันต่อหน้า

คำพูดบางอย่างต้องให้เขาใช้สถานะของอิ่นกวานพูดเท่านั้นถึงจะได้จริงๆ

เดินอยู่บนเส้นทางเดินม้า เฉินผิงอันที่สีหน้าซีดเซียวพึมพำกับตัวเองว่า “ความรู้ของใต้หล้า มีเพียงเรือราตรีที่ยากจะรับมือมากที่สุด”

หมี่อวี้มองแผ่นหลังของคนหนุ่มผู้นั้น ในใจก็เกิดความคิดประหลาดบางอย่างที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก

หากจะบอกว่าก่อนหน้านี้จิตหยินของเฉินผิงอันมานั่งบัญชาการณ์สายอิ่นกวาน

คือความมหัศจรรย์

ทุกคำพูดทุกการกระทำล้วนทำให้คนรู้สึกตกใจหวาดเสียว ทุกคำพูดล้วนมีความนัยลึกล้ำ เป็นการสั่งสมบารมีอำนาจอย่างที่มองไม่เห็น ค่อยๆ กุมอำนาจของอิ่นกวานไว้แน่นหนามากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นทำให้คนอดพยายามใคร่ครวญถึงความคิดของเฉินผิงอันไม่ได้

ถ้าอย่างนั้นเฉินผิงอันในเวลานี้ก็ดูเหมือนว่าสภาพจิตใจเที่ยงตรงยิ่งกว่า

แบบไหนดีกว่ากัน หมี่อวี้ก็บอกไม่ถูก

อันที่จริงจะดีกะผายลมอะไรล่ะ

จะดีจะชั่วข้าผู้อาวุโสก็คือผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตหยกดิบคนหนึ่ง ทว่าพอมาอยู่ที่นี่กลับกลายเป็นคนที่ไม่มีสิทธิ์มีเสียงมากที่สุด โดยเฉพาะเมื่อหมี่อวี้คิดถึงบุญคุณความแค้นระหว่างตนกับสายเหวินเซิ่ง จิตใจก็ยิ่งย่ำแย่

สุดท้ายหมี่อวี้ลูบคลำปลายคาง พึมพำว่า “สมองข้าไม่เฉียบไวจริงๆ งั้นหรือ?”

เฉินผิงอันพลันหันหน้ามาตะโกนเรียก “เซี่ยนกระบี่หมี่ ไปกับข้า คาดว่าอีกไม่นานเซียนกระบี่หมี่คงต้องยุ่งวุ่นวายแล้ว”

หมี่อวี้แข็งใจเดินตามอีกฝ่ายไป

เพียงแต่ว่าพอเฉินผิงอันพูดอย่างนี้ หมี่อวี้ก็โล่งอกขึ้นมาก ที่แท้ก็เป็นเรื่องดี ยังได้ไปผ่อนคลายอารมณ์ที่ภูเขาห้อยหัวได้บ้าง

ไม่เพียงเท่านี้ เฉินผิงอันยังเป็นฝ่ายสอบถามหมี่อวี้ถึงความคิดบางอย่างว่าพอจะทำได้หรือไม่

หมี่อวี้เองก็ตอบไปตามสัตย์จริง ปฏิเสธทุกความเห็นที่เขาบอกมา

และดูเหมือนว่าใต้เท้าอิ่นกวานอายุน้อยผู้นี้ก็ไม่ได้หมดอาลัยตายอยากสักเท่าใด

……

เส้าอวิ๋นเหยียนเจ้าเรือนชุนฟานที่อยู่ในภูเขาห้อยหัวขึ้นชื่อเรื่องเก็บตัวเงียบอยู่อย่างสันโดน

วันนี้เส้าอวิ๋นเหยียนไปเยือนจวนหยวนโหรวหนึ่งในสี่จวนส่วนตัวขนาดใหญ่ ตำหนักสุ่ยจิงและสวนดอกเหมยล้วนเป็นทางผ่าน แต่เขาเพียงแค่มองดูอยู่ไกลๆ

เพราะร่ายใช้เวทอำพรางตา บวกกับที่ตัวเส้าอวิ๋นเหยียนเองไม่ใช่คนที่ชอบปรากฎตัว ดังนั้นคนที่จำเซียนกระบี่ท่านนี้ได้จึงมีน้อยเพียงหยิบมือ

สุดท้ายเส้าอวิ๋นเหยียนไปเจอร้านเหล้าร้านหนึ่ง ใช้คาถาเคาะประตู ริ้วคลื่นกระเพื่อมขึ้นมา ประตูเปิดอ้า เส้าอวิ๋นเหยียนเดินข้ามธรณีประตูเข้าไป กิจการของร้านยังซบเซา นอกจากตนแล้วก็ไม่มีลูกค้าอีกแม้แต่คนเดียว

เขาดื่มเหล้าลืมทุกข์จอกหนึ่งอยู่ในพื้นที่มงคลหวงเหลียนที่ยังหลงเหลืออยู่แห่งนี้

ดูเหมือนว่านี่เป็นเรื่องที่ยอดฝีมือแทบทุกคนที่เดินทางมาเยือนภูเขาห้อยหัวล้วนจำเป็นต้องทำ

ผู้เฒ่าคนหนึ่งนั่งงีบหลับอยู่หลังโต๊ะคิดเงิน บนโต๊ะวางกรงนกหยกมรกตสลักบทกวีรูปแปดสมบัติ ด้านในมีนกขมิ้นน้อยอยู่ตัวหนึ่ง มันเองก็งีบหลับเหมือนผู้เฒ่า

คนหนุ่มที่ชื่อสวี่เจี่ยเห็นเส้าอวิ๋นเหยียนแล้วก็ดีใจมาก หลักๆ แล้วก็เพราะในใจคอยนึกถึงเถาน้ำเต้าของเจ้าของเรือนชุนฟานผู้นี้อยู่เสมอ ดังนั้นวันนี้สวี่เจี่ยที่ขึ้นชื่อเรื่องความขี้เกียจในสายตาลูกค้าซึ่งสนิทคุ้นเคยกันจึงขยันขันแข็งมากเป็นพิเศษ เขารีบยกเหล้าไหหนึ่งมาวางไว้บนโต๊ะ อันที่จริงสวี่เจี่ยไม่เคยพูดคุยกับเส้าอวิ๋นเหยียน แต่เคยได้ยินมาว่าเซียนกระบี่ที่มีชาติกำเนิดจากอุตรกุรุทวีปผู้นี้ ในอดีตตอนที่เพิ่งมาเยือนภูเขาห้อยหัวก็เคยมาดื่มเหล้าที่นี่เพราะได้ยินชื่อเสียงมานาน แต่กลับไม่มีเงินพอให้จ่ายค่าเหล้า จึงจ่ายค่าเหล้ากาหนึ่งของร้านด้วยน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ลูกหนึ่งที่อยู่บนเถาน้ำเต้าเส้นนั้น แล้วก็ดื่มจนเมาเละเหมือนขี้โคลน ภายหลังหาเงินมาได้จึงนึกเสียใจภายหลัง หมายจะเอาเงินฝนธัญพืชกองใหญ่มาซื้อคืนตามราคาตลาด แต่เถ้าแก่ไม่ตอบตกลง แล้วเซียนกระบี่เส้าก็คงขุ่นเคืองเถ้าแก่ ถึงได้ไม่เคยมาดื่มเหล้าที่ร้านอีกเลย

เส้าอวิ๋นเหยียนยืนอยู่ด้านล่างกำแพงแถบนั้น มองประเมินอยู่สองสามครั้งก็ยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ได้มาแค่เจ็ดแปดร้อยปี ไม่นึกว่าผนังจะถูกเขียนเกือบเต็มแล้ว กิจการของร้านดีขนาดนี้เชียวหรือ?”

สวี่เจี่ยบ่นว่า “คนเปรียบเทียบกับคนชวนให้คนโมโหตาย ได้ยินว่ากำแพงเมืองปราณกระบี่มีร้านเหล้าที่ขายเหล้าชั้นเลว เพิ่งจะเปิดร้านได้ปีกว่า แต่ป้ายสงบสุขนั้นกลับแขวนไว้เต็มผนังสามแถบแล้ว”

เส้าอวิ๋นเหยียนเอ่ยขออภัยลูกจ้างร้านหนุ่มคำหนึ่ง หิ้วเหล้าลืมทุกข์ไปนั่งบนโต๊ะตัวเดียวกับที่เคยนั่งเมื่อครั้งที่มาดื่มเหล้าที่นี่เป็นครั้งแรก รินเหล้าหนึ่งถ้วย มองไปทางโต๊ะคิดเงิน ยิ้มเอ่ยว่า “เถ้าแก่ เถาน้ำเต้าเส้นนั้นได้ให้แม่นางน้อยคนหนึ่งเอาไปไว้ที่ภูเขาสุ่ยจิงของอุตรกุรุทวีปแล้ว ผ่านไปอีกสิบกว่าปี น้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ลูกนั้นก็จะสุกงอมหล่นลงพื้น ถึงเวลานั้นต้องรบกวนให้เถ้าแก่ส่งคนไปเอาที่นั่นแล้วล่ะ เกี่ยวกับว่าน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ลูกนี้จะเป็นของใคร ข้าได้บอกกล่าวกับภูเขาสุ่ยจิงไว้ก่อนแล้ว แค่คนปรากฏตัว ก็เอาน้ำเต้าไปได้เลย ง่ายดายเพียงเท่านี้”

ผู้เฒ่าอืมรับหนึ่งที ลืมตาขึ้นชำเลืองมองสวี่เจี่ย “เจ้าจะไปหรือไม่?”

สวี่เจี่ยถาม “หากข้าออกไปจากร้านแล้วคุณหนูกลับมาพอดี จะทำอย่างไร?”

ผู้เฒ่าด่ายิ้มๆ “ข้าล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ไยลูกกระต่ายน้อยอย่างเจ้าถึงยืนกรานจะแขวนคอตายใต้ต้นไม้ต้นเดียวให้ได้แบบนี้? ลูกสาวของข้าคนนั้น ความงามก็ไม่มี รูปร่างก็ไม่ได้เรื่อง สมองก็ไม่ค่อยจะสมประดี ทั้งยังมีคนที่ชอบพออยู่นานแล้ว จะคู่ควรกับเจ้าได้อย่างไร?”

สวี่เจี่ยพูดอย่างขุ่นเคือง “นับตั้งแต่เด็กข้าก็อยู่ที่นี่ เคยได้พบเจอสตรีสักกี่คนกัน? ไม่ชอบคุณหนู แล้วจะให้ไปชอบใคร?! ชอบตาเฒ่าสกปรกอย่างท่านงั้นรึ?!”

ผู้เฒ่าเองก็ไม่โกรธ บุตรสาวออกจากบ้านไปนานหลายปี ในร้านจึงมีแค่หนึ่งคนแก่หนึ่งเด็กเฝ้าอยู่ในสถานที่ที่เงียบเหงาแห่งนี้ แล้วก็ได้อาศัยลูกศิษย์ของตนนี่แหละที่เพิ่มกลิ่นอายความครึกครื้นขึ้นมาหน่อย เขาตัดใจด่าอีกฝ่ายไม่ลง หากด่าแรงเกินไป แล้วอีกฝ่ายจะออกจากบ้านไปด้วย ร้านคงขาดทุนแย่

ผู้เฒ่ายิ้มกล่าว “ถ้าอย่างนั้นก็ยิ่งต้องให้เจ้าไสหัวออกไป ไปเดินดูภายนอกบ้าง สตรีงดงงามที่แท้จริง มีให้เจ้าเลือกจนตาลายเลยล่ะ”

สวี่เจี่ยพยักหน้ารับ “ข้าเองก็เริ่มคิดถึงเฉาสือแล้ว พอไปเอาน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ที่อุตรกุรุทวีปแล้วจะไปหาเขาที่ทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง”

กล่าวมาถึงตรงนี้ สวี่เจี่ยก็ลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะคิดเงิน หิ้วกรงนกขึ้นมาแล้วแกว่งส่าย พลางเอ่ยสั่งสอนไปด้วย “เจ้าโง่ เหตุใดปีนั้นถึงมองรากฐานวิถีวรยุทธของเฉินผิงอันผู้นั้นไม่ออก ชอบทำเป็นป่วยกระเสาะกระแสะแกล้งตายนักใช่ไหม?”

นกขมิ้นในกรงเป็นพันธ์เดียวกับนกขมิ้นของลู่เฉินเจ้าลัทธิสามแห่งใต้หล้ามืดสลัว

เพียงแต่ว่าตัวหนึ่งทดสอบชะตาบุ๋น ตัวหนึ่งทดสอบชะตาบู๊

เส้าอวิ๋นเหยียนยิ้มกล่าว “เถ้าแก่ มีเรื่องราว สามารถเล่าให้ฟังได้ไหม?”

ผู้เฒ่าโบกมือ “ดื่มเหล้าของเจ้าไปเถอะ แค่เรื่องดื่มเหล้าดับทุกข์ให้เป็นเหมือนเหล้าปกติทั่วไป ย่ำยีของดีเช่นนี้ หากไม่เป็นเพราะเห็นแก่น้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ลูกนั้นของเจ้า ข้าก็ไม่คิดจะขายเหล้าให้เจ้าด้วยซ้ำ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!