กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 632

เรื่องที่สาม ค่อนข้างจะยุ่งยากอยู่บ้าง ผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดสองคนอย่างเยี่ยนหมิงและน่าหลันไฉ่ฮ่วนต่างก็ไปที่หัวกำแพงเมืองกันหมด กิจธุระในบ้านล้วนมอบหน้าที่ให้ผู้น้อยในตระกูลจัดการ แม้จะบอกว่าไม่ฉลาดเฉลียวเท่าเทพเจ้าแห่งโชคลาภของกำแพงเมืองปราณกระบี่สองท่านนี้ แต่ปัญหาก็อยู่ที่ว่าคนกลุ่มนี้จะยืนกรานในเรื่องราคาที่แน่นอน รักษากฎเกณฑ์อย่างตายตัว ไม่ยอมตอบตกลง ถ้าอย่างนั้นทั้งสองฝ่ายก็คงต้องถ่วงเวลากันไป แม้จะบอกว่าไม่ว่าใครก็รู้ดีว่ากำแพงเมืองปราณกระบี่ไม่มีทางรั้งรอได้นานเท่าเรือข้ามทวีปอย่างแน่นอน แต่ขอแค่อยู่ที่ภูเขาห้อยหัวสิบวันครึ่งเดือน เงินเทพเซียนก้อนที่มอบให้ภูเขาห้อยหัวนั้นไม่ใช่เงินน้อยๆ ดังนั้นไม่เพียงแต่ถ้ำซานสุ่ยเท่านั้น ในความเป็นจริงแล้วเรือข้ามทวีปทุกลำล้วนหวังว่าจะฝ่าการคุมเชิงที่ชะงักงันนี้ไปได้

ในประวัติศาสตร์ ช่วงเวลาระหว่างศึกใหญ่ของกำแพงเมืองปราณกระบี่ ตระกูลน่าหลันก็ใช่ว่าจะไม่เคยทิ้งคำพูดอำมหิตให้กับพวกเรือข้ามทวีปลำใหญ่ทั้งหลายอย่างเช่นว่า อยากขายก็ขาย ไม่ขายก็ไสหัวไป

และในขณะที่ผู้ดูแลเรือข้ามฟากสิบกว่าลำของหลายทวีปเริ่มเปลี่ยนมาเป็นมดบนกระทะร้อน เตรียมจะก้มหัวยอมอ่อนข้อให้นั้นเอง อยู่ดีๆ ก็เกิดโอกาสพลิกผัน มีคนหนุ่มไร้แซ่ไร้นามคนหนึ่งที่อยู่บนเรือข้ามฟากของฝูเหยาทวีปที่ใช้กลยุทธประสานพร้อมแยกสลาย ถึงขั้นสามารถโน้มน้าวผู้ดูแลทุกคนของเรือข้ามฟากเจ็ดทวีปได้ ยอมเดิมพันว่าอาจจะไม่ได้ผลกำไร บอกให้เรือข้ามทวีปทุกลำพากันถอนสมอเรือออกจากภูเขาห้อยหัวภายในค่ำคืนเดียว ราวกับมาท่องเที่ยวขุนเขาสายน้ำ แล้วไปจอดที่ท่าเรือของเกาะใต้อาณัติสำนักอวี่หลง ทิ้งเพียงประโยคเดียวไว้ให้กำแพงเมืองปราณกระบี่ พวกเราไม่เอาเงินก้อนนี้ก็ได้

และคนหนุ่มที่อยู่ดีๆ ก็มีชื่อเสียงขึ้นมา สุดท้ายช่วยให้เรือข้ามทวีปทุกลำได้กำไรก้อนใหญ่ผู้นี้ ก็คือบรรพจารย์ผู้บุกเบิกขุนเขาของถ้ำซานสุ่ย ตอนนั้นเขาเป็นแค่ผู้ฝึกตนขอบเขตชมมหาสมุทร แต่กลับสามารถโน้มน้าวพวกจิ้งจอกเฒ่าทุกคนที่ทำการค้ามาจนเคยชินได้ หลังจากนั้นเวลาสั้นๆ เพียงสามปี คนหนุ่มก็มีภูเขาและมีเรือข้ามทวีปเป็นของตัวเอง

ใช่ว่าตระกูลน่าหลันจะไม่เคยคิดหาวิธีมารับมือกับเรือข้ามทวีปสองลำของถ้ำซานสุ่ยในภายหลัง เพียงแต่ว่าทุกครั้งถ้ำซานสุ่ยล้วนรับมือได้อย่างผ่อนคลาย นานวันเข้าจะทำอย่างไรได้ การค้าก็ต้องดำเนินต่อไปเท่านั้น

ภายหลังพอมีตระกูลเยี่ยน เจ้าประมุขตระกูลเยี่ยนอย่างเยี่ยนหมิงค่อนข้างจะพูดง่ายหน่อย ไม่ได้มีนิสัยตรงไปตรงมาของคนทำการค้าอยู่เล็กน้อย แต่กลับมีนิสัยเสียๆ ของผู้ฝึกกระบี่อยู่มากกว่าอย่างตระกูลน่าหลัน เพราะเยี่ยนหมิงเหมือนคนค้าขายอย่างสมชื่อมากกว่า คนผู้นี้ระมัดระวังรอบคอบ พยายามที่จะช่วยให้กำแพงเมืองปราณกระบี่เสียเงินที่อยุติธรรมน้อยที่สุด แต่ก็ต้องทำให้เรือข้ามฟากของทวีปใหญ่ทั้งหลายได้กำไรไปด้วย ถือว่าต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์ร่วมกัน และหลังจากน่าหลันไฉ่ฮ่วนเข้ามากุมอำนาจของตระกูล ความสัมพันธ์ของนางกับบรรดาเรือข้ามทวีปของทวีปต่างๆ ก็ไม่ถือว่าแย่ และหลังจากที่คนฉลาดสองคนอย่างเยี่ยนหมิงกับน่าหลันไฉ่ฮ่วนมารับหน้าที่ทำการค้าแล้ว ความสัมพันธ์ของสองฝ่ายนับว่าธรรมดา น่าจะถือว่าเป็นน้ำบ่อที่ไม่ยุ่งกับน้ำคลอง ทว่าในทางส่วนตัวก็มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์น้อยใหญ่อยู่เช่นกัน

ลูกศิษย์ผู้สืบทอดคนหนึ่งของผู้ฝึกตนผู้เฒ่าเดินมาที่หอชมทัศนียภาพแห่งนี้ ทำท่าจะพูด แต่ก็ไม่ได้พูด

ก่อกำเนิดผู้เฒ่าจึงยิ้มเอ่ย “มีอะไรก็ว่ามาเถอะ”

คนหนุ่มถาม “อาจารย์ ในอดีตเรือข้ามทวีปของถ้ำซานสุ่ยพวกเราล้วนยอมให้ทางฝั่งของกำแพงเมืองปราณกระบี่เชื่อค่าสินค้าไว้ก่อนได้ หลังศึกใหญ่ผ่านไปค่อยคิดบัญชีกันตามดอกเบี้ยที่ตกลงกันไว้ จ่ายเร็วดอกเบี้ยก็น้อย จ่ายช้าดอกเบี้ยก็มาก เหตุใดครั้งนี้ท่านบรรพบุรุษถึงจะให้ถ้ำซานสุ่ยของพวกเราร่วมมือกับเรือข้ามฟากลำอื่นปฏิเสธเรื่องนี้กับกำแพงเมืองปราณกระบี่เล่า?”

ผู้เฒ่าเอ่ยเสียงเบา “แม้ว่าทางฝั่งของกำแพงเมืองปราณกระบี่จะเข้มงวดต่อการส่งข่าว ไม่อนุญาตให้ใครเข้าใกล้หัวกำแพงเมือง แม้แต่คนสนิทคุ้นเคยอย่างข้า ในอดีตยังพักอยู่ในจวนเซียนได้หลายวัน แต่คราวนี้เข้าไปในกำแพงเมืองปราณกระบี่แต่กลับไปไม่ถึงที่นคร ได้แต่พักอยู่ในเรือนที่ตั้งระหว่างตัวนครกับหอมายา คุยเรื่องการค้ากับคนสองตระกูลนั้น แต่ยิ่งปิดบังเช่นนี้ก็ยิ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าเผ่าปีศาจบุกเข้ามาอย่างดุดัน สงครามครั้งนี้กำแพงเมืองปราณกระบี่อเนจอนาถอย่างยิ่ง แล้วเจ้าว่ากำลังทรัพย์ของตระกูลเยี่ยนกับตระกูลน่าหลันเป็นอย่างไร?”

คนหนุ่มยิ้มกล่าว “เซียนกระบี่ทั้งสองอย่างเยี่ยนหมิงและน่าหลันไฉ่ฮ่วนล้วนเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ ทรัพย์สินที่สะสมมาได้ ไม่ว่าจะเป็นของตระกูลตัวเองหรือว่าส่วนที่ช่วยหามาให้กำแพงเมืองปราณกระบี่จะต้องไม่น้อยอย่างแน่นอน”

ผู้เฒ่าพยักหน้าพลางยิ้มบางๆ “ดังนั้นคราวนี้พวกเราจึงสามารถหากำไรก้อนใหญ่ให้ถ้ำซานสุ่ยได้แล้ว ไม่เพียงแต่จะขุดเอารากฐานกำลังทรัพย์ของตระกูลเยี่ยนและตระกูลน่าหลันจนไม่เหลือ ยังจะกวาดเอาของที่หอโอสถสะสมไว้มาจนเกลี้ยงด้วย ส่วนเรื่องที่ว่าจะไม่ให้เชื่อไว้ก่อนนั้น แน่นอนว่าพวกเราพูดจริง ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แต่ในความเป็นจริงแล้วจะไม่ให้พวกเราเอาจริงก็ได้ แต่จะทำอย่างไรพวกเราถึงจะไม่เอาจริง ก็ต้องดูที่ความจริงใจของเยี่ยนหมิงและน่าหลันไฉ่ฮ่วนแล้ว”

คนหนุ่มถามอย่างระมัดระวัง “นิสัยของเซียนกระบี่ไม่ใคร่จะดีเท่าไร อย่าได้ทำให้พวกเขากลายเป็นหมาจนตรอกเด็ดขาดเชียว”

ผู้เฒ่าเอ่ยเยาะเย้ย “ตระกูลน่าหลันมีน่าหลันเซาเหว่ยเป็นบรรพบุรุษ คือหนึ่งในสิบเซียนกระบี่ใหญ่ของกำแพงเมืองปราณกระบี่ หากอยู่ที่ฝูเหยาทวีปของพวกเรา ใครจะกล้าหายใจแรงต่อหน้าเจ้าแก่ผู้นี้ น่าหลันเซาเหว่ยนิสัยดีนักรึ? ไม่ดีมากๆ เลยล่ะ แต่เจอกับพวกเรา ไม่ดีแล้วจะทำอะไรได้? เซียนกระบี่พลังพิฆาตยิ่งใหญ่ ชอบฆ่าคน? เชิญเจ้าฆ่าได้ตามสบาย แต่พวกเขากล้าหรือ? ต่อจากนี้พวกเรายังต้องพูดโน้มน้าวบรรพบุรุษของเรือข้ามฟากลำอื่นๆ ให้ออกหน้าอีก เพราะฉะนั้นถึงได้บอกอย่างไรล่ะว่าเงินเทพเซียนถึงจะเป็นหมัดที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า”

อันที่จริงคำถามที่คนหนุ่มจะถามจริงๆ ก็คือ ทำไมถึงไม่ยอมให้หาเงินได้น้อยกว่าเดิมสักเล็กน้อย หากเอาแต่คิดจะขุดเงินขูดเนื้อจากกำแพงเมืองปราณกระบี่ตลอดแบบนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่มีความจำเป็นสักเท่าไร

คล้ายผู้เฒ่าจะมองความคิดของลูกศิษย์ออก จึงยิ้มเอ่ยว่า “เจ้าน่ะ ตบะพอใช้ได้ แต่ทำการค้ากลับโง่เขลาไม่มีไหวพริบเอาเสียเลย! ทั้งๆ ที่สามารถหาเงินได้ กลับเอาแต่คิดว่าจะหาเงินจากคนอื่นให้น้อยหน่อย แล้วชีวิตนี้เจ้าจะหาเงินก้อนใหญ่ได้จริงงั้นหรือ? ขอแค่เจ้ายังคิดอย่างนี้ ชีวิตนี้ก็อย่าหวังว่าจะได้เป็นบุคคลอย่างท่านบรรพบุรุษของพวกเราเลย แม้แต่คิดก็ทำไม่ได้ เพราะขนาดจะถือรองเท้าให้ท่านบรรพบุรุษก็ยังไม่คู่ควร”

สุดท้ายผู้เฒ่าเอ่ยว่า “เจ้าเลิกสนใจเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองเถอะ ใช้ชีวิตให้ดีได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว รอให้เจ้ากลายเป็นบุคคลอย่างบรรพจารย์ของถ้ำซานสุ่ยที่สำคัญยิ่งกว่าอาจารย์ ถึงเวลานั้นเจ้าถึงจะมีคุณสมบัติมาพูดเรื่องหาเงินมากน้อย แต่อาจารย์มั่นใจมากเลยว่า หากถึงวันนั้นจริงๆ เจ้ามีแต่จะอยากหาเงินให้ได้มากกว่าอาจารย์ พอย้อนกลับมามองวันนี้ก็จะรู้สึกว่าตัวเองช่างน่าขำ! เพราะอะไร?”

ผู้เฒ่าถามเองตอบเอง “เพราะก้นของเจ้านั่งอยู่บนเก้าอี้ในศาลบรรพจารย์ถ้ำซานสุ่ยแล้ว”

……

ฟู่เค่อ เซียนดินโอสถทองที่หนุ่มที่สุดในประวัติศาสตร์ของสำนักอวี่หลง วันนี้เขาออกจากภูเขาบรรพจารย์อันเป็นเกาะที่ตั้งของสำนักอวี่หลง ไปเยือนเกาะใต้อาณัติแห่งหนึ่งเพื่อพบกับสหายสนิท

สำนักอวี่หลงไม่มีเรือข้ามทวีป เพราะว่าไม่จำเป็น สำนักแห่งหนึ่งมีเกาะใต้อาณัติน้อยใหญ่ยี่สิบกว่าแห่ง แต่ละแห่งล้วนเป็นท่าเรือ ด้านบนล้วนเป็นสำนักตระกูลเซียน ลูกศิษย์ผู้สืบทอด ลูกศิษย์ฝ่ายนอกบวกกับนักการที่พึ่งพิงสำนักอวี่หลงทั้งสิ้น จำนวนคนมีมากหลายหมื่นคน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!