จงขุยเบี่ยงตัวเดินหันข้าง ยิ้มเอ่ยว่า “คนก็ไม่ใช่คน ผีก็ไม่ใช่ผีอย่างข้า แม้ว่าจะไม่มีสถานะของลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊ออยู่แล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ลูกศิษย์ผู้สืบทอดของสำนักฝูจี หากคิดจะเรียนวิชาลับเฉพาะจากเจ้าสำนักจี ลำพังเพียงแค่อาศัยหน้าตาของอาจารย์ข้าคงยังไม่ได้ ข้าเป็นเพื่อนสนิทของเฉินผิงอัน และเจ้าเองก็มีความสัมพันธ์อันดีกับเฉินผิงอัน ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ยิ่งสนิทกันมากขึ้น เจ้าไม่ช่วยข้าพูดจามีมโนธรรมสักสองสามประโยคก็ฟังดูไม่สมควรสักเท่าไรเลยนะ”
หวงถิงเพิ่งกลับมาจากการหาประสบการณ์ที่อุตรกุรุทวีปไม่นาน ยังไม่อาจฝ่าทะลุขอบเขตเป็นก่อกำเนิดได้ในรวดเดียว พอกลับมาถึงภูเขาไท่ผิง แม้จะบอกว่าปิดด่าน แต่แท้จริงแล้วก็แค่คร้านจะพบเจอผู้คนเท่านั้น
เดินทางกลับมาจากการลงใต้ ระหว่างทางที่ผ่านแจกันสมบัติทวีป ยังไปเยือนราชวงศ์ต้าหลีโดยเฉพาะมารอบหนึ่ง อยากจะไปเจอแม่นางน้อยถ่านดำที่หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ผู้นั้นเสียหน่อย ดูสิว่านางเรียนเวทกระบี่วิชาดาบเป็นอย่างไรบ้างแล้ว คิดไม่ถึงว่าแม่นางน้อยจะไม่อยู่บนภูเขา กลับมีเจ้าคนสองคนที่สายตาล่อกแล่กพยายามจะรั้งตัวนางไว้อย่างกระตือรือร้น เจ้าคนที่อายุมากหน่อยนั่นคิดจะหลอกให้นางเป็นผู้ถวายงาน ส่วนอีกคนหนึ่งขาดก็แค่ไม่ได้น้ำลายไหลเท่านั้น ไม่ได้ต่างอะไรจากพวกอันธพาลในหมู่บ้านร้านตลาดสักเท่าไร
หวงถิงไม่มีอารมณ์มาพูดล้อเล่นกับจงขุย ออกจากภูเขามาครั้งนี้ก็เพราะว่าเจ้าขุนเขาขับไล่คน จึงจำต้องมาเที่ยวที่ภูเขาฉุยซางเป็นเพื่อนจงขุย ดังนั้นจึงพูดอย่างเป็นการเป็นงาน “ข้ามีจดหมายลับจากเจ้าขุนเขา น่าจะพอช่วยได้บ้าง เรื่องอื่นๆ ข้าล้วนไม่สนใจ หากจีไห่ไม่รับปาก ข้าก็ช่วยอะไรไม่ได้ เจ้าก็ภาวนาให้ตัวเองโชคดีมากๆ เถอะ”
จงขุยกลัดกลุ้มเป็นกำลัง
หวงถิงคิดแล้วก็ไม่เข้าใจ ในเมื่อเป็นเรื่องใหญ่ ก่อนหน้านี้ก็ควรจะใส่ใจสักหน่อย ไหนเลยจะมีเหตุผลให้เพิ่งมาคิดเป็นจริงเป็นจังยามที่อยู่บนภูเขาฉุยซาง ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่ถนนเรียกสวรรค์ตรงตีนเขา จงขุยอดีตวิญญูชนของสำนักศึกษาท่านนี้ยามที่หั่นราคาขึ้นมา ความสามารถก็ไม่ตื้นเขินเลยจริงๆ เป็นคนประเภทที่ไม่คิดรักษาหน้าตาตัวเองแม้แต่น้อย หวงถิงเองก็เคยออกท่องยุทธภพอยู่บ่อยครั้ง แต่กระนั้นก็ยังรู้สึกละอายใจที่สู้ไม่ได้ แต่คนเช่นจงขุยนี้ หวงถิงไม่สนใจใยดีคือเรื่องหนึ่ง แต่ความประทับใจที่มีต่อเขากลับไม่เลว นั่นก็คืออีกเรื่องหนึ่ง ศึกของภูเขาไท่ผิง หากไม่เป็นเพราะจงขุยคาดเดาแผนการของศัตรูได้ล่วงหน้า จึงกอบกู้สถานการณฺกลับมาได้ หวงถิงที่รู้สึกละอายใจต่อสำนักคงถูกความรู้สึกอัดอั้นกดทับจนตายแล้วเป็นแน่
ตลอดทางที่เดินกันมานี้จงขุยเดินๆ หยุดๆ ชอบไปหาพวกผีพรายเซียนน้ำตามริมทะเลสาบแม่น้ำลำคลองให้ออกมาพูดคุยกันอยู่นาน หรือไม่ก็พูดคุยเรื่องเก่าแก่ยิบย่อยปีมะโว้กับพวกผีเร่ร่อนที่อยู่ตามสุสาน ถึงอย่างไรหวงถิงก็ปล่อยตามใจเขา ตัวเขาเองไม่รีบร้อน นางที่เป็นคนนอกก็ยิ่งไม่รีบร้อน
ตอนนั้นจงขุยยังพูดจามีเหตุผล หลังจากบอกลากับผีผู้เฒ่าที่เกือบจะเผากระดาษเหลืองสาบานเป็นพี่น้องกันมาแล้ว เขาก็พูดกับหวงถิงว่า นี่เรียกว่าคนแก่ไม่เล่าเรื่องในอดีตให้ฟัง คนรุ่นหลังย่อมไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร เป็นเฉินผิงอันที่บอกกับข้า
หวงถิงที่เงียบขรึมจึงเถียงกลับไปประโยคหนึ่งอย่างที่หาได้ยาก แล้วเฉินผิงอันก็จะบอกเรื่องที่เจ้าบอกเขากับคนอื่นด้วยไหม?
จงขุยก็เลยบ่นนาง เซียนกระบี่อย่างพวกเจ้านี่นะ ออกกระบี่ก็คือฆ่าคน แต่ยามพูดจากลับทำร้ายความรู้สึกคนยิ่งนัก
คนทั้งสองเดินขึ้นเขากันไปช้าๆ จีไห่ยังไม่ปรากฏตัวเสียที นี่ไม่ใช่นิมิตหมายที่ดีเลย
แม้ว่าคนทั้งสองจะไม่ใช่บุคคลยิ่งใหญ่ค้ำฟ้าของใบถงทวีปอะไร ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาจีไห่มักจะรับรองคนอื่นอย่างมีมารยาทรัดกุมเสมอ ไม่ใช่ผู้อาวุโสที่ชอบวางมาดใหญ่โต
หวงถิงไม่ใช่คนที่ดูถูกตัวเอง ต่อให้ตนจะมาเยือนสำนักฝูจีแค่เพียงลำพัง ตามหลักแล้วต่อให้จีไห่ไม่ออกไปต้อนรับที่หน้าประตูภูเขา เวลานี้ก็ควรมาปรากฏตัวอยู่ที่ขั้นบนสุดของบันไดภูเขาได้แล้ว
จงขุยยังคงไม่รีบร้อน เขาเอ่ยว่า “ได้ยินมาว่าหลิวจิ่งหลงแห่งอุตรกุรุทวีปที่เคยต่อสู้กับเจ้าอยู่บนภูเขาตี่ลี่ ไม่เพียงแต่เป็นเซียนกระบี่แล้ว การถามกระบี่สามครั้งหลังจากนั้นก็ล้วนชวนให้คนตื่นตาตื่นใจอย่างมาก”
หวงถิงพยักหน้ารับ “เจ้าคนจู้จี้นิสัยเหมือนสตรีผู้นั้นกลายเป็นเซียนกระบี่มีอะไรให้ต้องประหลาดใจกัน คอขวดขอบเขตก่อกำเนิดของข้าใหญ่ยิ่งกว่าและสูงยิ่งกว่า จึงเป็นเหตุให้ช้ากว่าเขาเล็กน้อย ความต่างแค่ช้าเร็วไม่กี่ปี สำหรับผู้ฝึกตนก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เมื่อเทียบกับสองคนที่ลำดับในรายชื่อสูงยิ่งกว่าอย่างหลินซู่และสวีเซวี่ยนแล้ว ข้าเห็นดีในความสำเร็จบนมหามรรคาของหลิวจิ่งหลงมากกว่า แน่นอนว่านี่เป็นเพียงแค่ทัศนคติของข้าคนเดียว”
จงขุยบังเกิดความสนใจ จึงกระซิบถาม “ออกเดินทางไปหาประสบการณ์ที่อุตรกุรุทวีปครั้งนี้ ไม่มีใครที่ตกหลุมรักเจ้าตั้งแต่แรกเห็นบ้างหรือ?”
หวงถิงไม่ถือสาเรื่องพวกนี้ “มีสิ แถมยังมีไม่น้อยด้วย ในหุบเขาผีร้ายของชายหาดโครงกระดูกก็มีผู้ฝึกตนสำนักพีหมาอยู่คนหนึ่ง เขาเป็นคนดีจนข้านึกอยากจะแนะนำศิษย์น้องหญิงให้เขาเลยล่ะ”
จงขุยโอดครวญ “ในใต้หล้านี้ยังมีคำพูดใดที่ทำให้บุรุษเสียใจเหมือนฟ้าถล่มดินทลาย ราวกับว่าชีวิตไม่เหลืออะไรแล้วได้เท่าการที่สตรีบอกบุรุษว่าเจ้าเป็นคนดีอีกหรือ? แม่นางหวง เทพธิดาหวง วันหน้าขอเจ้าอย่าได้พูดจาแบบนี้อีกเลย เจ้าทำตัวเป็นคนใบ้ยังดีกว่าเสียอีก”
หวงถิงจึงคร้านที่จะพูดคุยกับเขาต่อ
จงขุยมองไปทางทิศตะวันตก ภูเขาฉุยซางตั้งอยู่ติดกับมหาสมุทร
จงขุยพึมพำกับตัวเองว่า “อยากไปจะลองดูที่กำแพงเมืองปราณกระบี่สักครั้งจริงๆ แต่อาจารย์ไม่อนุญาตนี่นา”
หวงถิงเหลือบตามองจงขุย
จงขุยยิ้มเจื่อนเอ่ยว่า “ข้าไม่ใช่เจ้าที่เป็นผู้ฝึกกระบี่ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ล้วนทำได้ตามใจปรารถนา บัณฑิตน่ะมีกฎเยอะนักล่ะ”
หวงถิงยิ้มกล่าว “แม้แต่ยศวิญญูชนก็ไม่มีอยู่แล้ว แล้วก็ไม่ได้เป็นลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อแล้วด้วย ยังจะเฝ้ารักษาสถานะของบัณฑิตเอาไว้ไม่ยอมวางอีกหรือ อืม เฝ้ารักษาจนตัวตายก็ไม่ยอมวางจริงๆ”
จงขุยมีอยู่ข้อหนึ่งที่ดีมาก พูดล้อเล่นด้วยได้ ต่อให้สาดเกลือลงบนบาดแผลก็ไม่ถือสา
จงขุยขยับคอเสื้อ สะบัดชายแขนเสื้อ “รับผลได้ผลเสียจากการเป็นบัณฑิตได้ และยังสามารถรักษาจิตใจที่ปกติเอาไว้ได้ ก็ถือว่าการฝึกตนประสบผลสำเร็จเล็กๆ แล้ว หากทำไม่ได้ก็เท่ากับว่าแสร้งวางมาดให้ภูมิฐานไปอย่างนั้นเอง ข้าในเวลานี้ถือว่ามีมาดแห่งความยิ่งใหญ่เที่ยงธรรม ปีนั้นเจ้าเด็กเฉินผิงอันนั่นก็ถูกปราณเที่ยงธรรมซื่อสัตย์บนร่างข้าทำให้ตะลึงพรึงเพริด รู้สึกนับถือเลื่อมใสข้าอย่างสุดจิตสุดใจ เซ้าซี้อยากจะตัดหัวไก่สาบานเป็นพี่น้องกับข้าให้จงได้ แต่ข้าไม่ตอบตกลง เพราะรังเกียจว่าน้ำหมึกในท้องเขามีน้อยเกินไป ไม่อาจเขียนบทกวีออกมาได้”
หวงถิงเอ่ย “ข้าไม่ได้ตาบอด ไม่เห็นจะมองออก”
จงขุยเงยหน้ามองยอดเขาฉุยซางด้วยความรู้สึกเสียใจเล็กน้อย
เล่าลือกันว่าในอดีตเคยมียอดฝีมือคนหนึ่งเดินทางท่องเที่ยวผ่านมายังที่แห่งนี้ แล้วได้มอบคำทำนายที่ไม่เป็นมงคลนักแก่จีไห่
‘ตะวันขึ้นแบกฟืนผ่านแสงแดด สวมเสื้อกันฝนหลังฝนตกยากแย้มยิ้ม มือขาวนวลเนียนไม่มั่นคง บนโลกนี้ย่อมมีสิ่งที่ยากจะรั้งไว้’
จงขุยไม่เชื่อในเรื่องชะตากรรม
แม้ว่าเขาเองก็เป็นคนที่บนร่างแบกคำทำนายไว้เช่นกัน
แต่จงขุยก็แค่ไม่ชอบเท่านั้น
ทว่าดูเหมือนจะไม่ยอมรับชะตากรรมก็ไม่ได้
นี่ทำให้จงขุยยิ่งกลัดกลุ้มเข้าไปใหญ่
ไม่รู้ว่ากิจการโรงเตี๊ยมของจิ่วเหนียงที่พอไม่มีนักบัญชีซึ่งเป็นดั่งเสาคานหลักเช่นตนอยู่แล้ว วันหน้าใครจะเป็นคนเขียนกลอนคู่วันปีใหม่ให้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!