เฉินผิงอันนำพาเซียนกระบี่แห่งศาลลมหิมะท่านนี้ไปส่งถึงหน้าประตูใหญ่ของเรือนชุนฟาน
เว่ยจิ้นเอ่ย “ข้าไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องคนอื่นสักเท่าไร เพียงแต่ว่ามีคำถามบางอย่าง จะถามได้ไหม?”
“ไม่มีอะไรที่ท่านถามไม่ได้หรือข้าพูดไม่ได้หรอก”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ดีใจมากที่ได้พบเจอเซียนกระบี่จากแจกันสมบัติทวีปบ้านเกิดของตัวเองที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ อีกทั้งยังไม่แพ้ให้กับเซียนกระบี่ผู้อาวุโสคนอื่นเลย”
เฉินผิงอันเอ่ย “นี่เป็นความจริง หากโกหกก็ยอมให้ด่าเลย จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ท่าน”เฉินผิงอันกล่าว “เชิญถามได้เลย”
เว่ยจิ้นจึงถามว่า “เซียนกระบี่ต่างถิ่นทุกคนซึ่งรวมเซี่ยจื้อเป็นหนึ่งในนั้น ต่างก็ไม่ได้หวังว่าจะได้อะไรเพิ่มเติมเพราะเหตุการณ์ในคืนนี้ เหตุใดก่อนที่จะมาเยือนเรือนชุนฟาน เจ้าถึงยืนกรานจะทำการค้าครั้งหนึ่งกับพวกเขาก่อน นี่จะเป็นการ…วาดงูเติมขาหรือไม่? ช่างเถิด คงจะไม่ได้เป็นเช่นนี้ การคิดคำนวณบัญชีเป็นเรื่องที่เจ้าถนัด ถ้าอย่างนั้นข้าจะเปลี่ยนคำถามใหม่ ตอนนั้นเจ้าพูดแค่ว่าจะไม่ทำให้เซียนกระบี่ที่มาเยือนภูเขาห้อยหัวแล้วทำตัวเป็นคนเลวในเรือนชุนฟานต้องมาเสียเที่ยว แต่เหตุใดเจ้าถึงไม่บอกรายละเอียดอย่างชัดเจนว่าจะตอบแทนด้วยอะไร กลับยังกล้าพูดว่าจะไม่ทำให้เซียนกระบี่ทุกท่านต้องผิดหวัง คำว่าตอบแทนของเจ้าคืออะไรกันแน่?”
เฉินผิงอันลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนเอ่ยเนิบช้าว่า “หากพูดถึงด้านจิตใจ ข้าพยายามที่จะให้คนทำดีได้รับสิ่งดีๆ ตอบแทนให้ได้มากที่สุด แต่หากพูดกันถึงสถานการณ์ ก็ไม่อยากให้กำแพงเมืองปราณกระบี่ต้องติดค้างน้ำใจใครอีก ให้ทุกอย่างชัดเจนเปิดเผย มีเรื่องอะไรก็ว่ากันไปตามเนื้อผ้า ทำการค้าที่ถามใจตัวเองแล้วไม่ละอายกับพวกเซียนกระบี่ต่างถิ่นเหล่านั้น ส่วนค่าตอบแทนที่ท่านถามถึง ย่อมต้องแตกต่างกันไปตามบุคคล รายละเอียดคงไม่บอกกับท่านแล้ว เพราะนี่เกี่ยวพันกับเรื่องส่วนตัวของเซียนกระบี่ทั้งหลาย”
นอกจากนี้เฉินผิงอันก็ไม่ได้ปิดบัง “แต่มีเส้นบรรทัดฐานอยู่เส้นหนึ่งที่สามารถพูดได้ตามตรง นั่นก็คือในอนาคต เซียนกระบี่ต่างถิ่นทุกท่านที่ยังมีโอกาสได้กลับคืนสู่บ้านเกิด จะสามารถนำตัวอ่อนเซียนกระบี่ห้าขอบเขตล่างอย่างน้อยคนหนึ่งไปจากกำแพงเมืองปราณกระบี่ได้ หากไม่ยินดีจะพาใครไป ถึงเวลานั้นก็จะมีการตอบแทนอย่างอื่น ยินดีพาไปด้วยคนสองคน ขอแค่กำแพงเมืองปราณกระบี่มีต้นอ่อนห้าขอบเขตล่างที่ดีเช่นนี้อยู่ ก็สามารถพาไปได้ตามสบายเลย”
เว่ยจิ้นส่ายหน้ายิ้มเฝื่อน
นี่หัวสมองของเขาต้องเป็นแบบใดกัน
เซียนกระบี่ต่างถิ่น เรือข้ามทวีป ตัวอ่อนเซียนกระบี่ที่ยังไม่เติบโตของกำแพงเมืองปราณกระบี่ เมื่อก่อน ตอนนี้ อนาคต สรุปก็คือล้วนถูกเขาคิดคำนวณเข้าไปด้วยกันหมดแล้ว
อีกทั้งหากมีโอกาสเช่นนั้นจริง ตัวอ่อนกระบี่ก่อนกำเนิดอายุน้อยที่เป็นดั่ง ‘บุปผาบานในกำแพงแต่ส่งกลิ่นหอมไปถึงนอกกำแพง’ ได้ไปแตกกิ่งก้านสาขาอยู่ในทวีปใหญ่แห่งต่างๆ ของใต้หล้าไพศาลจริง นั่นจะกลายเป็นทัศนียภาพแบบใด?
ส่วนพวกเซียนกระบี่ต่างถิ่นที่ทำหน้าที่เป็นผู้ถ่ายทอดมรรคากลุ่มนั้น ไม่ว่าแต่ละคนจะมีนิสัยเช่นไร ทว่าการที่พวกเขากล้ามาเยือนกำแพงเมืองปราณกระบี่ กล้ามาตายอยู่บนหัวกำแพงเมือง จะไม่ทุ่มเทความคิดจิตใจถ่ายทอดความรู้ให้กับลูกศิษย์ผู้สืบทอดเหล่านี้ ไม่โปรดปรานพวกเขาเป็นพิเศษได้อย่างไร?
หากเด็กกลุ่มนี้ได้เติบขึ้นมาจริงๆ สุดท้ายลุกผงาดขึ้นในอาณาเขตของแต่ละทวีป แต่ละคนจะไม่สมัครสมานสามัคคีกันได้หรือ? พวกเขาสามัคคีกัน พวกเซียนกระบี่ที่ออกจากกำแพงเมืองปราณกระบี่ย้อนกลับไปยังบ้านเกิดจะไม่สามัคคีกันตามไปด้วยได้อย่างไร?
ถอยไปพูดหมื่นก้าว ต่อให้ในอนาคตกำแพงเมืองปราณกระบี่ไม่อยู่แล้ว แต่ยามที่เซียนกระบี่เหล่านี้ไปพบเจอกันตามสถานที่ต่างๆ ในอนาคต นั่นก็จะไม่ถือว่าเป็นกำแพงเมืองปราณกระบี่อีกแห่งที่แตกต่างออกไปหรอกหรือ?
เว่ยจิ้นหัวเราะ
เขารอคอยที่จะได้เห็นภาพเหตุการณ์นั้นอย่างยิ่ง
นี่คือการมองไปเบื้องหน้าของเว่ยจิ้น แต่หากมองย้อนกลับไป
หวนนึกถึงอดีตอันห่างไกล ครั้งแรกที่ทั้งสองได้พบเจอกัน ในความทรงจำของเว่ยจิ้น คนหนุ่มข้างกายผู้นี้ ตอนนั้นยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มบ้านนอกขาเปื้อนโคลนที่ทึ่มทื่อ ขลาดเขลาอยู่เลย
อีกทั้งเด็กหนุ่มในปีนั้นยังมีสายตาที่ใสกระจ่างอย่างยิ่ง
เว่ยจิ้นหยุดเดิน ถอนหายใจ หันหน้ามามองเฉินผิงอันที่ถูมือหาความอบอุ่นอย่างเคยชิน “เจ้าเป็นคนต่างถิ่นคนหนึ่ง จำเป็นต้องคิดเพื่อกำแพงเมืองปราณกระบี่มากขนาดนี้และยาวไกลขนาดนี้ด้วยหรือ?”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ข้ามีภรรยาอยู่ที่นี่ ท่านไม่มี จะมาเทียบกับข้าได้อย่างไร?”
เว่ยจิ้นส่ายหน้า อยู่ดีๆ ก็นึกอยากดื่มเหล้าขึ้นมาอีก ไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้ว
เกี่ยวกับทิศทางการดำเนินไปของเขาต่อจากนี้ เฉินผิงอันเคยพูดคุยกับเขาอย่างตรงไปตรงมา ตอนนั้นเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสก็อยู่ด้วย
เว่ยจิ้นไม่คิดจะปฏิเสธ
หวังเพียงว่าตนจะไม่เป็นรองเซี่ยซงฮวาแห่งธวัลทวีป สร้างคุณความชอบทางการสู้รบที่ไม่ผิดต่อ ‘หอเทพเซียน’ ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่เสียก่อน แล้วค่อยไปทำเรื่องนั้นที่ฝูเหยาทวีป
เกี่ยวกับศาลลมหิมะ เว่ยจิ้นไม่ได้มีความคิดอะไรมากนัก เมื่ออาจารย์จากไป เขาก็ปล่อยวางได้นานแล้ว แต่ในเมื่ออาจารย์ส่งมอบ ‘หอเทพเซียน’ มาไว้ในมือตน เขาก็ควรจะทำอะไรบ้าง
พวกผู้ฝึกตนอายุมากอย่างอาจารย์ คนเฒ่าคนแก่มักจะรักศักดิ์ศรีหน้าตาเป็นที่สุด เว่ยจิ้นที่เป็นลูกศิษย์จึงต้องช่วยช่วงชิงหน้าตามาให้อาจารย์ วันหน้ายามที่ไปดื่มสุราคารวะหน้าหลุมศพก็จะได้มีกับแกล้ม ไม่ต้องทำเพียงแค่ดื่มเหล้าเงียบๆ
เฉินผิงอันเอ่ย “จะเล่าเรื่องหนึ่งที่ไม่เคยเล่าให้คนอื่นฟังแก่ท่านดีไหม?”
เว่ยจิ้นตอบ “หากไม่มีแผนการอะไรล่ะก็ ข้าจะลองฟังดู”
เว่ยจิ้นแห่งศาลลมหิมะใช้กระบี่แหวกม่านราตรี คนยังไม่ทันมาถึง กระบี่กลับพุ่งมาก่อนแล้ว
ความองอาจของเซียนกระบี่เช่นนั้น
ซ่งอวี่เซาแห่งแคว้นซูสุ่ย หนึ่งคนหนึ่งม้าเผชิญหน้ากับกองทัพใหญ่ ต่อกรกับหนึ่งแคว้นด้วยกำลังของตัวเองคนเดียว
ความกล้าหาญของผู้ฝึกยุทธเช่นนั้น
ติงอิงมารร้ายแห่งพื้นที่มงคลดอกบัว เป้าหมายแท้จริงที่เขาจะถามหมัด อันที่จริงคือมหามรรคา
นิสัยทะเยอทะยานที่คิดจะช่วงชิงชัยชนะกับสวรรค์เช่นนั้น
นี่คือสงครามไม่กี่ครั้งที่เฉินผิงอันสามารถย้อนขบคิดแล้วได้ประสบการณ์ความรู้มากที่สุด
เว่ยจิ้นฟังคำบอกเล่าของเฉินผิงอันออกคร่าวๆ แล้ว เขายิ้มกล่าว “ฟังดูแล้วเหมือนว่าจะไม่เกี่ยวกับขอบเขตสูงต่ำสักเท่าไร”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ไม่ค่อยเกี่ยวกัน”
เว่ยจิ้นออกไปจากเรือนชุนฟาน
เฉินผิงอันเดินย้อนกลับไปทางเดิมเพียงลำพัง
เดินไปได้ครึ่งทางก็นั่งยองบนพื้นส่วนริมขอบของเพดานเปิดกว้าง กอบหิมะขึ้นมาแล้วเช็ดไปบนใบหน้าลวกๆ สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง ก่อนจะปั้นลูกหิมะแข็งๆ แน่นๆ ขึ้นมาลูกหนึ่ง
เส้าอวิ๋นเหยียนมายืนอยู่ด้านหลังอิ่นกวานหนุ่ม พูดกลั้วหัวเราะเบาๆ ว่า “เซียนกระบี่ฆ่าคนไม่เห็นเลือด การกระทำของใต้เท้าอิ่นกวานในคืนนี้ก็คล้ายคลึงกับคำเอ่ยนี้อยู่ไม่น้อย”
เฉินผิงอันส่ายหน้ายิ้มกล่าว “ไม่ได้ดีอะไรเท่าไรหรอก ก็เหมือนคนตระกูลหนึ่งที่ครอบครัวมีรากฐาน ผู้น้อยในตระกูลจึงอาศัยอำนาจนี้ลงมือ ทำสำเร็จ แน่นอนว่าต้องมีส่วนที่เป็นความสามารถของตระกูลอยู่ด้วย แต่กลับไม่ได้มากอย่างที่คิด”
เขาขว้างลูกหิมะไปบนหลังคา ดึงเชือกสีทองที่ห้อยแผ่นหยกนั้นขึ้นมา “หากเปลี่ยนเป็นเยี่ยนหมิงหรือน่าหลันไฉ่ฮ่วนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งของข้า ก็สามารถทำเรื่องนี้ได้สำเร็จเหมือนกัน สิ่งที่พวกเขามีน้อยกว่าข้า ไม่ใช่จิตใจและกลอุบาย แต่แท้จริงแล้วมีเพียงแค่แผ่นหยกนี้เท่านั้น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!