กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 638

หมี่อวี้สองจิตสองใจ “ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะเล่าถึงฝีมืออันต่ำต้อยให้ฟังแล้วนะ?”

เพราะถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ตอนอิ่นกวานหนุ่มผู้นี้ยังไม่ได้เป็นใต้เท้าอิ่นกวาน ยังคงเป็นเถ้าแก่รอง ก็มีความเป็นไปได้อย่างสูงว่าตลอดทั้งกำแพงเมืองปราณกระบี่ ก็มีเซียนกระบี่หมี่อวี้นี่แหละที่ตั้งใจศึกษาตราประทับร้อยเซียนกระบี่ ตราประทับสองร้อยเซียนกระบี่ รวมไปถึงตัวอักษรบนหน้าพัดมากมายเหล่านั้นของเขามากที่สุด ความรู้มากมาย เคล็ดลับมากมาย โดยเฉพาะบนหน้าพัดที่พวกสตรีชื่นชอบเป็นนักหนา ยามที่หมี่อวี้แอบสืบข่าวมาได้ก็จะต้องคัดลอกลงบนกระดาษ พออ่านจบหนึ่งรอบ หมี่อวี้ทบทวนซ้ำไปซ้ำมาก็รู้สึกเพียงว่าได้รับประโยชน์มหาศาล

อันที่จริงส่วนลึกในใจของหมี่อวี้เองก็รู้สึกว่า ตัวอักษรบนหน้าพัดเล่มนั้นของตน อย่างน้อยที่สุดก็น่าจะประสบความสำเร็จได้สักเจ็ดแปดส่วนของเถ้าแก่รองแล้ว

เวลานี้ถึงอย่างไรบนเรือก็ไม่มีคนอื่น ก็ถือเสียว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้กัน เอาออกมาเล่าสู่กันฟัง คงไม่น่าอายสักเท่าไร

สองด้านของหน้าพัด ด้านหนึ่งเขียนว่า ‘รู้จักทะนุถนอมเห็นค่าคนตรงหน้าให้ดี อยากเจอแต่มิกล้าเจอ ข้าผ่ายผอมเพราะคิดถึงท่าน ข้าเขินอายก็เพราะท่าน’

อีกด้านหนึ่งเขียนว่า ‘เดินก็คิดถึง นั่งก็คิดถึง จะนั่งจะเดินล้วนไม่เป็นสุข อยากเจอแต่มิได้เจอ คืนนี้จงดื่มให้เมามาย ชีวิตคนจะยืนยาวได้สักเท่าไร’

เฉินผิงอันฟังแล้วก็เงียบไปนาน

สุดท้ายอดไม่ไหวสบถว่า “ไสหัวออกจากเรือไปขี่กระบี่กลับเองเลย”

นั่นเป็นเพราะเฉินผิงอันรู้สึกว่า บนเส้นทางของความรักชายหญิงที่ต้องอาศัยพรสวรรค์ที่สุด ไม่ต้องพูดถึงการฝึกตนสายนี้ ชีวิตนี้ตนคงถูกกำหนดมาแล้วว่าจะไม่มีทางได้เห็นแม้แต่แผ่นหลังของหมี่อวี้แล้ว

เซียนกระบี่ใหญ่หมี่ที่เจอกับหายนะโดยไม่คาดฝันได้แต่ลุกขึ้นยืนอย่างขุ่นเคือง ออกจากเรือยันต์ไปขี่กระบี่เดินทางไกลอยู่ห่างไปไม่ไกลแต่โดยดี

……

พอมาถึงภูเขาห้อยหัวก็ไปเยือนเรือนชุนฟานก่อนรอบหนึ่ง เรื่องหนึ่งที่พิเศษที่สุดของหนึ่งในสี่เรือนส่วนตัวขนาดใหญ่แห่งนี้อยู่ที่ว่า ตลอดทั้งเรือนชุนฟานล้วนเป็นวัตถุที่ผ่านการหล่อหลอม นับตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่สร้างมันขึ้นมา เส้าอวิ๋นเหยียนก็จัดวางค่ายกลยันต์ไว้เป็นจำนวนมาก เป็นเหตุให้ตั้งแต่แรกเริ่มเรือนชุนฟานก็ไม่ได้หยั่งรากลงสู่ตราประทับอักษรภูเขาที่ใหญ่ที่สุดบนโลกแห่งนี้อย่างแท้จริง หันกลับมาดูจวนหยวนโหรวที่สิ้นเปลืองทรัพยากรมากกว่า กลับไม่มีการพิจารณาในเรื่องนี้ ส่วนสวนดอกเหมยนั้นก็ยิ่งไม่มีทางถูกหลอมได้

เส้าอวิ๋นเหยียนมอบสมบัติอันเป็นแกนกลางของค่ายกลใหญ่ให้แก่เฉินผิงอัน

เฉิงผิงอันยืนยันในรายละเอียดบางอย่างจนแน่ใจแล้วถึงได้พาหมี่อวี้ออกมาจากเรือนชุนฟาน

เยี่ยนหมิงและน่าหลันไฉ่ฮ่วนต่างก็อยู่ในเรือน รับผิดชอบคอยรับรองผู้ดูแลเรือข้ามฟากของแปดทวีปซึ่งจะทยอยกันมาจอดเทียบท่า

หมี่อวี้เองก็ต้องอยู่ต่อ เพียงแต่ว่ายังต้องคุ้มครองเฉินผิงอันไปส่งให้ถึงประตูที่เป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างฟ้าดินใหญ่ทั้งสองแห่งเสียก่อน เขาถามอย่างประหลาดใจว่า “เหตุใดทุกครั้งถึงไม่ไปประตูเก่าที่ใกล้กับเรือนชุนฟานมากกว่า ผู้อาวุโสจางลู่ที่เฝ้าพิทักษ์ที่นั่นกับนักพรตน้อยคนที่ชอบอ่านหนังสือล้วนน่าสนใจกันมาก”

เฉินผิงอันเพียงอืมรับหนึ่งที แล้วก็ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ

เดิมทีหมี่อวี้ก็แค่ถามชวนคุยไปอย่างนั้นเอง จึงคร้านจะคิดอะไรให้มากความ

หลังพาใต้เท้าอิ่นกวานมาส่งถึงหน้าประตูแล้ว หมี่อวี้ก็จำต้องย้อนกลับไปที่เรือนชุนฟาน มีเจ้าของเรือและนักพรตบนเรือข้ามฟากที่เป็นสตรีหลายคนเป็นคนรู้จักเก่าของเขา น่าเสียดายที่ต่างก็เป็นคนประเภทที่ว่ามีบุญนำพาแต่ไร้วาสนาเสริมส่ง

เฉินผิงอันไปถึงห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์หลบร้อน ทุกคนต่างก็เงยหน้าขึ้น

กวอจู๋จิ่วเป็นคนแรกที่เปิดปาก “อาจารย์ ออกจากบ้านคราวนี้สังหารปีศาจใหญ่ขอบเขตบินทะยานไปได้กี่ตน?”

เฉินผิงอันมีท่าทางเหนื่อยล้าเล็กน้อย เขานั่งลงบนธรณีประตู “แค่ตนเดียว”

กวอจู๋จิ่วกะพริบตาปริบๆ “สังหารได้จริงๆ หรือนี่? อาจารย์ ข้าไม่รู้แล้วว่าควรจะพูดอะไรต่อไป!”

เซียนกระบี่โฉวเหมียวมองมาทางเฉินผิงอัน

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ ยิ้มเอ่ย “เป็นเรื่องจริง”

โฉวเหมียวกุมหมัด แต่กลับไม่เอ่ยอะไร

ผู้ฝึกกระบี่สามคนที่ไปออกกระบี่บนหัวกำแพงเมืองก็คือโฉวเหมียว ต่งปู้เต๋อ เติ้งเหลียง ทุกคนต่างกลับมาแล้ว

เพราะหมี่อวี้ถูกเฉินผิงอันพาตัวไปที่เรือนชุนฟาน ดังนั้นตอนนี้จึงมีเพียงผังหยวนจี้และหลินจวินปี้ที่ไปออกกระบี่ที่นั่น

เฉินผิงอันเอ่ย “ถึงอย่างไรก็ไม่เป็นตัวของตัวเองเท่ากับอยู่ที่นี่ ข้าขอแอบอู้สักเดี๋ยว พวกเจ้าทำธุระกันไปก่อน”

ทุกคนที่อยู่ในห้องจึงง่วนทำงานของตัวเองต่ออีกครั้ง

ต่อให้เป็นกวอจู๋จิ่วก็ยังฝืนอดใจไม่ลุกขึ้นไปชวนอาจารย์คุย

ตอนนี้สายอิ่นกวานเริ่มมีภูเขาลูกเล็กหลายลูกปรากฏให้เห็นแล้ว

หลินจวินปี้และผังหยวนจี้ค่อนข้างถูกชะตากัน ทุกวันนี้ความทะเยอทะยานของผังหยวนจี้มีไม่มาก นอกจากทำงานตามภาระหน้าที่ บางครั้งก็จะเล่นหมากล้อมกับหลินจวินปี้ ขอความรู้จากอีกฝ่าย

ผังหยวนจี้เรียนหมากล้อมได้เร็วมาก หลินจวินปี้ที่อยู่นอกกระดานหมากล้อมก็เติบโตเร็วยิ่ง คนอื่นทุกคนของสายอิ่นกวานต่างก็มองเห็นอยู่สายตา เก็บไว้ในใจ

ซ่งเกาหยวนผู้ฝึกกระบี่จากต่างถิ่นค่อนข้างพูดคุยถูกคอกับหลัวเจินอี้ สวีหนิง ฉางไท่ชิง

เติ้งเหลียงชอบมาคุยกับต่งปู้เต๋อทุกสามวันห้าวัน ขนาดคนตาบอดก็ยังรู้ว่าผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดที่มีชาติกำเนิดจากผู้ฝึกตนอิสระ สุดท้ายสามารถเลื่อนขั้นเป็นเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลได้สำเร็จผู้นี้ต้องการสิ่งใด

เพียงแต่ในสายตาต่งปู้เต๋อไม่มีเติ้งเหลียง เรื่องนี้ไม่ว่าใครก็มองออกเช่นกัน

ในทางส่วนตัว เฉินผิงอันเคยเอ่ยสัพยอกเติ้งเหลียงว่า ข้าเป็นพี่น้องคนสนิทของเฉินซานชิว หากเจ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ข้าจะลากเฉินซานชิวเข้ามาอยู่ในสายอิ่นกวานด้วยนะ

เติ้งเหลียงหัวเราะเสียงดังอย่างชอบใจ บอกว่าไม่เป็นไร ข้าคือผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิด นายน้อยใหญ่ตระกูลเฉินผู้นั้นเพิ่งจะเป็นคอขวดโอสถทอง ขอแค่ใต้เท้าอิ่นกวานไม่ลำเอียง รับรองว่าเขาเดินตัวตรงเข้ามา ตรงนอนตัวเอียงออกไปแน่นอน

จากนั้นเติ้งเหลียงก็เอ่ยเสริมมาอีกคำว่า ต่อให้ไม่พูดถึงเรื่องขอบเขต พูดถึงแค่เรื่องการดื่มเหล้า นายน้อยใหญ่เฉินก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่ดี

กู้เจี้ยนหลงและหวังซินสุ่ย บวกกับเฉากุ่น เสวียนเซิน กลายเป็นบุคคลที่เป็นดั่งสี่ผู้พิทักษ์ใหญ่ ทั้งรุกทั้งถอยร่วมมือกันได้อย่างรู้ใจ อีกทั้งยังชอบฟังคำบัญชาการณ์จากกวอจู๋จิ่ว ขอแค่กวอจู๋จิ่วใช้ท่าไม้ตายของสำนัก อีกสี่คนที่เหลือต่างก็พากันทำตาม

วันนี้เป็นข้อยกเว้น นั่นเพราะคุณความชอบจากการสังหารปีศาจใหญ่ขอบเขตบินทะยานที่ซ่อนตัวตนหนึ่งได้ น่าสะท้านพรั่นพรึงเกินไป จนพวกกู้เจี้ยนหลงสี่คนไม่กล้าพูด

หลินจวินปี้ เสวียนเซินต่างก็เป็นยอดฝีมือวิชาหมากล้อม จึงมักจะเล่นหมากล้อมด้วยกันบ่อยๆ

เฉินผิงอันเองก็จะคอยช่วยชี้แนะเสวียนเซิน เสวียนเซินซื่อบื้อไม่รู้จักจำ กี่ครั้งที่ฟังคำชี้แนะจากใต้เท้าอิ่นกวานก็ต้องพ่ายแพ้ราบคาบเสียทุกครั้ง

กวอจู๋จิ่วเลยบ่นเสวียนเซินว่าเหตุใดถึงตามความคิดของอาจารย์ไม่ทัน ช่างสิ้นเปลืองถ้อยคำที่ล้ำค่าดุจหยกดุจทองคำซึ่งมากพอจะช่วยให้เขาคว้าชัยชนะได้ยิ่งนัก

กู้เจี้ยนหลงกับหวังซินสุ่ยไม่เข้าใจการเล่นหมากล้อม แต่ก็ชอบมาร้องเฮให้กำลังใจอยู่ด้านข้าง คนหนึ่งรับผิดชอบชูธงร้องสนับสนุนเสวียนเซิน อีกคนหนึ่งรับหน้าที่บ่นหลินจวินปี้ เป็นวิธีโจมตีจิตใจที่ยอดเยี่ยมสมชื่อ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!