ภูเขาลั่วพั่วค่ำคืนนี้หิมะทำท่าว่าจะตก
จูเหลี่ยนเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอนยิ่งนัก
เพิ่งจะมีฝนก็ฟ้าใส ฟ้าเพิ่งใสฝนก็ตก ฟ้าไม่ใสฝนไม่ตกหิมะก็มาเยือน ทัศนียภาพของบ้านเกิดข้ามหัศจรรย์เป็นที่สุด
วันนี้จูเหลี่ยนมาเล่นหมากล้อมกับเจิ้งต้าเฟิงพลางพูดบ่นให้กันฟังไปด้วย จูเหลี่ยนบ่นที่สายตาของพี่น้องต้าเฟิงเปิดเผยตรงไปตรงมาเกินไป ทำเอาเทพธิดาหวงถิงตกใจจนเผ่นหนี เจิ้งต้าเฟิงบ่นที่ฝีมือพ่อครัวเฒ่าไม่ชำนาญ ไม่อาจรั้งตัวเทพธิดาเอาไว้ได้ ทำเอาภูเขาลั่วพั่วต้องเสียผู้ถวายงานที่ได้รับการบันทึกชื่อซึ่งเป็นผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดคนหนึ่งไปเปล่าๆ เมื่อทำความผิดใหญ่หลวงแล้วก็ควรต้องเอาตำราเทพเซียนสองสามเล่มที่เก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีออกมา มอบให้เขาเจิ้งต้าเฟิงเป็นคนเก็บรักษาแทน
เว่ยป้อนั่งอยู่ด้านข้าง ไม่เข้าใจว่าผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว คนทั้งสองจะยังมัวเถียงอะไรกันอยู่อีก
แต่พอคิดดูอีกครั้งก็เข้าใจได้ นักพรตหญิงหวงถิงผู้นั้นงดงามมากพอมิใช่หรือ?
จูเหลี่ยนหันมามองเว่ยป้อ ยิ้มถามว่า “ได้ยินว่าอีกเดี๋ยวจะต้องไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ที่เมืองหลวง ดูสิว่าจะขอปราณมังกรสักส่วนหนึ่งกลับมาได้หรือไม่ จะได้เอาไปโยนใส่ไว้ในพื้นที่มงคลรากบัว นี่ต่างหากจึงจะเรียกว่าออกเดินทางไกลต้องรู้จักวางแผน”
เจิ้งต้าเฟิงเออออตาม “นั่นสิ ซานจวินจะเอาแต่มาดูหมากล้อมเฉยๆ โดยไม่ออกแรงไม่ได้หรอกนะ”
เว่ยป้อระอาใจยิ่งนัก ตอนนี้ชื่อเสียงของซานจวินขุนเขาเหนือแพร่สะพัดไปถึงอุตรกุรุทวีปแล้ว บอกว่าเขาเป็นคนประเภทที่ว่าต่อให้ไก่ป่าเดินผ่านมา หากไม่ออกไข่ให้ เขาก็จะไม่ยอมให้มันจากไป
แต่ก็ถือว่าที่ยุ่งวุ่นวายมาก่อนหน้านี้ไม่ได้เสียเปล่า ในพื้นที่มงคลรากบัวใหม่เอี่ยมแห่งนั้น เมื่อทุ่มเงินฝนธัญพืชลงไปหลายพันเหรียญ ไม่เพียงแต่ได้เลื่อนขั้นเป็นพื้นที่มงคลระดับกลาง ภาพบรรยากาศยังเปลี่ยนใหม่หมด ภูตแห่งขุนเขาสายน้ำ ผีวิญญาณเร่ร่อนเกิดขึ้นตามโชคชะตา รวมไปถึงยังมีเค้าลางว่าจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์วิญญาณวีรบุรุษผุดขึ้นมาราวกับหน่อไม้หลังฝนฤดูใบไม้ผลิ แต่โดยภาพรวมแล้วในเรื่องของจำนวนยังมีขีดจำกัด
แต่ขอแค่ทุ่มเงินเทพเซียนลงไปมากพอ ฟ้าสูงกว่าเดิม ผืนดินยิ่งกว้างใหญ่ เรื่องของโชคชะตาก็จะยิ่งเข้มข้นมากขึ้น คอขวดที่กีดขวางก่อนหน้านี้ก็จะถูกฝ่าทลายออกไปได้เอง
เรื่องที่ทำให้เจิ้งต้าเฟิงสนใจที่สุดยังคงเป็นนิยายบุรุษมากความสามารถกับโฉมสะคราญที่ผู้คนของแคว้นหนันเยวี่ยนพากันพูดติดปากเล่มนั้น สตรีในนิยายเผยกายด้วยร่างของภูต และยังถือกำเนิดขึ้นมาจริงๆ เพราะการชักนำจากโชคชะตาของพื้นที่มงคล เพียงแต่ว่าสติปัญญายังไม่เปิดออก ยังมึนๆ งงๆ ชอบลอยไปลอยมา มองดูโลกมนุษย์ที่แปลกหน้าอยู่ในตำราและม้วนภาพวาดเหล่านั้น
การปรากฏตัวของนาง แม้แต่ในใต้หล้าไพศาลก็ยังเป็นเรื่องที่หาได้ยาก
นางกับแม่หนูหน่วนซู่ถือกำเนิดมาไม่ค่อยเหมือนกัน
การถือกำเนิดของสตรีที่ยังไม่มีร่างจริงผู้นี้ เกิดจากการรวมตัวกันของจิตใจคนแต่ละเศษแต่ละเสี้ยวที่มาจากสี่ด้านแปดทิศ มาจากฟ้าใต้ดินเหนือ จากแต่ละยุคแต่ละสมัยอย่างแท้จริง ถือเป็นการ ‘แสดงออกบนมหามรรคา’ ที่ไม่ค่อยเข้าขั้นชนิดหนึ่ง
เพียงแต่ว่าต่อให้จะไม่เข้าขั้นแค่ไหนก็คือการแสดงออกบนมหามรรคา เมื่อเกี่ยวข้องกับ ‘มรรคา’ แม้จะแค่เพียงเศษเสี้ยว ก็ยังถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ร้ายกาจมาก
หากนำไปวางไว้ในพื้นที่มงคลแห่งอื่นแล้วถูกค้นพบเข้า รับรองว่าต้องถูกจับตัวมาไว้ ไม่ต้องกลุ้มเลยว่าจะหาคนซื้อไม่ได้ แค่เอาออกขายก็สามารถขายได้ราคาสูงเทียมฟ้าอย่างน่าเหลือเชื่อ
เพียงแต่ว่าโชคดีที่เกิดมาในพื้นที่มงคลรากบัว แล้วมาเจอกับเจ้าขุนเขาหนุ่มที่เคารพกฎเกณฑ์ คาดว่าวันหน้าโชคชะตาก็คงไม่ได้แย่ไปสักเท่าไร
เจิ้งต้าเฟิงเช็ดมุมปาก “พื้นที่กำเนิดของอริยะบุคคล มีค่าพอให้ลองไปเดินเล่น! แม่นางน้อยที่ขลาดเขลาอ่อนหวาน วีรบุรุษที่รักถนอมบุปผางาม จะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปไม่ได้ หลีกเลี่ยงไม่ให้โดนพวกผีร้ายเหล่านั้นเล่นงานอย่างอำมหิต”
จูเหลี่ยนกลับเอ่ยว่า “อยู่บนภูเขาแบบนี้ข้าว่าก็ไม่เลวเหมือนกัน”
อันที่จริงในใจของจูเหลี่ยนซุกซ่อนความกังวลใหญ่เอาไว้ตลอด พื้นที่มงคลดอกบัวในอดีต หรือพื้นที่มงคลรากบัวในทุกวันนี้ จูเหลี่ยนมีความรู้สึกอย่างเลือนรางมาโดยตลอดว่า แผนการของเจ้าอารามผู้เฒ่าท่านนั้นลึกล้ำยาวไกลกว่าที่ทุกคนคิด
ขอแค่เข้ามาในพื้นที่มงคล ไม่ว่าใครก็ล้วนไม่อาจผ่อนคลายได้
เว่ยป้อเองก็เอ่ยว่า “ในเมื่อเลือกว่าจะมีชีวิตสบายๆ แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ใช้ชีวิตที่ผ่อนคลายแบบนี้ไปจนแก่เฒ่าในรวดเดียวเลยเถอะ”
เจิ้งต้าเฟิงยิ้มกล่าว “คิดอะไรของเจ้าน่ะ ภูเขาลั่วพั่วของเรามีผู้มากความสามารถมากมาย ไหนเลยจะต้องให้ข้าลงมือเอง ก็แค่ไปเดินเล่นผ่อนคลายอารมณ์เท่านั้นจริงๆ”
อันที่จริงฝีมือการเล่นหมากล้อมของเจิ้งต้าเฟิงเหนือกว่าจูเหลี่ยนและเว่ยป้อระดับหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงเล่นหมากล้อมได้อย่างผ่อนคลาย เวลานี้จูเหลี่ยนเริ่มเข้าสู่ภวังค์การใช้ความคิดใคร่ครวญยาวนาน เจิ้งต้าเฟิงจึงหยิบพัดบนโต๊ะขึ้นมา อากาศหนาวขนาดนี้ยังจะพัดเอาลมเย็นๆ ใส่ตัวอีก คงไม่เข้าท่าเท่าไร แค่ทำท่าให้พอเป็นพิธีก็พอแล้ว ถือไว้ในมือ เก็บไว้ในชายแขนเสื้อ สิ่งของที่ช่วยเสริมความมีเสน่ห์เช่นนี้ เมื่ออยู่ในมือของบุรุษหน้าตาหล่อเหลาเช่นตนก็ช่างเลิศล้ำนัก ขอแค่สตรีไม่ได้ตาบอดก็ไม่มีใครที่จะไม่ชอบ ต่อให้มีคนที่ไม่ชอบจริงๆ ก็เป็นแค่การแสร้งทำเป็นว่าไม่ชอบเท่านั้น
ภูเขาลั่วพั่วในตอนนี้ นอกจากเผยเฉียนที่ยังไปท่องเที่ยวอยู่ข้างนอก อาจารย์จ้งพาเฉาฉิงหล่างไปท่องเที่ยวที่ทักษินาตยทวีปแล้ว อันที่จริงก็คึกคักอย่างมาก เพราะว่าช่วงนี้หยวนไหลหยวนเป่ามาฝึกตนอยู่บนภูเขา เจิ้งต้าเฟิงก็อยากจะชี้แนะวิชาหมัดให้แม่นางน้อยหยวนเป่าอยู่หรอก น่าเสียดายที่แม่นางน้อยขี้อายเกินไป หน้าบางเกินไป ไม่ต่างจากเฉินยวนจีที่ต่างก็ไปเรียนวิชาหมัดกับเจ้าเฒ่าสกปรกจูเหลี่ยน เด็กหนุ่มหยวนไหลอยากจะมาเรียนวิชาหมัดกับเจิ้งต้าเฟิง เจิ้งต้าเฟิงกลับไม่ยินดีจะสอนวิชาหมัด สอนแค่ความรู้จิปาถะยิบย่อยในตำรา เรื่องนี้เด็กหนุ่มแอบพูดกับพี่สาวอยู่หลายครั้ง
นอกจากนี้ที่แท่นบูชากระบี่ของภูเขาลั่วพั่วก็มีลูกศิษย์ที่ไม่ได้รับการบันทึกชื่อเพิ่มมาอีกสามคน พวกเขาต่างก็เก็บตัวพักอาศัยอยู่ที่นั่น
คือคนต่างถิ่นอย่างแท้จริงทั้งสามคน มาจากกำแพงเมืองปราณกระบี่
ชุยเหวยผู้ฝึกกระบี่โอสถทอง
รวมไปถึงคนสองคนที่บอกว่าเป็นลูกจ้างของร้านแห่งหนึ่ง จางเจียเจิน เจี่ยงชวี่
คนทั้งสามไม่ได้อาศัยเรือข้ามฟากของสำนักพีหมาที่กลับจากนครมังกรเฒ่าไปยังอุตรกุรุทวีปตรงมาที่ท่าเรือหนิวเจี่ยว แต่โดยสารเรือข้ามฟากขึ้นเหนือระยะสั้นๆ จากนั้นจึงใช้เส้นทางลำคลองใต้ดินที่ว่ากันว่ามังกรที่แท้จริงเป็นผู้เจาะโพรง พวกเขาที่มาพร้อมกับเอกสารผ่านด่านสามฉบับและป้ายสงบสุขปลอดภัยแผ่นหนึ่งของต้าหลีพากันเดินทางขึ้นเหนือ สุดท้ายผ่านเมืองหงจู๋ ภูเขาฉีตุน และเข้ามาในอาณาเขตของภูเขาลั่วพั่ว
ภายใต้การจัดการของจูเหลี่ยน สุดท้ายก็เข้าพักอยู่ที่หอบูชากระบี่อย่างเงียบเชียบ
เพราะคนทั้งสามเป็นเพียงลูกศิษย์ที่ยังไม่ได้รับการบันทึกชื่อของภูเขาลั่วพั่ว ดังนั้นจึงยังไม่จำเป็นต้องไปจุดธูปกราบไหว้ภาพเหมือน
มีทองพันชั่งที่ผู้ถวายงานโจวเฝยนำมามอบให้ การสร้างเรือนบนภูเขาใต้อาณัติของภูเขาลั่วพั่วทั้งหมดจึงเริ่มดำเนินการก่อสร้าง หากใช้คำของผู้ถวายงานโจวมาพูดก็คือ แพงแค่ไหนก็ไม่มีปัญหา อย่ามาประหยัดเงินแทนข้า กลิ่นอายเซียนบนภูเขามาได้อย่างไร? ก็อาศัยเงินเทพเซียนที่มีกลิ่นเหม็นทองแดงเข้มข้นมากที่สุดสร้างขึ้นมาทีละเหรียญนี่แหละ!
ชุยเหวยอำพรางตัวตนมิดชิดยิ่งกว่าใคร ก่อนหน้านี้ที่ได้ออกเดินทางไกล ชุยเหวยก็พอจะเข้าใจระดับความสำคัญของผู้ฝึกกระบี่คอขวดโอสถทองคนหนึ่งในใต้หล้าไพศาลได้คร่าวๆ แล้ว แค่ผู้ฝึกลมปราณโอสถทองคนหนึ่งก็สามารถจัดพิธีเปิดขุนเขา อีกทั้งยังเป็นพิธีการที่ตระกูลเซียนอักษรจงทุกแห่งในใต้หล้าไพศาลต่างก็ให้ความสำคัญ แล้วนับประสาอะไรกับผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่งที่ต้องได้กลายเป็นก่อกำเนิดอย่างแน่นอน? แต่ชุยเหวยกลับสำรวมตนยิ่งกว่าจางเจียเจินและเจี่ยงชวี่เสียอีก สำรวมจนแทบจะใกล้เคียงกับคำว่าขี้ขลาด
ชุยเหวยผู้นี้ออกจากกำแพงเมืองปราณกระบี่มา นอกจากกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของตัวเองแล้วก็พกสิ่งของมาด้วยแค่สองอย่าง หนึ่งคือชุดคลุมอาคมของหอภูษา อีกหนึ่งคือกระบี่ยาวจากหอกระบี่
จางเจียเจินได้รับเทียบอักษรที่อาจารย์เฉินเขียนเองกับมือ ‘ฟ้าใสทำนา ฝนตกอ่านตำรา’ ด้านบนและตรงกลางประทับตราสองอัน
เจี่ยงชวี่ได้รับยันต์ปึกหนึ่งมาจากอาจารย์เฉิน หนึ่งในนั้นยังมียันต์กระดาษสีทองสอดแทรกอยู่หนึ่งแผ่น
เจิ้งต้าเฟิงเอ่ยถาม “พ่อครัวเฒ่า โยนเด็กหนุ่มสองคนนั้นไว้ที่หอบูชากระบี่ไม่สนใจใยดี? ข้าว่าแบบนี้คงไม่เหมาะเท่าไร ไม่สู้ส่งไปที่ร้านยาสุ้ย จะได้ให้พวกเขาได้สัมผัสกลิ่นอายของผู้คนบ้าง”
เว่ยป้อยิ้มเอ่ย “พูดแบบนี้ไม่ถูกหรอกนะ เพราะจางเจียเจินกับเจี่ยงชวี่มีชาติกำเนิดจากหมู่ชาวบ้านร้านตลาด พวกเขาไม่ขาดเรื่องนี้หรอก”
เจิ้งต้าเฟิงยิ้มกล่าว “ข้าแค่รู้สึกว่าจางเจียเจินผู้นั้นมองดูแล้วไม่เลว ก็เลยอยากจับคู่ให้เขากับเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่ใช่หรือ พวกเราสามคนนอนหนาวกันอยู่ทุกคืน สบายนักหรือ? หรือว่าจะยังต้องให้พวกเด็กรุ่นหลังเจริญตามรอยเท้าพวกเราด้วย? ข้าว่าไม่ได้หรอก ไม่ได้เด็ดขาดเลย”
สือโหรวของร้านยาสุ้ย ผู้ถวายงานที่ได้รับการบันทึกชื่อสามคนซึ่งอยู่ในร้านฉ่าวโถวได้แก่นักพรตเฒ่าตาบอดเจี่ยเฉิง เด็กหนุ่มขาเป๋จ้าวเติงเกา แม่นางน้อยเถียนจิ่วเอ๋อร์
จูเหลี่ยนยิ้มกล่าว “เด็กหนุ่มจากต่างถิ่นสองคนที่อยู่หอบูชากระบี่ น่าจะต้องมีอนาคตรุ่งโรจน์ เพียงแต่ว่าจะประสบความสำเร็จค่อนข้างช้า จำเป็นต้องให้พวกเราอดทนรอคอย”
เว่ยป้อเอ่ย “ต่อให้พวกเขาไม่อยากจะรุ่งเรือง ก็ยังต้องถามเงินเทพเซียนของผู้ถวายงานโจวเฝยก่อนว่าตอบตกลงหรือไม่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!