ทางฝั่งนั้นกินข้าวกันอิ่มแล้ว นอกจากสือโหรวที่เก็บโต๊ะถ้วยชาม คนอื่นๆ ล้วนพากันเดินไปที่ร้าน
หร่วนซิ่วกำลังเลือกขนม
เผยเฉียนพาโจวหมี่ลี่ไปยืนอยู่บนม้านั่งตัวเล็กด้านหลังโต๊ะคิดเงินด้วยกัน ไม่อย่างนั้นโจวหมี่ลี่ที่ตัวเตี้ยเกินไปก็คงมองไม่เห็นอะไรเป็นแน่
จูเหลี่ยนนั่งอยู่บนม้านั่งตัวยาว ยิ้มเปิดปากพูดว่า “การทะเลาะเบาะแว้งกันในหมู่ชาวบ้านร้านตลาด หมัดหนึ่งต่อยลงบนร่างของใคร เจ็บมากน้อยเท่าไร กับการประลองเวทของตระกูลเซียน ใครที่โดนสมบัติอาคมโจมตี อันที่จริงก็คือหลักการเหตุผลเดียวกัน หากจะคิดเอาจริงเอาจังกันขึ้นมาจริงๆ เหตุผลก็ไม่ได้แบ่งแยกเล็กใหญ่หรือยากดีมีจน ฮูหยินเทพวารี เข้าใจหรือไม่?”
เหนียงเนียงเทพวารีพยักหน้ารับ
ไม่เข้าใจแต่แกล้งทำเป็นเข้าใจ ต่อให้เข้าใจแล้ว แต่อันที่จริงนางก็ไม่คิดจะยอมรับ ทว่าด้วยสถานการณ์บีบคั้น นางจะยังทำอย่างไรได้อีก
หากโจวหมี่ลี่ผู้นั้นไม่ได้เป็นลูกศิษย์ในทำเนียบของภูเขาลั่วพั่ว หากภูเขาลั่วพั่วไม่มี ‘นาง’ ช่วยพวกเจ้าลงมือสั่งสอนข้า ไหนเลยจะมีเหตุการณ์อย่างตอนนี้เกิดขึ้นได้
ถึงอย่างไรทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นคนบนเส้นทางเดียวกัน ต่างก็ชอบใช้อำนาจข่มขู่ผู้อื่นเหมือนกัน
หร่วนซิ่วที่หันหลังให้ทุกคนขมวดคิ้ว
จูเหลี่ยนยิ้มกล่าว “เผยเฉียน พาหมี่ลี่น้อยไปอยู่ข้างหลังเถอะ”
เผยเฉียนร้องอ้อหนึ่งที แล้วตบศีรษะหมี่ลี่น้อยเบาๆ
เหนียงเนียงเทพวารีผู้นั้นรีบคุกเข่าลงกับพื้น หันหน้าไปทางโต๊ะคิดเงิน “ข้าผิดไปแล้ว”
เผยเฉียนเกาหัว กล่าวอย่างระอาใจ “ทำไมต้องเปลืองแรงขนาดนี้ด้วย ก็แค่ยอมรับผิดอย่างจริงใจ มันยากขนาดนั้นเชียวหรือ?! อาศัยอะไรถึงได้คิดว่าแค่ทำตัวมีมารยาท แสดงออกภายนอกแค่เป็นพิธี เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว”
จากนั้นเผยเฉียนก็ฟุบตัวลงบนโต๊ะด้วยท่าทางอ่อนระโหย “ข้าไม่ชอบแบบนี้เลย เดิมทีก็เป็นแค่เรื่องง่ายๆ เท่านั้น ก็แค่เสมียนของจวนเทพวารีผู้นั้นมาขอโทษหมี่ลี่น้อย เอ่ยคำว่าขอโทษ แค่นี้ก็จบเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ? ผลกลับกลายเป็นว่าหญิงชราผู้นั้นก็ดี เสมียนนั่นก็ช่าง กลับมีแผนการโสมมมากมายขนาดนั้น ไม่ยอมรับผิดก็ช่างเถิด ทว่าแต่ละคนกลับมีความคิดชั่วร้าย น่ากลัวราวกับพืชน้ำที่จับกลุ่มกันเป็นสีดำทะมึนอยู่ใต้น้ำ ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ”
จูเหลี่ยนยิ้มกล่าว “ผิดแล้ว นี่ยังไม่ใช่จุดที่พวกเราทำให้ผู้อื่นลำบากใจมากที่สุด หากไปเล่าให้คนอื่นฟังหรือมีคนอื่นเห็นเข้า ก็จะรู้สึกว่าพวกเราเป็นฝ่ายไม่มีเหตุผล ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ บีบบังคับผู้อื่นทุกย่างก้าว และเรื่องที่จะทำให้เจ้าอัดอั้นมากกว่าเดิมก็คือจิตใจคิดร้ายของคนนอกเหล่านี้ กลับไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องร้ายไปเสียทั้งหมด ตรงกันข้ามกันเลยด้วยซ้ำ เพราะมันคือเส้นบรรทัดฐานต่ำสุดที่ไม่ทำให้วิถีทางโลกย่ำแย่เกินไปนัก”
เผยเฉียนฟังแล้วก็ปวดหัว จึงพูดอย่างอัดอั้นว่า “แต่ก็ไม่ควรทำให้เรื่องราวใหญ่โตกระมัง สังหารเหนียงเนียงเทพวารีตนหนึ่ง คนนอกจะมองภูเขาลั่วพั่วของพวกเราอย่างไร? เจ้าเองก็บอกแล้วว่าคนนอกจะต้องช่วยแม่น้ำอวี้เย่ แล้วนับประสาอะไรกับที่ข้าเองก็รู้สึกว่าต่อให้เหนียงเนียงเทพวารีผู้นี้พูดว่าไม่ยอมรับผิด ก็คงไม่ต้องถึงขั้นฆ่าแกงนางกระมัง หากอาจารย์พ่ออยู่ด้วย เขาจะจัดการอย่างไรนะ”
จูเหลี่ยนคิดแล้วก็เอ่ยว่า “นายน้อยก็คงจะช่วยจัดระเบียบให้กับตลอดทั้งจวนเทพวารีแม่น้ำอวี้เย่ตั้งแต่บนลงล่าง ตั้งแต่ในยันนอกไปรอบหนึ่งกระมัง ความถูกความผิด ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป”
เพียงแต่ว่าเรื่องบางอย่าง จูเหลี่ยนยังไม่ได้เอามาพูดกับเผยเฉียน
ยกตัวอย่างเช่นเรื่องวงในที่เกี่ยวพันไปถึงสกุลสวี่นครลมเย็น ภูเขาตะวันเที่ยง หรือไกลห่างไปยิ่งกว่านั้น
โจวหมี่ลี่ที่มึนๆ งงๆ แอบย่อหัวเข่าลง เอาหัวไปซ่อนอยู่หลังโต๊ะคิดเงินอย่างเงียบเชียบแล้ว
ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น ข้าไม่อยู่ในร้าน พวกเจ้าไม่ว่าใครก็มองไม่เห็นข้า…
จูเหลี่ยนไม่รีบร้อน
ทั้งหมดนี้สามารถช่วยให้เผยเฉียนฝึกอบรมจิตใจตนเองได้เหมือนกัน
ไม่อย่างนั้นป่านนี้จูเหลี่ยนก็คงลงมือตามรอยแม่นางหร่วนไปนานแล้ว
ก็เหมือนอย่างที่เผยเฉียนเองก็รู้ดีว่า ศัตรูใหญ่ที่แท้จริงของจวนเทพวารีแม่น้ำอวี้เย่ก็คือพี่หญิงซิ่วซิ่วของนาง
อาจจะทุบทำลายร่างทองของเหนียงเนียงเทพวารีผู้นี้ให้แตกสลายไปโดยตรง หรือไม่ก็หลอมแม่น้ำอวี้เย่ตลอดทั้งสาย เก็บเทพวารีให้เหลือรอดชีวิตอยู่เพียงลำพัง ชอบคิดว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ก็ล้วนไม่เป็นเรื่องไม่ใช่หรือ ถ้าอย่างนั้นก็ใช้เหตุผลของตนไปพูดคุยกับราชสำนักต้าหลีก็แล้วกัน
เปลี่ยนเอาองค์เทพวารีองค์ใหม่ที่ทุ่มเทกายใจทำงานในหน้าที่ของตัวเองอย่างสุดความสามารถ ยังไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับราชสำนักต้าหลีในทุกวันนี้อีกหรือ?
ส่วนความเป็นไปได้บางอย่าง คนธรรมดาไม่มีทางคิดถึง ยกตัวอย่างเช่นภูตน้อยถูกลักพาตัวไป ถูกเขียนรายงานร้องเรียน ภูเขาลูกหนึ่งต้องย่อยยับลงไปนับแต่นี้ สรุปก็คือขอแค่ไม่เกิดเรื่องขึ้น ก็ไม่ถือว่าเป็นเหตุผล นับแต่โบราณมาจะทำเรื่องหนึ่งให้สมใจสมเหตุสมผลพร้อมกันได้ก็ยากมาโดยตลอดอยู่แล้ว
เผยเฉียนถามหยั่งเชิง “พ่อครัวเฒ่า ไม่อย่างนั้นก็แล้วกันไปเถอะ ข้าคิดแล้วก็ไม่เข้าใจ รอให้อาจารย์พ่อกลับบ้านมาเมื่อไหร่ ข้าค่อยถามอาจารย์พ่ออีกที”
จูเหลี่ยนยิ้มพลางพยักหน้ารับ แล้วจึงหันไปมองหร่วนซิ่ว
หร่วนซิ่วคีบขนมดอกท้อชิ้นหนึ่งวางลงในปาก หันหน้ามาพูดเสียงอู้อี้ “ข้ายังไงก็ได้นะ”
หร่วนซิ่วมองไปยังเหนียงเนียงเทพวารีที่นั่งคุกเข่าไม่ขยับ “ยังไม่ไปอีกรึ?”
เหนียงเนียงเทพวารีเดินโซซัดโซเซจากไป
ในใจนางเคียดแค้นผู้ถวายงานสกุลสวี่นครลมเย็นนั่นจะตายอยู่แล้ว ยิ่งเกลียดชังเสมียนใต้บังคับบัญชาที่ก่อเรื่องหาหายนะมาให้นางในครั้งนี้
ส่วนภูเขาลั่วพั่ว นางไม่กล้าเกลียดแม้แต่น้อย
ส่วน ‘หร่วนซิ่ว’ ผู้นั้น แม้แต่คิดนางยังไม่กล้าเลย
จูเหลี่ยนพูดกับเผยเฉียน “เรื่องของการฝึกตน ไม่ใช่ว่าฝึกตนเพื่อที่จะได้ไม่ต้องใช้เหตุผล แต่ฝึกตนเพื่อให้ใช้เหตุผลได้ดียิ่งกว่าเดิม ทำในสิ่งที่ความสามารถของตัวเองเอื้ออำนวย ช่วยให้คนอ่อนแออธิบายเหตุผลได้อย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับการที่ฝึกตนประสบความสำเร็จ ขอบเขตสูงมากพอ หมัดแข็งมากพอก็ล้วนถือว่ามีเหตุผลแล้ว สองอย่างนี้แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว”
จากนั้นจูเหลี่ยนก็ยิ้มเอ่ยอีกว่า “ค่อยเป็นค่อยไปเถอะ การกระทำความดีของคนทุกคน บางทีอาจมีใหญ่มีเล็ก แต่จิตใจที่ดีงามมีเพียงแค่จิตใจที่ดีงามเท่านั้น ไม่มีการแบ่งแยก”
หร่วนซิ่วหันไปเลือกขนมต่อ พลางเอ่ยว่า “อันที่จริงก็ไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้นหรอกนะ”
เผยเฉียนถาม “พี่หญิงซิ่วซิ่ว หมายความว่าอย่างไรหรือ?”
หร่วนซิ่วเอ่ย “ตั้งใจฝึกตนให้ดี”
จูเหลี่ยนรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก เขาล่ะกลัวจริงๆ ว่าแม่นางหร่วนผู้นี้จะยกเหตุผล ‘บริสุทธิ์’ ที่น่าตะลึงพรึงเพริดอะไรออกมาพูด
หร่วนซิ่วคีบขนมขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ยิ้มเอ่ยว่า “ขนมสดใหม่ อร่อยกว่าจริงๆ ด้วย”
เผยเฉียนเริ่มกลัดกลุ้ม “การฝึกตนของข้าเชื่องช้าราวกับเต่าคลาน”
โจวหมี่ลี่ยื่นหัวออกมา เอ่ยว่า “อันที่จริงเต่าว่ายน้ำได้ ขึ้นบกก็วิ่งได้เร็ว เร็วมากๆ เลยล่ะ! ตอนอยู่ที่ทะเลสาบคนใบ้ ข้าเคยไล่ตามพวกมันตั้งหลายครั้ง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!