หม่าขู่เสวียนกวักมือ บอกเป็นนัยให้นางติดตามมา
หม่าขู่เสวียนเอ่ยว่า “การเปิดประตูของถ้ำสวรรค์หลีจูทุกๆ หกสิบปี พวกเจ้าที่เป็นตัวเลือกกลุ่มสุดท้ายไม่มีความเห็นอะไรบ้างเลยหรือ?”
หม่าขู่เสวียนพึมพำกับตัวเอง “น่าจะไม่เคยคิด ปล่อยไปตามกระแสคลื่น ไม่เคยคิดจะขึ้นฝั่ง”
ซู่เตี่ยนเอ่ย “เคยคิด”
หม่าขู่เสวียนหันหน้ามายิ้มกล่าว “อ้อ? เจ้าก็มีสมองกับเขาด้วยหรือ?”
ซู่เตี่ยนเอ่ย “ในเมื่อจิตใจของเจ้าสูงส่งยิ่งกว่าแผ่นฟ้า เอาแต่เหยียบย่ำข้าอยู่แบบนี้จะมีความหมายอะไร?”
หม่าขู่เสวียนคร้านจะตอบคำถามประเภทนี้ เพียงแค่เอ่ยถามว่า “กลุ่มคนที่เข้าถ้ำสวรรค์หลีจูมาก่อนหน้าพวกเจ้า ยังจำได้หรือไม่?”
ซู่เตี่ยนเงียบไม่ตอบคำถาม
หม่าขู่เสวียนยื่นสองมือออกมา เริ่มปั้นลูกหิมะอีกครั้ง พลางพูดกับตัวเองว่า “ครั้งสุดท้ายที่ราชสำนักต้าหลีเปิดประตูต้อนรับคน คนกลุ่มแรกสุดที่เข้าไปในเมืองเล็ก เข้าไปหาสมบัติในถ้ำสวรรค์หลีจูก่อนใคร มีใครบ้างที่ธรรมดา พวกเจ้าซึ่งเป็นกลุ่มที่ตามมาถึงทีหลัง ก็เป็นคนที่อดีตฮ่องเต้ต้าหลีกับซิ่วหู่ตั้งใจคัดเลือกมาเช่นกัน ก็ไม่ถือว่าเป็นเศษสวะ แน่นอนว่ายกเว้นเจ้า”
“จะว่าไปแล้ว เจ้าก็คือเศษสวะมาตั้งแต่ต้นจนจบ แต่สำหรับต้าหลีแล้ว กองทัพม้าเหล็กไห่เฉาที่ถูกเจ้าทำให้เดือดร้อนกลับพอจะมีประโยชน์ต่อราชสำนักอยู่บ้าง”
หม่าขู่เสวียนส่ายหน้า “น่าเสียดายที่ดันไม่ได้ตายดี ดันมาเจอกับข้า”
ซู่เตี่ยนร้องไห้อย่างน่าเวทนา “เจ้าบอกเองว่าใครทำคนนั้นก็รับไป แล้วก็ยังเป็นเจ้าที่ทำผิดก่อน ปีนั้นเจ้าจงใจลงมือถ่วงการฝึกตนของข้า ต่อให้หลังจบเรื่องข้าจะทำความผิดมหันต์ แต่เหตุใดเจ้าไม่สังหารแค่ข้า เหตุใดต้องฆ่าคนไปมากมายถึงเพียงนี้?”
หม่าขู่เสวียนหันกลับไปคิดเรื่องของตัวเองนานแล้ว ครู่ใหญ่ต่อมาเขาถึงหันหน้ามาถามว่า “เมื่อครู่เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
ซู่เตี่ยนได้แต่เงียบงันไปอีกครั้ง
หม่าขู่เสวียนเองก็ไม่สนใจ หากจิตแห่งมรรคาของนางแหลกสลายลงอย่างสิ้นเชิง แบบนั้นก็ไม่สนุกแล้วน่ะสิ
หม่าขู่เสวียนพลันถามว่า “ไม่สู้ข้ารับลูกศิษย์ที่ในอนาคตจะต้องชอบเจ้าอย่างแน่นอนมาไว้ ให้เขาช่วยแก้แค้นแทนเจ้าดีไหม?”
ซู่เตี่ยนอึ้งตะลึง
สีหน้าหม่าขู่เสวียนมีชีวิตชีวา รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสนใจอย่างมาก “เป็นอย่างไร? ข้ารับรองว่าก่อนที่เขาจะลงมือสังหารข้า ข้าจะไม่ฆ่าเขาเด็ดขาด และหลังจบเรื่องก็ยิ่งไม่มีทางฆ่าเจ้า เจ้าแค่ดูละครไปก็พอ ข้าแค่จะเตือนเจ้าเรื่องเดียว อย่าปล่อยให้เขาทำสำเร็จโดยง่ายเด็ดขาด ยิ่งห้ามชอบเขาอย่างจริงจัง ข้าน่ะไม่เท่าไรหรอก เพียงแต่หากเป็นเช่นนี้ ไม่แน่ว่าพอเขาเอียนเจ้าแล้ว อาจเปลี่ยนจากแขกมาเป็นเจ้าบ้าน อาศัยการสังหารเจ้ามาแสดงความภักดีต่อข้า ถึงเวลานั้นพวกเจ้าสองคนก็จะสละชีพเพื่อความรักมาทำให้ข้าสะอิดสะเอียนตายหรือไร?”
ซู่เตี่ยนจ้องเจ้าคนบ้าผู้นี้เขม็ง
ผู้ฝึกตนต้องตัดขาดอารมณ์ความรู้สึก
แต่จะมีสักกี่คนที่สุดโต่งได้อย่างบุรุษตรงหน้าผู้นี้?
หม่าขู่เสวียนเบ้ปาก “เมื่อไหร่ที่คิดได้แล้วก็มาบอกข้า ข้าจะต้องทำให้เจ้าสมปรารถนาอย่างแน่นอน”
หม่าขู่เสวียนชั่งน้ำหนักลูกหิมะในมือ ทอดสายตามองไปไกล ในสายลมอบอวลไปด้วยเกล็ดหิมะ หนทางเบื้องหน้าพร่าเลือน ฟ้าดินเงียบสงัด
ความคิดของหม่าขู่เสวียนล่องลอยไปไกล
ปีนั้นเจ้าเด็กบ้านนอกขาเปื้อนโคลนของตรอกหนีผิงวิ่งไปรับจดหมายจากเจิ้งต้าเฟิงที่ประตูรั้วของเมืองเล็ก อันที่จริงหม่าขู่เสวียนก็ตามเขาออกจากตรอกซิ่งฮวา จากนั้นก็ไปยืนมองประตูใหญ่อยู่ไกลๆ
เฉินผิงอันมองเห็นทัศนียภาพนอกประตู แน่นอนว่าหม่าขู่เสวียนก็ต้องเห็นด้วย
ลูกศิษย์ผู้สืบทอดเพียงหนึ่งเดียวของหลิวเหล่าเฉิง ผู้ฝึกตนอิสระห้าขอบเขตบนเพียงหนึ่งเดียวของแจกันสมบัติทวีปในอดีต ลูกหลานสุกลเจียงอวิ๋นหลิน เจียงอวิ้น
ไอ้หมอนี่เป็นคนที่ได้โชควาสนาจากบ่อโซ่เหล็กไป
เกาเซวียนองค์ชายต้าสุยได้ปลาหลีสีทองไปจากมือของหลี่เอ้อ แล้วยังได้ข้องราชามังกรไปเปล่าๆ อีกหนึ่งใบ ภายหลังต้าสุยกับต้าหลีลงนามในสัญญากัน เกาเซวียนรับหน้าที่เป็นตัวประกันมาพักพิงอยู่ใต้ชายคาของผู้อื่น มาขอศึกษาต่อที่สำนักศึกษาหลินลู่ของภูเขาพีอวิ๋น วันหน้าก็มีความเป็นไปได้มากว่าเขาจะได้เป็นฮ่องเต้ของต้าสุย
ฝูหนันหัว เจ้านครมังกรเฒ่าคนถัดไป
ไช่จินเจี่ยนแห่งภูเขาเมฆาเรือง ภูเขาเมฆาเรืองแห่งนั้นคือภูเขาตระกูลเซียนที่ฝึกบำเพ็ญตนด้วยวิถีของลัทธิพุทธซึ่งมีน้อยนักในแจกันสมบัติทวีป ตอนนี้เมื่อคล้อยตามสถานการณ์ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในตัวสำรองของสี่สำนักใหญ่ ผู้ฝึกตนของภูเขาเมฆาเรือง แต่ไหนแต่ไรมาก็เชี่ยวชาญเรื่องกฎของลัทธิพุทธ รู้วิธีการสร้างวัดวาอาราม พวกเขาจึงพากันลงจากภูเขามาให้ความช่วยเหลือขุนนางกรมโยธาของต้าหลี เริ่มสร้างวัดวาขึ้นมาใหม่อีกครั้งในอาณาเขตต่างๆ ที่อยู่ใต้อาณัติของต้าหลี มีหน้ามีตาดีหรือไม่เล่า?
ภูเขาตะวันเที่ยง วานรเฒ่าย้ายภูเขาคุ้มครองแม่นางน้อยคนหนึ่งมา ชื่อว่าอะไรแล้วนะ เถาจื่อ? จำได้ว่านางอายุน้อยๆ ก็มีบุคลิกเหมือนคนบนภูเขามากแล้ว
และยังมีแม่ลูกสกุลสวี่นครลมเย็นคู่นั้น
ภายหลังอาศัยให้บุตรสาวสายตรงแต่งงานกับบุตรอนุภรรยา ในที่สุดก็ได้แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับสกุลหยวนเสาคานค้ำยันแคว้นของต้าหลี มีความสัมพันธ์เป็นบ้านดองกัน ทุกวันนี้ก็เป็นตัวสำรองของสำนักอักษรจงเช่นกัน
หนิงเหยา
เกาเสวียน ขันทีผู้ติดตาม เจียงอวิ้น ฝูหนันหัว ไช่จินเจี่ยน
วานรย้ายภูเขา เถาจื่อ สตรีออกเรือนแล้วจากสกุลสวี่นครลมเย็นที่พาเด็กชายสวมชุดคลุมอาคมสีแดงสดมาด้วยคนหนึ่ง
ตอนนั้นเด็กหนุ่มจากตรอกหนีผิงที่หาเงินโดยการส่งจดหมายยืนอยู่หน้าประตู คนทั้งกลุ่มนั้นยืนอยู่นอกประตู
คาดว่าทั้งสองฝ่ายที่อยู่ในและนอกประตูคงไม่มีใครคิดได้ว่า ในอนาคตพวกเขาจะมีบุญคุณความแค้นพัวพันกันซับซ้อนขนาดนี้
ปีนั้นเรื่องที่หม่าขู่เสวียนเสียดายมากที่สุดก็คือนครลมเย็นลงมือเบาเกินไป วานรย้ายภูเขาสัตว์เดรัจฉานตัวนั้นก็ยิ่งไม่ได้เรื่อง หลิวเสี้ยนหยางก็ดี เฉินผิงอันก็ช่าง พวกเขากลับกำจัดใครไปไม่ได้สักคน
หม่าขู่เสวียนถอนหายใจ “ด้านล่างยอดเขา อันที่จริงขอแค่พอจะมีสมองอยู่สักหน่อย ก็ล้วนวางแผนได้อย่างลึกล้ำและแยบยล ขาดก็แค่ระดับความสูงเท่านั้น จุดที่คนฉลาดพวกนี้น่ารังเกียจที่สุดก็คือเบิกตากว้างมองดูอยู่แล้วแท้ๆ แต่ดันไม่เดินไปให้ถึงตรงนั้น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!