ผู้ฝึกกระบี่เฒ่างอเข่าสองข้างเล็กน้อยแล้วพลันเพิ่มพละกำลัง ฝุ่นผงใต้ฝ่าเท้าตลบคละคลุ้ง ใต้ดินเกิดเสียงอื้ออึงสะเทือนไหวดังขึ้นมาระลอกหนึ่ง ร่างของผู้ฝึกกระบี่เฒ่าขยับรวดเร็วราวกับกลุ่มควันกลุ่มหนึ่ง หลบกระบี่บินเล่มหนึ่งมาได้ก็หลบแสงกระบี่ของกระบี่ยาวอีกครั้ง ร่างขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ
ผู้ฝึกกระบี่เดนตายของเผ่าปีศาจมั่นใจแล้วว่ากระบี่บินของอีกฝ่ายแปลกประหลาด สามารถควบคุมได้อย่างพอเหมาะพอดี แต่พลังพิฆาตกลับธรรมดา ไม่ถือว่าโดดเด่น มีความเป็นไปได้เกินครึ่งว่ากระบี่บินยังซ่อนแฝงวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตที่ยังไม่รู้เอาไว้ อันที่จริงนี่ต่างหากถึงจะยุ่งยากที่สุด แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายถึงขั้นกล้าขยับเข้ามาต่อสู้ประชิดตัว ผู้ฝึกกระบี่เผ่าปีศาจจึงไม่รู้สึกถูกมัดมือมัดเท้าอีกต่อไป ไอ้แก่นี่ไม่รู้จักกลัวตาย คิดจะมาแข่งประชันเรื่องเรือนกายที่แข็งแกร่งทนทาน เนื้อหนังมังสาที่หนากับข้าอย่างนั้นหรือ?!
ชั่วพริบตานั้นกระบี่บินของทั้งสองฝ่ายก็มาพบเจอกันบนทางแคบอีกครั้ง จากนั้นก็จำแลงออกมาเป็นกระบี่บินสิบกว่าเล่ม แสงสีทองแต่ละจุดรวมตัวกันแล้วแผ่ขยายออกไป ทั้งสองฝ่ายอยู่ห่างกันสิบกว่าจั้ง ประกายไฟสาดกระเซ็นไปสี่ทิศ
รอกระทั่งทั้งสองฝ่ายห่างกันไม่ถึงห้าจั้ง กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของแต่ละฝ่ายปะทะชนกันอีกครั้ง คราวนี้สะเก็ดไฟและริ้วคลื่นปราณกระบี่พลันระเบิดออก ปราณวิญญาณยุ่งเหยิงวุ่นวาย ประกายไฟจำนวนมากที่อาบย้อมด้วยเศษซากปราณกระบี่ซัดกระจายออกไป แสงไฟที่มองดูเหมือนเล็กเท่าเมล็ดงา แต่พอเผ่าปีศาจจำนวนมากโดนเข้ากลับเจ็บปวดเสียดลึกเข้าไปถึงกระดูก พอมองอีกครั้งก็เห็นบาดแผลใหญ่เท่าถ้วย เนื้อหนังเหวอะหวะเลือดโชกไปเรียบร้อยแล้ว
ผู้ฝึกกระบี่เผ่าปีศาจยิ่งเยือกเย็น กระบี่บินของทั้งสองฝ่ายคุมเชิงกัน ตนรับมือได้อย่างสบายๆ แต่อีกฝ่ายกลับต้องออกแรงเต็มกำลัง ระยะห่างห้าลี้ รูปโฉมหน้าตาของทั้งสองฝ่ายล้วนเห็นกันอย่างชัดเจน แล้วก็จริงดังคาด เมื่อผู้ฝึกกระบี่เฒ่าเห็นว่ากระบี่บินแห่งชะตาชีวิตที่เร็วพอและเยอะมากพอไม่อาจทำให้สมใจปรารถนา ในใจก็คิดอยากจะถอยหนี สายตาฉายแววตื่นตระหนกวูบหนึ่ง ฝีเท้าที่ก้าวมาข้างหน้าช้าลงไปเสี้ยวหนึ่ง แต่กลับยังแสร้งทำท่าสุขุม จากนั้นก็หยุดเดิน ถอยหลังกรูดออกไป ขณะเดียวกันก็พยายามโคจรกระบี่บินอย่างสุดกำลัง ความสามารถก้นกรุล้วนเอามาใช้หมดแล้ว เพราะในที่สุดกระบี่บินก็ยอมร่ายวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิต ไม่กักเก็บไว้อีกแม้แต่น้อย คือค่ายกลกระบี่แห่งหนึ่งที่เชื่อมโยงถึงกัน สกัดขวางอยู่ระหว่างผู้ฝึกกระบี่สองคนพอดี
ผู้ฝึกกระบี่เผ่าปีศาจไม่เหลือเรื่องให้ต้องกังวลอีกแล้ว แม้ว่าผู้ฝึกกระบี่เฒ่าที่อยู่เบื้องหน้าจะไม่ใช่คนที่มีชื่อบันทึกอยู่ในสมุด แต่การที่สังหารผู้ฝึกกระบี่โอสถทองของกำแพงเมืองปราณกระบี่เพิ่มได้คนหนึ่งก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่ไม่คาดฝัน เป็นคุณความชอบครั้งใหญ่ครั้งหนึ่ง!
ใช้กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตฝ่าค่ายกลกระบี่ของฝ่ายตรงข้ามแล้ว ผู้ฝึกกระบี่เผ่าปีศาจก็ไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายได้ถอยหนีออกห่าง พุ่งร่างกระโจนออกไป ติดตามผู้ฝึกกระบี่เฒ่าที่มีสีหน้าร้อนรน เงื้อกระบี่ฟันแสกหน้าอีกฝ่าย
กล้าช่วยคนอื่นก็ต้องกล้าเอาชีวิตมาเดิมพันด้วย!
ด้วยความตระหนกลนลาน ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าจึงได้แต่เบี่ยงศีรษะหลบ ยื่นมือข้างหนึ่งออกมาสกัดขวางกระบี่ยาวเล่มนั้น ไม่อย่างนั้นก็คงยากที่จะหนีจุดจบที่ร่างถูกฟันออกเป็นสองท่อนไปได้
ครู่หนึ่งต่อมา
ผู้ฝึกกระบี่เผ่าปีศาจมีสีหน้าเลื่อนลอย ก้มหน้าลงมอง จิตวิญญาณสั่นสะท้าน หัวใจเจ็บปวดราวกับถูกบีบเค้น
ใบหน้าของผู้ฝึกกระบี่เฒ่ายังคงกระวนกระวายไม่เป็นสุข แต่มือซ้ายของอีกฝ่ายกลับกุมกระบี่ยาวไว้อย่างมั่นคง ไม่เพียงเท่านี้ มือขวายังเหมือนกองทัพม้าเหล็กทะลวงขบวนรบที่ทะลุทะลวงหน้าอกของคู่ต่อสู้ แต่กลับไม่ทะลุออกไปด้านหลัง กำหมัดไว้หลวมๆ คว้าจับโอสถทองที่เป็นมายาเลื่อนลอยได้พอดี ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ใช้ปณิธานหมัดที่เปี่ยมล้นระเบิดช่องโพรงลมปราณใกล้เคียงช่องโพรงแห่งชะตาชีวิต เหมือนสร้างฟ้าดินขนาดเล็กแห่งหนึ่งเอามาสกัดกั้นไว้อย่างสิ้นเชิง ไม่ให้โอกาสให้ผู้ฝึกกระบี่นักรบเดนตายได้ระเบิดโอสถทองแม้แต่น้อย
ก่อนจะตาย ผู้ฝึกกระบี่เดนตายเผ่าปีศาจเห็นว่าไอ้ระยำผู้ฝึกกระบี่เฒ่านั่นยังมีอารมณ์แสดงละครไม่เลิก สีหน้าหวาดผวาไม่คลายนั่นช่างดูจริงใจนัก จากนั้นยังคลี่ยิ้มกว้าง พูดอย่างคนละอายใจว่า “ชนะเล็กๆ ชนะเล็กๆ เท่านั้น บังเอิญโชคดี บังเอิญโชคดี”
……
กองทัพใหญ่ของใต้หล้าเปลี่ยวร้างบุกโจมตีเมือง แม่น้ำสีทองเส้นที่อริยะสามลัทธิร่วมมือกันสร้างขึ้นมาแบ่งพื้นที่ออกเป็นสองส่วน
เซียนกระบี่ถือกระบี่เฝ้าพิทักษ์แม่น้ำสายยาว เผ่าปีศาจที่อยู่ด้านหลังพวกเซียนกระบี่เป็นได้แค่สัตว์ถูกกักขังที่ต้องต่อสู้เอาชีวิตรอด ไม่มีกองกำลังเสริมมาช่วย ต้องเปิดฉากสังหารกับผู้ฝึกกระบี่ห้าขอบเขตกลางที่ออกมาจากหัวกำแพงเมืองอย่างอุตลุด
แต่เซียนกระบี่ของกำแพงเมืองปราณกระบี่กลุ่มนี้คิดจะเฝ้าพิทักษ์แม่น้ำสายยาวเอาไว้ สะบั้นขบวนทัพเผ่าปีศาจให้ขาดกลาง ขัดขวางการเคลื่อนหน้าของกองทัพใหญ่ที่ตามมาภายหลัง ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน
เซียนกระบี่ทุกคนต่างก็ต้องเจอกับกองทัพใหญ่เผ่าปีศาจที่บุกกระโจนเข้าใส่อย่างดุร้าย
นอกสนามรบ
กระโจมเจี่ยเซิน
ในกระโจมทัพหลังนี้แม้ว่าจะมีแต่เด็กที่อายุไม่มาก แต่กลับเข้มงวดและมีกฎระเบียบมากอย่างถึงที่สุดในบรรดากระโจมใหญ่หกสิบกระโจม หากคนนอกคิดจะเข้ามาก็หนีไม่พ้นต้องมีภารกิจสำคัญทางการทหาร ต่อให้เป็นปีศาจใหญ่เซียนกระบี่ หากกล้าบุกเข้ามาในกระโจมโดยพลการก็ล้วนต้องถูกตัดสินด้วยโทษประหารในทันที
วันนี้กระโจมเจี่ยเซินมีแขกผู้มีเกียรติสองท่านที่สถานะพิเศษอย่างถึงที่สุดมาเยือน
คนหนึ่งคือผู้เฒ่าร่างกำยำสวมชุดสีแดงสด ชุดคลุมอาคมสีแดงฉานที่สวมอยู่บนร่างนั้นมีเปลวเพลิงสีแดงเหมือนสีท้องฟ้ายามสายัณห์ไหลริน เดี๋ยวดับเดี๋ยวเกิด เคลื่อนที่ไม่แน่นอน นี่คือชุดคลุมอาคมที่มีระดับขั้นเป็นอาวุธเซียนชิ้นหนึ่ง เล่าลือกันว่าเคยเป็นวัตถุพิทักษ์รากฐานของแม่น้ำใหญ่อย่างแม่น้ำเย่ลั่วซึ่งเป็นหนึ่งในทางเข้าสายน้ำใหญ่ในอดีต ลำดับศักดิ์ของผู้เฒ่าสูงมาก เทียบเท่าได้กับพวกหย่างจื่อ หวงหลวน เพียงแต่ว่าแต่ละคนมีบุญคุณความแค้นต่อกัน ความสัมพันธ์จึงซับซ้อนอย่างยิ่ง
ผู้เฒ่าคือหนึ่งในปีศาจใหญ่ตัวสำรองที่จะได้นั่งบัลลังก์ของตำหนักอิงหลิงแห่งใต้หล้าเปลี่ยวร้าง เมื่อเทียบกับปีศาจใหญ่ฉงกวงแล้วพลังการสู้รบยังสูงกว่า เพียงแต่ว่าชอบไปไหนมาไหนเพียงลำพัง ชื่อเสียงจึงไม่โด่งดังเท่าฉงกวง ช่วงนี้มีครั้งหนึ่งที่เขาเปิดเผยตัวอย่างเป็นทางการ ก็คือครั้งที่เล่าลือกันว่า ปีนั้นอาเหลียงที่อยู่ระหว่างเดินทางเกิด ‘คันไม้คันมือทนไม่ไหว’ เลยใช้กระบี่ฟันให้รังของตาเฒ่าพังถล่มลงมาเกินครึ่ง ผู้เฒ่าถึงได้ร่วมมือกับฉงกวงไล่ฆ่าอาเหลียงอย่างดุดันเป็นระยะทางไกลหลายแสนลี้ กระทั่งไล่ฆ่าอาเหลียงไปถึงกำแพงเมืองปราณกระบี่ถึงได้ยอมหยุด แล้วก็ ‘ถือโอกาสนี้’ ลิ้มรสกระบี่หนึ่งของต่งซานเกิงที่ออกมาจากหัวกำแพงเมืองด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!