ตอน บทที่ 646.1 ดึงเอาโอสถทอง จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 646.1 ดึงเอาโอสถทอง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ผู้ฝึกกระบี่หนุ่มเห็นภาพนี้ก็ไม่ทันได้ตื่นตะลึง เพราะผู้ฝึกกระบี่เฒ่าได้เก็บท่าหมัด ยืนนิ่งอย่างสง่างาม เอามือหนึ่งไพล่หลัง อีกมือหนึ่งลูบหนวดหัวเราะ กล่าวอย่างลำพองใจว่า “ปราณกระบี่ทั่วร่างช่างไร้ศัตรูทัดทานจริงๆ”
ผู้ฝึกกระบี่หนุ่มอึ้งตะลึงอยู่พักใหญ่ สนามรบตรงจุดนี้ว่างเปล่าไปหมดแล้ว พวกเผ่าปีศาจที่ห่างไปไกลซึ่งพอเห็นว่าท่าไม่ดี ต่อให้ส่วนใหญ่สติปัญญาจะยังไม่เปิดออก แต่ก็รู้ว่าอะไรดีอะไรร้าย จึงพากันวิ่งอ้อมไปยังตำแหน่งอื่น
ผู้ฝึกกระบี่เฒ่ากวาดตามองสนามรบแวบหนึ่ง ในบรรดานี้มีผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจที่ขอบเขตไม่สูงหลายตนที่ทั้งเรือนกายและอาวุธล้วนแตกสลายไปพร้อมกันไม่เหลืออะไรสักอย่าง ค่อนข้างจะน่าเสียดาย
ลงมือคราวหน้าคงต้องระวังให้มากกว่านี้ เพราะขายุงก็ยังเป็นเนื้อนี่นา
ผู้ฝึกกระบี่หนุ่มพุ่งตัวมาหยุดอยู่ข้างกายผู้ฝึกกระบี่เฒ่า “ผู้อาวุโสเฒ่า?”
ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าลูบหนวดยิ้มพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “เรียกข้าว่าผู้อาวุโสเซียนกระบี่ก็พอ ข้าอายุไม่มาก คำว่าเฒ่านี้รับไม่ไหว รับไม่ไหวจริงๆ”
ผู้ฝึกกระบี่หนุ่มอึ้งตะลึงไร้คำพูด
แต่ผู้ฝึกกระบี่เฒ่ากลับทะยานลมออกไปแล้ว กระบี่ยาวแนบติดพื้นดิน ทะลวงขบวนรบไปอย่างว่องไวประดุจปลาที่แหวกว่ายอยู่ท่ามกลางกอพืชน้ำ เพียงแค่เล่นงานพวกผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจที่เรียกกระบี่บินออกมาเท่านั้น หากฆ่าได้ก็ฆ่า ทำให้บาดเจ็บได้ก็ทำ
อีกทั้งยังเลือกช่วงเวลาในการโจมตีได้อย่างเหมาะเจาะ ไม่มีทางถ่วงเวลาการออกกระบี่ของผู้ฝึกกระบี่ของกำแพงเมืองปราณกระบี่เด็ดขาด
ผู้ฝึกกระบี่หนุ่มชำเลืองตามองเงาร่างและการออกกระบี่ของ ‘ผู้อาวุโสเซียนกระบี่’ ท่านนั้น แต่ก็ยังมองไม่ออกว่าอีกฝ่ายมีขอบเขตสูงต่ำ หรือมีตบะตื้นลึก จึงสะกดความสงสัยในใจเอาไว้ ถือดาบมุ่งลงใต้ กระโจนเข้าสู่สนามรบแห่งถัดไป
ออกจากเมืองมาเข่นฆ่าศัตรูครั้งนี้ ทางฝั่งของกำแพงเมืองปราณกระบี่มีผู้ฝึกกระบี่ห้าขอบเขตกลางถึงหกพันกว่าคน ฟังดูเหมือนเป็นจำนวนที่มากอย่างถึงที่สุด แต่ในความเป็นจริงแล้วเมื่อเปรียบเทียบกับสนามรบพันลี้ ก็ยังคงทำให้ทุกคนตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายที่ถูกรายล้อมไปด้วยกองทัพใหญ่เผ่าปีศาจอยู่ดี บวกกับผู้ฝึกกระบี่ถ้ำสถิตและชมมหาสมุทรจำนวนมากที่ออกมาเพื่อขัดเกลาคมกระบี่ ทำความคุ้นเคยกับสนามรบ ซึ่งจำเป็นต้องฆ่าศัตรูพร้อมกับฝึกกระบี่ไปด้วย จึงต้องมีผู้ฝึกกระบี่ที่ขอบเขตสูงยิ่งกว่าคอยให้การดูแลอย่างเลี่ยงไม่ได้ ตามกฎที่สายอิ่นกวานตั้งไว้ ผู้ฝึกกระบี่สองขอบเขตนี้ต้องให้มีชีวิตรอดก่อน แล้วค่อยหวังให้ฝ่าทะลุขอบเขต สุดท้ายถึงหวังให้สามารถสังหารปีศาจได้มากกว่าเดิม ส่วนผู้ฝึกกระบี่เซียนดินที่ขอบเขตสูงที่สุด พลังการสังหารมากที่สุดนั้น สังหารปีศาจเพื่อสร้างคุณความชอบคือภารกิจสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง ปกป้องชีวิตผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตถ้ำสถิตและขอบเขตชมมหาสมุทรจึงจะเป็นอันดับสอง
บนหัวกำแพงเมืองมีผู้ฝึกกระบี่เฝ้าพิทักษ์ ขอแค่แนวเส้นจากเหนือจรดใต้ไม่ถึงขั้นแตกพ่าย ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีเผ่าปีศาจอ้อมผ่านผู้ฝึกกระบี่ไปถึงหัวกำแพงเมืองได้
ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตประตูมังกรที่อยู่กึ่งกลางระหว่างทั้งสองฝ่าย เมื่อเทียบกันแล้วนับว่าตรงไปตรงมาสบายใจมากที่สุด เพราะสามารถพกกระบี่ฝ่าค่ายกลสังหารปีศาจก็ได้ หรือจะจับกลุ่มกับเพื่อนสนิทขอบเขตเดียวกัน ก็ได้หมด ไม่ได้มีพันธนาการหรือกฎเกณฑ์อะไรมากนัก
ระหว่างนี้ก็มีผู้ฝึกกระบี่จับกลุ่มกันกลุ่มละสองสามคน ซึ่งค่อนข้างจะเป็นกลุ่มที่พิเศษ เพราะเป็นผู้ฝึกกระบี่ที่วิชาอภินิหารของกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตสามารถผนวกรวมเข้าด้วยกัน ออกจากเมืองมาสังหารศัตรูในครั้งนี้ก็พยายามที่จะให้กระบี่บินร่วมมือกันบนสนามรบได้อย่างคุ้นเคยมากขึ้น ผู้ฝึกกระบี่โอสถทองหรือก่อกำเนิดท่านหนึ่งที่ช่วยปกป้องผู้ฝึกกระบี่กลุ่มนี้ ส่วนใหญ่แล้วหน้าที่ปกป้องฝ่ายแรกจะมาเป็นอันดับหนึ่ง แต่สังหารปีศาจสร้างคุณความชอบกลับเป็นอันดับที่สอง หากชีวิต มหามรรคาหรือกระบี่บินของฝ่ายแรกได้รับความเสียหาย ผู้ฝึกกระบี่เซียนดินเหล่านี้ก็จะต้องเจอกับโทษทัณฑ์ที่ใหญ่หลวง หากคิดจะสร้างคุณความชอบทางการสู้รบชดใช้ความผิด กลับเป็นการกระทำที่ไม่คุ้มค่าอย่างยิ่ง
หากออกนอกเมือง กฎชั่วคราวที่สายอิ่นกวานสร้างขึ้นมา อันที่จริงก็มีไม่มากนัก ดังนั้นผู้ฝึกกระบี่จึงใส่ใจกฎทุกข้อมากเป็นพิเศษ
ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าผ่านสนามรบแห่งหนึ่งที่ห่างจากหัวกำแพงเมืองไปไกล ตรงจุดนั้นการเข่นฆ่ารุนแรงมากเป็นพิเศษ
สามารถสังหารเผ่าปีศาจที่ขยับมาใกล้หัวกำแพงเมืองได้อย่างสะอาดเอี่ยม ผลักสนามรบออกไปทางทิศใต้สิบกว่าลี้ เดิมทีก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าพลังพิฆาตของผู้ฝึกกระบี่กลุ่มนี้ไม่น้อย และจิตสังหารก็ยิ่งมากกว่า
เพียงแต่ว่าผู้ฝึกกระบี่เจ็ดคนในเวลานี้ได้ตกอยู่ท่ามกลางวงล้อม ผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจมีมากหลายสิบคน กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็ยิ่งมีมากหลายพันตน ลำพังเพียงแค่ ‘ปีศาจใหญ่’ โอสถทองก็มีมากถึงสามคน
ผู้ฝึกกระบี่เฒ่ามองเห็นคนคุ้นเคยสองคน ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตประตูมังกรเริ่นอี้ ผู้ฝึกกระบี่โอสถทองผู่อวี๋ ล้วนเป็นผู้ฝึกกระบี่ที่เฝ้าสามด่านบนถนนใหญ่ ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าชำเลืองตามองผู่อวี๋แล้วก็ถอนหายใจ ไอ้หมอนี่ยังคงแต่งตัวขัดหูขัดตาเหมือนคนเขียนคำว่าอยากโดนเตะแปะไว้บนหน้าผากอยู่เหมือนเดิม
ก็โชคดีที่คุณชายผู้หล่อเหลาสง่างามคนนี้ไม่ใช่คนกันเอง ไม่อย่างนั้นป่านนี้ก็คงถูกผู้ฝึกกระบี่เฒ่าด่าจนไม่เหลือชิ้นดีไปนานแล้ว สวมชุดขาวพลิ้วไสว หากนั่งดื่มเหล้าอยู่ในนครหรือประมือกับคนอื่นก็ช่างเถิด มาอยู่บนสนามรบยังจะโอ้อวดมาดเจ๋อเซียนเช่นนี้อีก ไม่เหมาะสมเอาเสียเลย ชุดคลุมอาคมของหอภูษาไม่ได้เก็บเงินเจ้าแม้แต่เหรียญเกล็ดหิมะเดียว สวมทับไว้ด้านนอกแล้วจะเป็นอย่างไร หากไม่เป็นเพราะกฎบอกไว้ว่ามอบชุดคลุมอาคมให้ผู้ฝึกกระบี่แบบไม่คิดเงินแค่คนละชุด ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าก็นึกอยากจะสวมสักเจ็ดแปดชุด บวกกับแบกกระบี่ยาวมาด้วยอีกเจ็ดแปดเล่ม แล้วค่อยมาเยือนสนามรบ
ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าที่บอกให้คนอื่นเรียกเขาว่า ‘·ผู้อาวุโสเซียนกระบี่’ ผู้นี้ แน่นอนว่าต้องเป็นใต้เท้าอิ่นกวานที่ชื่อเสียงฉาวโฉ่ระบือไปทั่ว
หลังจากได้เป็น ‘เถ้าแก่รองที่ทำการค้าอย่างเป็นธรรม’ ตามมาด้วย ‘เฉินผิงอันที่ล้มคว่ำด้วยหมัดเดียว’ ทุกวันนี้ก็มีอีกฉายาเพิ่มขึ้นมาว่า ‘อิ่นกวานตัวจริงที่เห็นคนตายแล้วไม่ยอมช่วยเหลือ’
ในเมื่อแน่ใจในทางหนีทีไล่ที่แท้จริงของอีกฝ่ายได้แล้ว เฉินผิงอันก็ไม่ลังเลอีกต่อไป ไม่มัวเอาแต่เดินเตร็ดเตร่ เท้าเหยียบอยู่บนกระบี่ยาวเล่มนั้น เป็นการขี่กระบี่ของผู้ฝึกกระบี่อย่างแท้จริง กระโจนเข้าหาผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจสามคนที่พยายามจะหยั่งเชิงเขา กระบี่ที่เลียบพื้นวาดเป็นวงโค้งขนาดใหญ่ ‘ผู้ฝึกกระบี่เฒ่า’ สามารถหลบลำแสงจากอาวุธวิเศษซึ่งเป็นวัตถุแห่งชะตาชีวิตที่ใช้ในการโจมตีมาได้พอดี ปลายเท้าดีดลงบนกระบี่ยาว กระบี่ยาวพุ่งเข้าหาผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจคนหนึ่งที่อยู่เบื้องหน้า กระบี่ยาวจากหอกระบี่ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าเล่มนั้นไปมารวดเร็วราวกับกระบี่บินเล่มหนึ่ง
ส่วนตัวของผู้ฝึกกระบี่เฒ่ากลับออกมาจากกระบี่ยาว เรียกกระบี่บินแห่งชะตาชีวิต ‘เล่มหนึ่ง’ ที่ตั้งชื่อว่า ‘จ้างปู้(สมุดบัญชี)’ ออกมารับมือกับผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตชมมหาสมุทรเผ่าปีศาจอีกตนหนึ่ง กระบี่บินแทงทะลุศีรษะของอีกฝ่าย แล้วเขาก็ยื่นมือไป ‘ประคองจับ’ ศพนั้น ป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามระเบิดช่องโพรงแห่งชะตาชีวิต ถือโอกาสกระชากเอากระพรวนทองแดงที่อีกฝ่ายห้อยไว้ตรงเอวมาเก็บไว้ในชายแขนเสื้อ แล้วค่อยกระชากร่างของผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจที่ตายกะทันหันมา ขว้างใส่เวทอาคมพร่างพราวสายหนึ่งที่ออกมาจากผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจคนที่สาม
ทุกอย่างนี้ทำสำเร็จในรวดเดียว ดั่งเมฆคล้อยน้ำไหล ช่างคล่องแคล่วคุ้นมือยิ่งนัก
ยื่นมือออกไปคว้า บังคับกระบี่ยาวจากหอกระบี่เล่มนั้นกลับมา ครั้นจึงเดินออกไปหนึ่งก้าว เหยียบลงบนกระบี่ยาว สละผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจที่ขอบเขตไม่สูงสองคนนั้นไม่สนใจ พุ่งตรงไปยังปีศาจใหญ่นักรบเดนตายที่ทำท่าลับๆ ล่อๆ ผู้นั้น ดีดปลายเท้าหนึ่งครั้งหลบเลี่ยงการกระแทกโจมตีจากเวทคาถาและสมบัติวิเศษทั้งหลายมา เหยียบกระบี่ยาวของหอกระบี่ให้จมลงไปในดิน ร่างทั้งร่างกระโจนตัวขึ้นสูง สองนิ้วทำมุทรา กระบี่บินจ้างปู้เล่มนั้นเหมือน ‘ม่านฝน’ ของผู่อวี๋อย่างไม่มีผิดเพี้ยน พริบตาเดียวก็แยกตัวออกเป็นสิบกว่าเล่ม เพียงแต่บนกระบี่บินเล่มที่แตกต่างกันกลับมีปณิธานกระบี่ที่หนาบางต่างกัน ปลายกระบี่ชี้ไปยังเผ่าปีศาจเดนตายผู้นั้น พริบตาเดียวก็หายวับไป
เฉินผิงอันใช้เสียงในใจบอกกล่าวแก่ผู่อวี๋และเริ่นอี้ด้วยน้ำเสียงแหบพร่าของคนแก่ “อย่าละโมบในคุณความชอบ ระวังจะถูกซุ่มโจมตี”
ผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจที่เข่นฆ่าอยู่ในสนามรบซึ่งมองดูเหมือนว่าอย่างมากสุดก็มีขอบเขตแค่ชมมหาสมุทร เห็นว่าหลบเลี่ยงไปก็ไร้ประโยชน์จึงพลันเปลี่ยนสถานะใหม่ ไม่เพียงแต่เป็นผู้ฝึกกระบี่ อย่างน้อยที่สุดก็น่าจะเป็นผู้ฝึกกระบี่คอขวดโอสถทอง
แสงกระบี่เปล่งวาบตรงหว่างคิ้ว ความลี้ลับของวิชาอภินิหารจากกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตทำให้แสงสีทองเป็นจุดๆ ล่องลอยไม่หยุดนิ่ง ปกป้องอยู่รอบกายได้พอดี หลังจากเสียงใสกังวานระลอกหนึ่งผ่านไปก็สามารถโจมตีกระบี่บินสิบกว่าเล่มที่มาจากผู้ฝึกกระบี่เฒ่าไม่ทราบชื่อจากกำแพงเมืองปราณกระบี่ผู้นั้นให้ถอยไปได้ทั้งหมด
ผู้ฝึกกระบี่เดนตายเผ่าปีศาจที่ซ่อนหัวซ่อนหางไว้ตลอดผู้นี้ก็ใช้เสียงในใจเอ่ยเตือนเผ่าปีศาจโอสถทองสามคนนั้นเหมือนกัน “อย่างน้อยก็น่าจะเป็นผู้ฝึกกระบี่โอสถทอง กระบี่บินแปลกประหลาด ทุกเล่มล้วนเป็นของจริง ไม่เหมือนกับกระบี่ ‘ม่านฝน’ ของผู่อวี๋เล่มนั้น พวกเจ้าไม่ต้องออมแรงเอาไว้แล้ว พยายามสังหารเริ่นอี้ ทำร้ายผู่อวี๋ให้บาดเจ็บ จะได้ล่อให้คนผู้นี้หยุดอยู่ที่นี่ แล้วพวกเราค่อยล้อมสังหารคนผู้นี้อีกที”
แสงสีทองแต่ละจุดที่กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของผู้ฝึกกระบี่เผ่าปีศาจคนนี้แผ่ออกมาพุ่งมารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว สุดท้ายกลายเป็นเม็ดเล็กๆ ที่ประกายแสงยิ่งเจิดจ้าพร่างพราว ก่อนกลายเป็นเส้นยาวเส้นหนึ่งที่พุ่งตรงไปตัดหัวของศัตรู
ร่างของผู้ฝึกกระบี่เฒ่าที่สายตาเฉียบคมมองทะลุมาเห็นสถานะของปีศาจใหญ่พลันดิ่งฮวบลงมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะผลัดเปลี่ยนเส้นทางกระโจนไปข้างหน้าต่ออีกครั้งด้วยเรือนกายที่คล่องแคล่วปราดเปรียว
นักรบเดนตายเผ่าปีศาจเอื้อมมือไปคว้าจับ เรียกกระบี่ยาวของหอกระบี่ที่หล่นอยู่บนพื้นของสนามรบมาไว้ในมือ เบี่ยงตัวน้อยๆ แล้วเงื้อกระบี่ฟันออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!