ผู้ฝึกกระบี่หนุ่มเห็นภาพนี้ก็ไม่ทันได้ตื่นตะลึง เพราะผู้ฝึกกระบี่เฒ่าได้เก็บท่าหมัด ยืนนิ่งอย่างสง่างาม เอามือหนึ่งไพล่หลัง อีกมือหนึ่งลูบหนวดหัวเราะ กล่าวอย่างลำพองใจว่า “ปราณกระบี่ทั่วร่างช่างไร้ศัตรูทัดทานจริงๆ”
ผู้ฝึกกระบี่หนุ่มอึ้งตะลึงอยู่พักใหญ่ สนามรบตรงจุดนี้ว่างเปล่าไปหมดแล้ว พวกเผ่าปีศาจที่ห่างไปไกลซึ่งพอเห็นว่าท่าไม่ดี ต่อให้ส่วนใหญ่สติปัญญาจะยังไม่เปิดออก แต่ก็รู้ว่าอะไรดีอะไรร้าย จึงพากันวิ่งอ้อมไปยังตำแหน่งอื่น
ผู้ฝึกกระบี่เฒ่ากวาดตามองสนามรบแวบหนึ่ง ในบรรดานี้มีผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจที่ขอบเขตไม่สูงหลายตนที่ทั้งเรือนกายและอาวุธล้วนแตกสลายไปพร้อมกันไม่เหลืออะไรสักอย่าง ค่อนข้างจะน่าเสียดาย
ลงมือคราวหน้าคงต้องระวังให้มากกว่านี้ เพราะขายุงก็ยังเป็นเนื้อนี่นา
ผู้ฝึกกระบี่หนุ่มพุ่งตัวมาหยุดอยู่ข้างกายผู้ฝึกกระบี่เฒ่า “ผู้อาวุโสเฒ่า?”
ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าลูบหนวดยิ้มพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “เรียกข้าว่าผู้อาวุโสเซียนกระบี่ก็พอ ข้าอายุไม่มาก คำว่าเฒ่านี้รับไม่ไหว รับไม่ไหวจริงๆ”
ผู้ฝึกกระบี่หนุ่มอึ้งตะลึงไร้คำพูด
แต่ผู้ฝึกกระบี่เฒ่ากลับทะยานลมออกไปแล้ว กระบี่ยาวแนบติดพื้นดิน ทะลวงขบวนรบไปอย่างว่องไวประดุจปลาที่แหวกว่ายอยู่ท่ามกลางกอพืชน้ำ เพียงแค่เล่นงานพวกผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจที่เรียกกระบี่บินออกมาเท่านั้น หากฆ่าได้ก็ฆ่า ทำให้บาดเจ็บได้ก็ทำ
อีกทั้งยังเลือกช่วงเวลาในการโจมตีได้อย่างเหมาะเจาะ ไม่มีทางถ่วงเวลาการออกกระบี่ของผู้ฝึกกระบี่ของกำแพงเมืองปราณกระบี่เด็ดขาด
ผู้ฝึกกระบี่หนุ่มชำเลืองตามองเงาร่างและการออกกระบี่ของ ‘ผู้อาวุโสเซียนกระบี่’ ท่านนั้น แต่ก็ยังมองไม่ออกว่าอีกฝ่ายมีขอบเขตสูงต่ำ หรือมีตบะตื้นลึก จึงสะกดความสงสัยในใจเอาไว้ ถือดาบมุ่งลงใต้ กระโจนเข้าสู่สนามรบแห่งถัดไป
ออกจากเมืองมาเข่นฆ่าศัตรูครั้งนี้ ทางฝั่งของกำแพงเมืองปราณกระบี่มีผู้ฝึกกระบี่ห้าขอบเขตกลางถึงหกพันกว่าคน ฟังดูเหมือนเป็นจำนวนที่มากอย่างถึงที่สุด แต่ในความเป็นจริงแล้วเมื่อเปรียบเทียบกับสนามรบพันลี้ ก็ยังคงทำให้ทุกคนตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายที่ถูกรายล้อมไปด้วยกองทัพใหญ่เผ่าปีศาจอยู่ดี บวกกับผู้ฝึกกระบี่ถ้ำสถิตและชมมหาสมุทรจำนวนมากที่ออกมาเพื่อขัดเกลาคมกระบี่ ทำความคุ้นเคยกับสนามรบ ซึ่งจำเป็นต้องฆ่าศัตรูพร้อมกับฝึกกระบี่ไปด้วย จึงต้องมีผู้ฝึกกระบี่ที่ขอบเขตสูงยิ่งกว่าคอยให้การดูแลอย่างเลี่ยงไม่ได้ ตามกฎที่สายอิ่นกวานตั้งไว้ ผู้ฝึกกระบี่สองขอบเขตนี้ต้องให้มีชีวิตรอดก่อน แล้วค่อยหวังให้ฝ่าทะลุขอบเขต สุดท้ายถึงหวังให้สามารถสังหารปีศาจได้มากกว่าเดิม ส่วนผู้ฝึกกระบี่เซียนดินที่ขอบเขตสูงที่สุด พลังการสังหารมากที่สุดนั้น สังหารปีศาจเพื่อสร้างคุณความชอบคือภารกิจสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง ปกป้องชีวิตผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตถ้ำสถิตและขอบเขตชมมหาสมุทรจึงจะเป็นอันดับสอง
บนหัวกำแพงเมืองมีผู้ฝึกกระบี่เฝ้าพิทักษ์ ขอแค่แนวเส้นจากเหนือจรดใต้ไม่ถึงขั้นแตกพ่าย ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีเผ่าปีศาจอ้อมผ่านผู้ฝึกกระบี่ไปถึงหัวกำแพงเมืองได้
ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตประตูมังกรที่อยู่กึ่งกลางระหว่างทั้งสองฝ่าย เมื่อเทียบกันแล้วนับว่าตรงไปตรงมาสบายใจมากที่สุด เพราะสามารถพกกระบี่ฝ่าค่ายกลสังหารปีศาจก็ได้ หรือจะจับกลุ่มกับเพื่อนสนิทขอบเขตเดียวกัน ก็ได้หมด ไม่ได้มีพันธนาการหรือกฎเกณฑ์อะไรมากนัก
ระหว่างนี้ก็มีผู้ฝึกกระบี่จับกลุ่มกันกลุ่มละสองสามคน ซึ่งค่อนข้างจะเป็นกลุ่มที่พิเศษ เพราะเป็นผู้ฝึกกระบี่ที่วิชาอภินิหารของกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตสามารถผนวกรวมเข้าด้วยกัน ออกจากเมืองมาสังหารศัตรูในครั้งนี้ก็พยายามที่จะให้กระบี่บินร่วมมือกันบนสนามรบได้อย่างคุ้นเคยมากขึ้น ผู้ฝึกกระบี่โอสถทองหรือก่อกำเนิดท่านหนึ่งที่ช่วยปกป้องผู้ฝึกกระบี่กลุ่มนี้ ส่วนใหญ่แล้วหน้าที่ปกป้องฝ่ายแรกจะมาเป็นอันดับหนึ่ง แต่สังหารปีศาจสร้างคุณความชอบกลับเป็นอันดับที่สอง หากชีวิต มหามรรคาหรือกระบี่บินของฝ่ายแรกได้รับความเสียหาย ผู้ฝึกกระบี่เซียนดินเหล่านี้ก็จะต้องเจอกับโทษทัณฑ์ที่ใหญ่หลวง หากคิดจะสร้างคุณความชอบทางการสู้รบชดใช้ความผิด กลับเป็นการกระทำที่ไม่คุ้มค่าอย่างยิ่ง
หากออกนอกเมือง กฎชั่วคราวที่สายอิ่นกวานสร้างขึ้นมา อันที่จริงก็มีไม่มากนัก ดังนั้นผู้ฝึกกระบี่จึงใส่ใจกฎทุกข้อมากเป็นพิเศษ
ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าผ่านสนามรบแห่งหนึ่งที่ห่างจากหัวกำแพงเมืองไปไกล ตรงจุดนั้นการเข่นฆ่ารุนแรงมากเป็นพิเศษ
สามารถสังหารเผ่าปีศาจที่ขยับมาใกล้หัวกำแพงเมืองได้อย่างสะอาดเอี่ยม ผลักสนามรบออกไปทางทิศใต้สิบกว่าลี้ เดิมทีก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าพลังพิฆาตของผู้ฝึกกระบี่กลุ่มนี้ไม่น้อย และจิตสังหารก็ยิ่งมากกว่า
เพียงแต่ว่าผู้ฝึกกระบี่เจ็ดคนในเวลานี้ได้ตกอยู่ท่ามกลางวงล้อม ผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจมีมากหลายสิบคน กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็ยิ่งมีมากหลายพันตน ลำพังเพียงแค่ ‘ปีศาจใหญ่’ โอสถทองก็มีมากถึงสามคน
ผู้ฝึกกระบี่เฒ่ามองเห็นคนคุ้นเคยสองคน ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตประตูมังกรเริ่นอี้ ผู้ฝึกกระบี่โอสถทองผู่อวี๋ ล้วนเป็นผู้ฝึกกระบี่ที่เฝ้าสามด่านบนถนนใหญ่ ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าชำเลืองตามองผู่อวี๋แล้วก็ถอนหายใจ ไอ้หมอนี่ยังคงแต่งตัวขัดหูขัดตาเหมือนคนเขียนคำว่าอยากโดนเตะแปะไว้บนหน้าผากอยู่เหมือนเดิม
ก็โชคดีที่คุณชายผู้หล่อเหลาสง่างามคนนี้ไม่ใช่คนกันเอง ไม่อย่างนั้นป่านนี้ก็คงถูกผู้ฝึกกระบี่เฒ่าด่าจนไม่เหลือชิ้นดีไปนานแล้ว สวมชุดขาวพลิ้วไสว หากนั่งดื่มเหล้าอยู่ในนครหรือประมือกับคนอื่นก็ช่างเถิด มาอยู่บนสนามรบยังจะโอ้อวดมาดเจ๋อเซียนเช่นนี้อีก ไม่เหมาะสมเอาเสียเลย ชุดคลุมอาคมของหอภูษาไม่ได้เก็บเงินเจ้าแม้แต่เหรียญเกล็ดหิมะเดียว สวมทับไว้ด้านนอกแล้วจะเป็นอย่างไร หากไม่เป็นเพราะกฎบอกไว้ว่ามอบชุดคลุมอาคมให้ผู้ฝึกกระบี่แบบไม่คิดเงินแค่คนละชุด ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าก็นึกอยากจะสวมสักเจ็ดแปดชุด บวกกับแบกกระบี่ยาวมาด้วยอีกเจ็ดแปดเล่ม แล้วค่อยมาเยือนสนามรบ
ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าที่บอกให้คนอื่นเรียกเขาว่า ‘·ผู้อาวุโสเซียนกระบี่’ ผู้นี้ แน่นอนว่าต้องเป็นใต้เท้าอิ่นกวานที่ชื่อเสียงฉาวโฉ่ระบือไปทั่ว
หลังจากได้เป็น ‘เถ้าแก่รองที่ทำการค้าอย่างเป็นธรรม’ ตามมาด้วย ‘เฉินผิงอันที่ล้มคว่ำด้วยหมัดเดียว’ ทุกวันนี้ก็มีอีกฉายาเพิ่มขึ้นมาว่า ‘อิ่นกวานตัวจริงที่เห็นคนตายแล้วไม่ยอมช่วยเหลือ’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!