กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 645

เฉินผิงอันลุกขึ้นยืน เดินออกไปจากห้องโถงใหญ่แล้วสวมหน้ากากของผู้เฒ่าคนหนึ่งอยู่ในลานบ้าน สะพายกระบี่พกของหอกระบี่ สวมชุดคลุมอาคมของหอภูษาเพิ่มเข้าไปอีกตัว

กู้เจี้ยนหลงเอ่ยเตือนเสียงเบา “ใต้เท้าอิ่นกวาน อันที่จริงสวมหน้ากากอีกอันหนึ่งน่าจะอำพรางสายตาของคนอื่นได้มากกว่า”

เฉินผิงอันหันหน้ามายิ้มให้ เรือนกายของเขาค้อมงอลงไปแล้วหลายส่วน ความแก่ชราเกิดขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งยังพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “เจ้าพูดเก่งขนาดนี้ รอข้ากลับมาเมื่อไหร่ พวกเราค่อยมาคุยกันช้าๆ”

ไม่รอให้กู้เจี้ยนหลงพูดเหลวไหลอะไรต่อ กระบี่ยาวที่เฉินผิงอันสะพายอยู่ด้านหลังก็พุ่งออกจากฝักไปแล้ว เขาดีดปลายเท้าเหยียบลงบนกระบี่ยาว แล้วทะยานลมเดินทางไกล

ในห้องโถงใหญ่ ทุกคนหันมามองหน้ากันเอง

ไม่เหมือนคนที่แกล้งเป็นผู้ฝึกกระบี่เลยนะ

เดิมทีในคฤหาสน์หลบร้อน นอกจากอิ่นกวานหนุ่มแล้ว ทุกคนล้วนเป็นผู้ฝึกกระบี่ อีกทั้งแต่ละคนยังเป็นผู้มีพรสวรรค์ สายตาน้อยนิดแค่นี้จึงยังพอมีอยู่บ้าง

โฉวเหมียวยิ้มกล่าว “มา พวกเรามาเดิมพันกันว่าใต้เท้าอิ่นกวานใช่ผู้ฝึกกระบี่จริงๆ หรือไม่ ครั้งนี้ข้าเป็นเจ้ามือเอง”

จากนั้นโฉวเหมียวก็เอ่ยทันทีว่า “กวอจู๋จิ่วเจ้าห้ามลงเดิมพัน”

ไม่อย่างนั้นอย่าว่าแต่ได้กำไรเลย ต้องมีขาดทุนอย่างแน่นอน อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้เกินครึ่งว่าจะขาดทุนแบบสิ้นเนื้อประดาตัว แม่หนูนี่อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง แต่ทรัพย์สมบัติกลับมีอยู่ไม่น้อยเลยจริงๆ

กวอจู๋จิ่วที่เตรียมจะลงเดิมพันด้วยทรัพย์สินทั้งหมดถลึงตากว้าง “ทำไมเล่า?!”

ผลคือไม่เพียงแต่กลุ่มของเฉากุ่นเท่านั้น แม้แต่พวกหลัวเจินอี้ สวีชิงและฉางไท่ชิงก็ยังลงเดิมพันว่าเฉินผิงอันเป็นผู้ฝึกกระบี่แล้ว

โฉวเหมียวโบกมือ “เดิมพงเดิมพันอะไรกัน อายุน้อยๆ ขอบเขตก็ยิ่งไม่ได้เรื่อง ไม่รู้จักทำเรื่องเป็นการเป็นงาน ยังไม่รีบลงมือทำงานอีกหรือ?! กวอจู๋จิ่ว เก็บของเข้าไปในหีบไม้ไผ่ให้หมดเลย!”

กวอจู๋จิ่วกลอกตามองบน

แม้แต่หน้าม้าสักคนก็ยังไม่มี ยังจะกล้ามาเป็นเจ้ามือ อาจารย์เคยบอกไว้แล้วว่าบนโต๊ะเดิมพันตัวหนึ่ง หากรวมเจ้ามือด้วยแล้วมีกันสักสิบคน ก็ต้องมีหน้าม้าสักแปดคนถึงจะเข้าท่า

กวอจู๋จิ่วเก็บของชิ้นเล็กชิ้นน้อยของตัวเองมาไว้เรียบร้อยแล้ว หัวคิ้วก็ยังขมวดมุ่น กวาดตามองไปรอบด้าน สุดท้ายก็ยังจำต้องเอ่ยถามเซียนกระบี่โฉวเหมียวที่ขอบเขตสูงที่สุด แต่สมองกลับธรรมดา “เซียนกระบี่ใหญ่โฉวเหมียว คงจะไม่เกิดเรื่องกับอาจารย์ข้าหรอกใช่ไหม?”

โฉวเหมียวยิ้มกล่าว “วางใจเถอะ”

ผู้ฝึกกระบี่คนอื่นๆ ต่างก็มีสีหน้าปั้นยาก

กู้เจี้ยนหลงเอ่ย “ใต้เทาอิ่นกวานจะมีเรื่องหรือไม่มีเรื่อง ข้าไม่รู้ ข้ารู้แค่ว่า ขอแค่เป็นคนที่ถูกอาจารย์ของเจ้าหมายหัว ก็ต้องมีเรื่องแน่นอน”

หวังซินสุ่ยพยักหน้า “คำพูดประโยคนี้ของพี่กู้ตรงใจข้าพอดี”

เพียงไม่นานทุกคนก็พากันเงียบเสียงลง

เพราะบนม้วนภาพวาดปรากฏเรื่องไม่คาดฝันใหญ่เรื่องหนึ่ง

บนสนามรบมักจะมีปีศาจใหญ่หลายตนที่ชมศึกคอยลงมืออยู่เป็นระยะ

ครั้งนี้ป๋ายอิ๋งปีศาจใหญ่ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์กระดูกขาวร่ายวิชาอภินิหารอย่างหนึ่ง เป็นวิชาที่ป่าเถื่อนไร้เหตุผลอย่างยิ่ง เห็นเพียงว่าบนสนามรบที่ใกล้กับกำแพงเมืองพลันมีโครงกระดูกหุ่นเชิดที่มีแต่กระดูกขาวโพลนหลายแสนโครงพากันกระจายตัวไปสี่ทิศ พยายามที่จะช่วยกองทัพใหญ่เผ่าปีศาจซึ่งเป็นดั่งฝูงมดโจมตีเมือง แม้จะเป็นโครงกระดูกที่ไร้สติปัญญา ลุกผงาดขึ้นมาในสนามรบอีกครั้งด้วยท่าทีแบบนี้ พลังการต่อสู้จึงเป็นรองกว่าตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ทว่าการคุมเชิงกันของสองกองทัพบนสนามรบเส้นแนวหน้า พริบตานั้นกลับมีกองกำลังทหารเพิ่มมาหลายแสนนาย สำหรับผู้ฝึกกระบี่บนหัวกำแพงเมืองแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องที่ผ่อนคลายเลย

ผลคือไม่รอให้หุ่นเชิดโครงกระดูกขาวพวกนี้กรูกันเข้ามาใกล้กำแพงเมือง อู๋เฉิงเพ่ยเซียนกระบี่ขอบเขตหยกดิบก็เป็นคนแรกที่เรียกกระบี่บินแห่งชะตาชีวิต ‘น้ำค้างหวาน’ ออกมา

หลังจากที่กระบี่บินของอู๋เฉิงเพ่ยปรากฏกายขึ้นบนโลก ก็เห็นเพียงว่าบนพื้นดิน สนามรบจุดใดก็ตามที่มีเลือดสดจะต้องมี ‘น้ำฝน’ ผุดขึ้นมาจากบนพื้น รวมตัวกันพุ่งเข้าหาม่านฟ้า กลายเป็นสายฝนตกกระหน่ำที่ห้อยกลับหัว ภาพนั้นราวกับว่าฟ้าดินพลิกกลับ มีเพียงฝนปณิธานกระบี่ของอู๋เฉิงเพ่ยเท่านั้นที่ตกลงมาตามปกติ

หลังจากที่ฝนกระหน่ำผ่านพ้นไป ทั้งหุ่นเชิดกระดูกขาวและกองทัพใหญ่เผ่าปีศาจที่อยู่แนวเส้นเดียวกันตรงมุมกำแพงก็ตายสิ้นแทบทั้งหมดในเวลาเพียงเสี้ยววินาที

หลังจากนั้นมาอู๋เฉิงเพ่ยก็ร่ายวิชาอภินิหารของกระบี่บินครั้งแล้วครั้งเล่า จากมุมกำแพงด้านล่างขยับออกไปข้างนอกเรื่อยๆ หลังจากฝนใหญ่เกิดขึ้นติดต่อกันห้าครั้ง พวกที่โชคดีรอดตายอยู่บนสนามรบมีอยู่เพียงหยิบมือ ล้วนเป็นผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจที่ขอบเขตสูงมากพอ หรือไม่ก็เผ่าปีศาจที่ยังไม่ได้กลายร่างเป็นมนุษย์ แต่เกิดมาก็มีเรือนกายที่แข็งแกร่งผิดปกติ พวกที่เหลือรอดเหล่านี้จึงกลายเป็นเป้าโจมตีของผู้ฝึกกระบี่ที่อยู่บนหัวกำแพงเมือง เมื่อเป็นเช่นนี้การโจมตีเมืองของกองทัพใหญ่ใต้หล้าเปลี่ยวร้างจึงหยุดชะงักไปแถบหนึ่ง

อู๋เฉิงเพ่ยเองก็เก็บกระบี่กลับมา เปลี่ยนตำแหน่งบนหัวกำแพงเมืองเพื่อหลอมกระบี่ต่อไป

ยากที่จะจินตนาการได้ว่า นี่เป็นการลงมือของเซียนกระบี่ที่มีขอบเขตแค่หยกดิบเท่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!