ทางฝั่งกระโจมเจี่ยจื่อไม่มีการตอบกลับมา เฉินชิงตูมีสีหน้าเสียดายเล็กน้อย แทบตลอดทั้งใต้หล้าเปลี่ยวร้างล้วนเป็นของไอ้หมอนี่ ตนก็แค่ได้ครอบครองกำแพงเมืองปราณกระบี่แห่งเดียวเท่านั้น แค่นี้ก็ไม่กล้าขึ้นมาสู้กันบนหัวกำแพงอย่างนั้นรึ?
บุรุษหากไม่ได้เป็นผู้ฝึกกระบี่ก็ไม่ได้เรื่องจริงๆ
เฉินชิงตูเงียบไปครู่หนึ่งก็พลันถามขึ้นว่า “คอขวดขอบเขตหยกดิบฝ่าได้ยากขนาดนี้เชียวหรือ?”
เว่ยจิ้นตอบกลับไปตามตรง “สำหรับข้าแล้ว ยากมาก ปีนั้นบังเอิญได้พบเจอกับผู้อาวุโสอาเหลียง จึงฝ่าคอขวดก่อกำเนิดไปได้ นั่นถือเป็นความโชคดีแล้ว ยึดคุณความชอบใหญ่ค้ำฟ้ามาเป็นของตน ผู้น้อยรู้สึกละอายใจมาโดยตลอด”
เดิมนึกว่าเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสจะพูดเหน็บแนมตนสักคำสองคำ คิดไม่ถึงว่าเฉินชิงตูจะพยักหน้า “เลื่อนเป็นขอบเขตเซียนเหรินไม่ใช่เรื่องง่าย อันที่จริงการฝ่าทะลุขอบเขตของผู้ฝึกกระบี่ก็ล้วนยากทุกขอบเขต”
เว่ยจิ้นถาม “เซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสพอจะชี้แนะผู้น้อยสักสองสามคำได้หรือไม่?”
เฉินชิงตูหันหน้ามามองบุคคลอันดับหนึ่งบนวิถีกระบี่ของแจกันสมบัติทวีป คนหนุ่มที่กล้ายอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าตัวเองถูกความรักพันธนาการผู้นี้
ส่วนเรื่องที่ว่าเว่ยจิ้นสามารถเลื่อนเป็นเซียนกระบี่ห้าขอบเขตบนตอนอายุสี่สิบปีในใต้หล้าไพศาลที่โชคชะตาบนวิถีกระบี่ค่อนข้างเบาบางได้นั้น เมื่อเอามาวางไว้ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จใหญ่ที่ถือว่าเก่งกาจมากแล้ว
เว่ยจิ้นทำได้อย่างไรกันแน่? นอกจากคุณสมบัติของตัวเองดีพอ ยังต้องยกคุณความชอบให้กับแผนการอันแยบยลที่เจ้าตะพาบอาเหลียงผู้นั้นถ่ายทอดให้ ลองเปิดปฏิทินเหลืองเล่มนั้นของกำแพงเมืองปราณกระบี่ดู จะต้องเห็นว่ามีกฎเหล็กต่อผู้ฝึกกระบี่ของใต้หล้าไพศาลระบุเอาไว้ แน่นอนว่าก่อนจะทำเช่นนั้นได้ต้องเป็นคนที่มีคุณสมบัติจะพลิกเปิดปฏิทินเหลืองนี้ด้วย แน่นอนว่าอาเหลียงไม่มีปัญหา พอเขาเปิดอ่านแทบจะหมดทั้งเล่มแล้วยังพูดให้ดูดีว่าบัณฑิตแอบอ่านตำราก็ยังถือว่าเป็นโจรที่สง่างาม
อาเหลียงช่วยให้เว่ยจิ้นให้วิธีการสองอย่างทับซ้อนกันอย่างการดึงเอาเสบียงปีหน้ามาใช้ก่อนและการบังคับช่วงชิงมา เสี่ยงอันตรายฝ่าทะลุขอบเขตก่อกำเนิด ช่วงชิงให้ตัวเองได้กลายเป็นผู้นำแห่งวิถีกระบี่ของแจกันสมบัติทวีปก่อนใคร หากจะว่ากันตามความหมายที่เข้มงวดแล้ว วิธีการเช่นนั้นไม่ถือว่าน่าดูนัก แล้วก็ไม่ถือว่าสูงส่งสักเท่าไร เฉินชิงตูมีชีวิตอยู่มานานนับหมื่นปี แน่นอนว่าสามารถมองทะลุรากฐานการฝึกตนของเว่ยจิ้นได้ในปราดเดียว คำกล่าวที่บอกว่าผู้แข็งแกร่งมีชะตาที่แข็งแกร่ง นับว่ายังจะพอมีเหตุผลอยู่บ้าง ขอแค่เว่ยจิ้นได้เลื่อนสู่ห้าขอบเขตบน จากนั้นอยู่ต่อที่แจกันสมบัติทวีปก็สามารถยึดครองอาณาเขตของทวีปหนึ่งมาได้ วางตนอยู่บนยอดเขา ลมฝนจากแปดด้านสี่ทิศเรียกเมื่อไหร่ก็ต้องมาหา สามารถช่วงชิงรากฐานวิถีกระบี่ของแจกันสมบัติทวีปมาได้อย่างเผด็จการ เว่ยจิ้นแค่ต้องทำไปตามลำดับขั้นตอน ถึงอย่างไรคุณสมบัติของตัวเขาเองก็ดีพออยู่แล้ว ร้อยปีต่อจากนี้แค่ค่อยๆ พัฒนาไป หากไม่เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น ขอบเขตเซียนเหรินก็หนีไม่พ้นแน่
เว่ยจิ้นผู้นี้มหัศจรรย์ก็ตรงที่ว่ารู้จักหยุดเมื่อพอสมควร ก็แค่ไปถามกระบี่กับเทียนจวินเซี่ยสือแห่งอุตรกุรุทวีปครั้งหนึ่งเพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่ตบะขอบเขตหยกดิบของตัวเอง จากนั้นก็สละบันไดบนมหามรรคาที่แค่เอื้อมมือคว้าก็ได้มาครองนี้ทิ้งไม่ยอมเดินต่อ กลับแล่นมาอยู่ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ หากไม่เป็นเพราะอิ่นกวานคนใหม่โผล่มากะทันหัน ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าเว่ยจิ้นจะต้องมารบตายอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ถึงท้ายที่สุดอย่างมากก็แค่ทิ้งเรื่องราวของเซียนกระบี่ที่ห่างไกลพร่าเลือนเรื่องหนึ่งไว้ให้แก่แจกันสมบัติทวีปเท่านั้น
เฉินชิงตูชื่นชมคนหนุ่มสาวที่เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด
ช่วงชิงสถานการณ์ใหญ่มาให้กับตัวเอง แล้วก็ตัดใจยอมตายได้!
ย้อนกลับมามองเจ้าตะพาบน้อยบางคนที่ตัดใจยอมตายไม่ได้ ก็แค่ยินดีจะใช้ชีวิตแบบอยู่ไม่สู้ตาย ไม่ยอมตายๆ ให้จบไป ในสายตาของเฉินชิงตู เขาพอจะยอมรับได้ ก็เหมือนตนนี่นะ
เฉินชิงตูได้ยินคำขอร้องของเว่ยจิ้นแล้วก็ไม่ได้รีบร้อนให้คำตอบ เพียงยิ้มเอ่ยว่า “เหตุใดต้องรอจนถึงวันนี้ถึงเพิ่งจะถาม? เจ้าเว่ยจิ้นฉลาดยิ่งนัก ให้เจ้าอาศัยอยู่ในกระท่อมหลังเล็กด้านหลังนั่น เจ้าเองก็น่าจะรู้ดีว่านี่ถือเป็นการยอมรับอย่างหนึ่งจากข้า ตอนแรกก็เฉาสือ แล้วก็ตามมาด้วยเฉินผิงอัน บวกกับเจ้า ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถเป็นเพื่อนบ้านของข้าเฉินชิงตูได้”
เว่ยจิ้นทอดสายตามองไปยังสนามรบทางทิศใต้ เอ่ยเสียงเบา “ในฐานะเซียนกระบี่เพียงหนึ่งเดียวของแจกันสมบัติทวีป ข้าหวังว่าจะเดินทางมาเยือนกำแพงเมืองปราณกระบี่ด้วยใจที่ไร้ปรารถนาไร้ความเห็นแก่ตัว สุดท้ายก็ออกไปจากกำแพงเมืองปราณกระบี่อย่างผึ่งผาย นี่คือข้อแรก นอกจากนี้ก็คือหวังว่าตัวข้าจะอาศัยการออกกระบี่แลกเปลี่ยนมาด้วยการชี้แนะจากเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโส ปีนั้นผู้อาวุโสอาเหลียงช่วยชี้แนะไขข้อข้องใจให้ข้า ข้าไม่หวังให้คราวหน้าที่ได้พบเจอกันจะทำให้ผู้อาวุโสอาเหลียงรู้สึกว่าปีนั้นเขาช่วยเหลือเศษสวะคนหนึ่ง แล้วเศษสวะผู้นั้นก็ยังคงไม่ได้ความ กลายมาเป็นเซียนกระบี่ที่เอาแต่นอนอยู่บนเสื่อขอบเขตรอความตายไปวันๆ”
คำพูดบางอย่าง เว่ยจิ้นไม่ได้เอ่ยออกมา
ปีนั้นผู้อาวุโสอาเหลียงเคยดื่มเหล้ากับเขาแล้วเอ่ยสัพยอกตน บอกว่าพวกคนที่ลุ่มหลงในรักของใต้หล้านี้ แท้จริงแล้วล้วนยากนักที่จะได้ครองรักกันจนแก่เฒ่า เพราะถึงอย่างไรด้ายแดงของผู้เฒ่าจันทราทุกวันนี้ก็พันกันมั่วซั่ว อีกทั้งยังไม่สามารถจับสตรีมัดขึ้นเกี้ยวได้ ถ้าอย่างนั้นก็ถอยไปหนึ่งก้าว ให้ตัวเองได้ดิบได้ดีสักหน่อย ให้แม่นางที่พลาดตนไปในปีนั้นรู้สึกเสียใจในอนาคต ไม่แน่ว่าวันหน้ายามที่นางทะเลาะกับสามีของตัวเองขึ้นมา นางจะได้พูดประโยคหนึ่งว่าปีนั้นมีใครๆๆ บ้างที่ก็เป็นคนที่ชื่นชอบข้าเหมือนกัน
เฉินชิงตูชอบความตรงไปตรงมาของเว่ยจิ้น ดังนั้นจึงยิ้มเอ่ยว่า “วันหน้าทุกๆ สามวันห้าวัน ทุกครั้งที่เจ้าสะสมคุณความชอบทางการสู้รบเล็กๆ ได้ ข้าก็จะถ่ายทอดวิชากระบี่หนึ่งบทให้แก่เจ้า ระดับขั้นไม่ต่ำ เป็นรากฐานมหามรรคาของสหายเก่าคนหนึ่งของข้าในอดีต”
เว่ยจิ้นกุมหมัดคารวะ ไม่ได้เอ่ยคำใด
ในสายตาของเว่ยจิ้น นิสัยใจคอและคำพูดคำจาของผู้ฝึกกระบี่ล้วนอยู่ที่การออกกระบี่
เฉินชิงตูส่ายหน้า “ไม่ค่อยมีคุณธรรมเท่าไรเลยนะ”
ผู้เฒ่าลูบคลึงปลายคาง จุ๊ปากพูด “ตอนแรกก็มีอาเหลียงมาคอยพูดกวนใจอยู่ข้างหู พอเขาจากไปก็มีเถ้าแก่รองมาแทนที่ ดูท่าเปลี่ยนจากฟุ่มเฟือยมาเป็นอดออมคงเป็นเรื่องยากจริงๆ”
เว่ยจิ้นกล่าวอย่างจนใจ “ผู้น้อยทำตามไม่ได้เลย”
ผู้เฒ่ายิ้มกล่าว “ไม่ต้องทำตาม อีกอย่างต่อให้คิดจะทำตามก็ใช่ว่าจะทำได้”
เว่ยจิ้นถาม “ผู้อาวุโสอาเหลียงจะกลับมาที่กำแพงเมืองปราณกระบี่หรือไม่?”
เฉินชิงตูย้อนถาม “เคยคิดหรือไม่ว่าเหตุใดอาเหลียงถึงได้สอนวิชาปิดด่านฝ่าด่านให้แก่เจ้า?”
เว่ยจิ้นตอบ “ผู้น้อยเคยคิดมาก่อน เพียงแต่คิดแล้วก็ยังไม่เข้าใจ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!