กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 652

ตรอกหนีผิง ตรอกซิ่งฮวา นั่นล้วนเป็นสถานที่ของคนมีความสามารถ มีแต่ยอดฝีมือถือกำเนิด

พูดถึงแค่เจ้าน้ำเต้าตันเฉินผิงอันผู้นั้น ในช่วงเวลาที่เขาเป็นเด็กหนุ่มก็แค่ไม่เคยปล่อยกระบวนท่าเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วความสามารถด้านนี้ของเขาได้ถูกเก็บสะสมเป็นกำลังภายในวันแล้ววันเล่า

เจิ้งต้าเฟิงอารมณ์ดีขึ้นมาโดยพลัน ซูเตี้ยนดื้อดึงเกินไป สือหลิงซานก็ซื่อเกินไป ในที่สุดก็มีคนที่เข้าใจพูดคุยมาเสียที สนุกล่ะทีนี้ เจิ้งต้าเฟิงขยับม้านั่งมาใกล้ธรณีประตูอีกนิด หัวเราะร่าเอ่ยว่า “หยางสู่ ได้ยินมาว่าเจ้าชอบไปจุดธูปที่ศาลเทพวารีแม่น้ำเถี่ยฝูเป็นประจำหรือ? รู้กฎของการจุดธูปที่แท้จริงหรือไม่? อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง เรื่องประเภทนี้จะต้องพิถีพิถันเรื่องวิถีเก่าๆ อยู่บ้างกระมัง? เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมต้องถือธูปด้วยมือซ้าย? แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าคือคนถนัดซ้าย หากเป็นเช่นนี้จะไม่ค่อยดีเท่าไร?”

คนหนุ่มที่มีชื่อว่าหยางสู่ใจแกว่ง เพียงแต่ว่าสีหน้ายังคงแสดงความดูแคลน คร้านจะพูดคุยด้วย

เจิ้งต้าเฟิงหัวเราะคิกคัก “สิบห้ารักและถนอมสตรีบ้านใกล้เรือนเคียง สามสิบชื่นชอบบุตรชายคนอื่น ห้าสิบหกสิบสะใภ้บ้านคนอื่นดี บ้านสามของตระกูลหยางช่างมีขนบธรรมเนียมที่ดีจริงๆ”

หยางสู่หน้าแดงก่ำทันใด คว้าลูกคิดรางนั้นขว้างใส่เจ้าตะพาบนั่นเต็มแรง

เจ้าประมุขบ้านสามของสุกลหยางมีชื่อเสียงที่ไม่ดีในแถบถนนฝูลวี่และตรอกเถาเย่จริงๆ เป็นคนมีเงินประเภทที่ว่า ‘ไม่ได้ผูกปมเอวกางเกง’

เจิ้งต้าเฟิงรับลูกคิดรางนั้นไว้ได้ “นี่เป็นเครื่องมือในการหาเงินของตระกูลหยางเจ้าเชียวนะ จะขว้างทิ้งไม่ได้เด็ดขาด หากกระแทกจนพังแล้วใครจะเป็นคนชดใช้? ข้ามันหนุ่มโสดยากจน ส่วนเจ้าก็แค่พอจะมีเงินเก็บอยู่บ้างเล็กๆ น้อยๆ ต่อให้ใส่ร้ายข้า แต่จะได้ผลหรือ? เจ้าว่าสุดท้ายแล้วต้องเป็นใครที่ได้ชดใช้ ทุกวันนี้เจ้ารอเหยียบน้ำขุ่น ไปหาเงินนอกรีตที่ผิดต่อมโนธรรมในใจที่เขตการปกครองเอาเถอะ ถ้าถามข้านะ อย่าไปจะดีกว่า ความรุ่งโรจน์และความเสื่อมถอยของตระกูล อยู่ที่ศีลธรรมจรรยาและมารยาท ไม่ได้อยู่ที่ยากดีมีจน ตั้งใจเรียนหนังสือเถอะ หากเจ้าไม่ได้เรื่องก็ให้กำเนิดลูกกระต่ายที่มีไอ้จ้อนสักสองสามคน ก็ยังมีหวังว่าจะพึ่งพาลูกหลานสร้างความรุ่งโรจน์ให้ตระกูลได้”

สีหน้าของหยางสู่เปลี่ยนมาเป็นเขียวคล้ำ โมโหจนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว

เจิ้งต้าเฟิงส่ายหน้า ยกมือข้างหนึ่งขึ้น “อย่ามาตีกับข้านะ ข้าลงมือไม่รู้หนักเบา ปล่อยหมัดนี้ออกไป คาดว่าเจ้าก็คงต้องเริ่มฝึกวิชาหมัดเมาแบบที่ว่าไร้อาจารย์ก็กระจ่างแจ้งได้เองแล้ว”

หยางสู่เตรียมจะเดินอ้อมโต๊ะคิดเงินออกมา ไม่ได้มาตีกับอีกฝ่าย แต่จะกลับบ้าน

ผ้าม่านพลันถูกเลิกขึ้น ผู้เฒ่าเอ่ยว่า “หยางสู่ เจ้ามาคิดเล็กคิดน้อยกับคนเฝ้าประตูคนหนึ่ง ไม่อายบ้างหรือ?”

หยางสู่แค่นเสียงเย็นชาในลำคอ แม้จะมีบันไดให้ลงแล้ว เขาก็ยังจะไปจากร้านตระกูลหยางอยู่ดี เพียงแต่ฝีเท้าเนิบช้า ก้าวเดินได้ค่อนข้างมั่นคง

กระทั่งหยางสู่เดินแนบติดประตูใหญ่ฝั่งหนึ่งก้าวข้ามผ่านธรณีประตูและเดินจากไปไกลในท้ายที่สุด หยางเหล่าโถวที่นานๆ ทีจะเดินออกมาด้านหน้าของร้านก็เดินมาที่หน้าประตู เอ่ยว่า “งัดข้อกับเศษสวะคนหนึ่ง สนุกนักหรือ? อีกฝ่ายฟังเข้าใจภาษาคนหรือไร?”

เจิ้งต้าเฟิงลุกขึ้นยืนนานแล้ว พยายามจะยืดเอวให้ตรงได้มากที่สุด

ผู้เฒ่ารับลูกศิษย์ เคารพครูบาอาจารย์ให้ความสำคัญกับควันธูป นี่คือเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง

เจิ้งต้าเฟิงเดินตามผู้เฒ่าเข้าไปที่เรือนด้านหลัง ผู้เฒ่าเลิกผ้าม่านขึ้น คนเดินผ่านธรณีประตูไปแล้วจึงปล่อยมือลงจากผ้าม่าน เจิ้งต้าเฟิงจับประคองผ้าม่านไว้เบาๆ คนเดินผ่านไปแล้ว แต่เขาก็ยังคงจับไว้อยู่ ก่อนจะปล่อยลงเบาๆ

หยางเหล่าโถวไปนั่งลงบนขั้นบันไดด้านหน้าห้องหลัก เคาะกระบอกยาสูบ หยิบถุงยาเส้นตรงเอวออกมา

เพียงไม่นานก็เริ่มพ่นควันโขมง

กระบอกยาสูบไม้ไผ่เล็กบางเป็นคนอื่นที่มอบให้ ส่วนใบยาเส้นนั้นเป็นเจ้าลูกกระต่ายน้อยหลี่ไหวที่นำมามอบให้ ผ่านไปนานหลายปี กระบอกยาสูบก็เปลี่ยนจากสีเขียวปลั่งราวกับจะเค้นน้ำออกมาได้ ถูกเสียดสี ถูกควันรมจนกลายเป็นสีไม้ไผ่เหลืองอ่อน

หยางเหล่าโถวเอ่ย “พื้นที่รากบัวเล็กๆ แห่งหนึ่ง ต่อให้ไปเยือน แต่จะมีความหมายอะไร”

เจิ้งต้าเฟิงกล่าว “จะดีจะชั่วก็เป็นใต้หล้าไพศาล”

หยางเหล่าโถวชำเลืองตามองลูกศิษย์คนนี้

ฉลาดเกินไป ไม่เคยเป็นเรื่องดี

เจิ้งต้าเฟิงเอ่ยอย่างจนใจ “ข้าจะเชื่อฟังอาจารย์”

เอาล่ะ คราวนี้ต้องได้ออกเดินทางไกลจริงๆ แล้ว

หยางเหล่าโถวเอ่ย “พอไปถึงที่นั่นก็เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เส้นทางจะเดินได้ยากยิ่งกว่าเดิม เพียงแต่ว่าขอแค่เส้นทางไม่ยากเกินกว่าจะเดิน ก็มักจะมีคนอยู่มาก การที่ให้ฟ่านจวิ้นเม่ากลายเป็นซานจวินขุนเขาใต้ ไม่ใช่เจ้า ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล”

ถึงอย่างไรเจิ้งต้าเฟิงก็พร้อมรับฟังคำสั่งสอนอยู่แล้ว

หยางเหล่าโถวถาม “เจ้าคิดว่าทำไมลัทธิขงจื๊อถึงต้องมาบุกเบิกใต้หล้าแห่งที่ห้าเอาในเวลานี้? ต้องรู้ว่าใต้หล้าแห่งนั้นถูกค้นพบมานานแล้ว”

เจิ้งต้าเฟิงตอบ “หลีกเลี่ยงไม่ให้กลายเป็นว่ากำลังเกิดศึกใหญ่ แต่เมธีร้อยสำนักไม่ให้ความช่วยเหลือ กลับกันยังคอยถ่วงแข้งถ่วงขา เก่งอยู่ในโปงผ้าห่มตัวเอง ตอนนี้อยู่ดีๆ ก็มีใต้หล้าอีกแห่งหนึ่งโผล่ขึ้นมา มีความสามารถก็ไปช่วงชิงกันเอาเอง”

หยางเหล่าโถวถามอีก “รู้หรือไม่ว่าเหตุใดถึงมีเพียงใต้หล้าไพศาลที่ยอมรับลัทธิเต๋าและลัทธิพุทธได้มากที่สุด? พูดถึงแค่ใต้หล้ามืดสลัวแห่งนั้น สำนักศึกษาของลัทธิขงจื๊อ วัดของลัทธิพุทธิเคยมีที่ให้หยัดยืนไหม?”

เจิ้งต้าเฟิงสีหน้าเคร่งเครียด คำถามข้อนี้ หากให้ตนเป็นคนคิดต้องไม่มีทางคิดหาคำตอบได้อย่างแน่นอน

หยางเหล่าโถวโบกมือปัดไล่ควันที่ลอยคลุ้ง เอ่ยถาม “ในอดีตข้าเคยด่าอริยะสามลัทธิว่าผีซิว (ปี่เซี่ยะ) ถูกไหม?”

เจิ้งต้าเฟิงพยักหน้ารับ

ผู้เฒ่ายิ้มกล่าว “ก็แค่ไม่รู้ว่าสรุปแล้วจะเป็นท่านไหนที่มาตบบ้องหูข้าก่อน”

อาจารย์ในทุกวันนี้ เมื่ออยู่กับตนกลับไม่ถือสาที่จะพูดให้เยอะขึ้นแล้ว

แต่เจิ้งต้าเฟิงกลับคิดถึงช่วงเวลาอันน่าเวทนาที่ ‘อาจารย์พูดน้อย ไม่เกินสิบคำ’ มากกว่า

เจิ้งต้าเฟิงพลันอึ้งตะลึง

หยางเหล่าโถวหัวเราะเสียงเย็น “ในที่สุดก็คิดออกแล้ว? บอกว่าเจ้าฉลาดสู้หลี่เอ้อไม่ได้ แต่เจ้ากลับไม่เคยยอมรับ”

หลี่เอ้อเคยเตือนเจิ้งต้าเฟิงว่าให้ลองคิดดูดีๆ ว่าเหตุใดอาจารย์ถึงไม่เคยพูดกับเจ้าเกินสิบคำ

ปีนั้นเจิ้งต้าเฟิงเป็นดั่งเงามืดใต้โคมไฟ รู้สึกแค่ว่าอาจารย์เห็นตนแล้วขวางหูขวางตา จึงไม่ยินดีจะพูดมากแม้แต่คำเดียว

สิบ

ขอบเขตสิบของผู้ฝึกยุทธ

ตอนนั้นตนใช้ขอบเขตเดินทางไกลขั้นสูงสุดของผู้ฝึกยุทธเดินทางลงใต้ไกลไปถึงนครมังกรเฒ่า เพื่อเฝ้าร้านยาฮุยเฉินแห่งนั้น ภายหลังเจอกับเฉินผิงอันก็ฝ่าทะลุขอบเขต อีกนิดเดียว ขาดอีกแค่นิดเดียวจริงๆ ก็จะฝ่าทะลุคอขวดสองขั้น เลื่อนจากขอบเขตแปดสู่ขอบเขตสิบโดยตรง!

หยางเหล่าโถวแค่นเสียงเย็น “ปีนั้นหากเจ้ามีความสามารถทำให้ข้าพูดเกินได้แม้แต่คำเดียว ป่านนี้ก็เป็นขอบเขตสิบไปนานแล้ว ไหนเลยจะมีเรื่องราวสกปรกมากมายอย่างในตอนนี้ เจ้าเตร็ดเตร่ไปนู่นไปนี่ส่งเดช กับฉีจิ้งชุนก็เคยถกถามปัญหา กับตาเฒ่าเหยาก็เคยคุยเล่นด้วย แล้วอย่างไร? ตอนนี้เป็นขอบเขตสิบหรือว่าขอบเขตสิบเอ็ดล่ะ? หืม คูณไปอีกสองก็น่าจะพอดีแล้ว”

เจิ้งต้าเฟิงค่อนข้างเคยชินกับอาจารย์ที่เป็นเช่นนี้มากกว่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!