เกี่ยวกับเรื่องนี้ อันที่จริงฮ่องเต้ต้าหลีเคยปรึกษาเรื่องนี้เป็นการเฉพาะอยู่ในห้องทรงพระอักษร หากไม่เป็นเพราะราชครูชุยฉานรู้สึกว่าความลับน้อยนิดแค่นี้ถูกเปิดโปงออกไปไม่ใช่เรื่องสำคัญเลยแม้แต่น้อย หรือควรจะบอกว่าชุยฉานหวังว่าจะอาศัยเรื่องนี้มาล่อปลาตัวใหญ่ให้งับเหยื่อ ไม่อย่างนั้นต่อให้สาวใช้ของเรือข้ามฟากผู้นั้นจะถูกคนแอบพาตัวไปอย่างเงียบเชียบ ด้วยการถักทอเส้นใยให้เป็นตาข่ายของรายงานต้าหลีในทุกวันนี้ ผู้ฝึกตนหญิงห้าขอบเขตล่างคนหนึ่ง ต่อให้มียอดฝีมือคอยให้การช่วยเหลือก็ยังยากที่จะหนีพ้นความตายอยู่ดี
จูเหลี่ยนถาม “เรื่องนี้ยุ่งยากมากเลยนะ”
เว่ยป้อยิ้มกล่าว “มันแน่นอนอยู่แล้ว ไม่ยุ่งยากข้าจะเรียกเจ้ามาหรือ? เรื่องแบบนี้มองดูเหมือนจะเล็กหรือใหญ่ก็ได้ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นการละเมิดข้อห้ามมากที่สุด”
จูเหลี่ยนเอ่ย “ก็ไม่ยุ่งยากเท่าไร แค่ให้ข้าแน่ใจเรื่องหนึ่งก่อนก็พอ”
เว่ยป้อพยักหน้ารับ “แค่เจ้ารู้ว่าต้องทำอย่างไรก็พอ ถึงอย่างไรชื่อเสียงของข้าก็ฉาวโฉ่ไปทั่วทุกหัวถนนอยู่แล้ว ไม่กลัวว่าจะมีเรื่องนี้เพิ่มเข้ามาหรอก”
จูเหลี่ยนส่ายหน้า “ไม่มีอะไรที่บังเอิญขนาดนี้ เอาเถอะ ข้ารู้ทาง เดี๋ยวข้าไปเอง เจ้ากลับภูเขาพีอวิ๋นไปเถอะ แสร้งทำเป็นว่าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น”
เว่ยป้อขมวดคิ้ว
จูเหลี่ยนเอ่ย “หากคิดจะให้ความสัมพันธ์ควันธูปยาวไกล ก็อย่าได้ย่ำยีมันเลย พี่เว่ย พวกเราเป็นสหายก็ส่วนสหาย เรื่องราวก็ส่วนเรื่องราว ในเมื่อเป็นสหายกัน เรื่องบางเรื่องก็ไม่ควรลากเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง”
เว่ยป้อยิ้มกล่าว “ถ้าอย่างนั้นข้าจะช่วยจับตามองบริเวณรอบๆ แท่นบูชากระบี่ให้ก่อน หากมีลมพัดใบไม้ไหว ถึงเวลานั้นพวกเราค่อยมาปรึกษากันว่าจะทำอย่างไร”
จูเหลี่ยนพยักหน้ารับ
สหายมีคุณธรรมมอบให้ ก็ต้องควรตอบแทนด้วยคุณธรรมที่มากกว่ากลับคืน
นี่ก็คือหลักจรรยาในยุทธภพ
ร่างของเว่ยป้อที่ได้ ‘คุมตัว’ คนกลุ่มหนึ่งจากริมอาณาเขตขุนเขาเหนือมาไว้ที่แท่นบูชากระบี่นานแล้วพลันหายวับไป
จูเหลี่ยนมองเห็นคนกลุ่มหนึ่งที่มีท่าทางเหนื่อยล้าจากการเดินทาง
ชุยเหวยผู้ฝึกกระบี่คอขวดโอสถทองจากกำแพงเมืองปราณกระบี่มึนงงไม่เข้าใจ ทำเพียงแค่คอยเฝ้าดูกลุ่มคนที่อยู่ดีๆ ก็มาปรากฏตัวบนภูเขากลุ่มนั้น
คุณชายคนหนึ่งที่มีแซ่สองพยางค์ว่าตู๋กู สาวใช้เหมิงหลง รวมไปถึงสตรีผู้หนึ่งที่มีชื่อว่าสือชิว
จูเหลี่ยนมาถึงแล้วก็พยักหน้าให้ชุยเหวย ฝ่ายหลังจึงขี่กระบี่จากไป
จูเหลี่ยนมองสตรีที่ชื่อจริงคือชุนสุ่ยแล้วถามว่า “แม่นางชุนสุ่ย ข้ามีแค่สองคำถาม ขอเจ้าช่วยตอบอย่างจริงใจ”
สาวใช้เหมิงหลงมีสีหน้าไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
แต่คุณชายที่มีใบหน้าซีดขาวกลับมีสีหน้าเป็นปกติ
ชุนสุ่ยพยักหน้ารับ
จูเหลี่ยนยิ้มถามด้วยสีหน้าเป็นมิตร “ข้อแรก เป็นตัวแม่นางชุนสุ่ยเองที่อยากจะมาหานายน้อยของข้าใช่หรือไม่? ข้อสอง มีความคิดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? หลังจากที่เรือข้ามฟากร่วงลงมา ก็เลยคิดจะมาหาคนคนเดียวที่เชื่อถือได้ในต่างบ้านต่างเมือง หรือเป็นเพราะทุกวันนี้ไม่มีทางไปอีกแล้วก็เลยจำเป็นต้องทำเช่นนี้?”
สายตาของชุนสุ่ยใสกระจ่าง เอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดจะมาหาเฉินผิงอัน การที่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนใจก็เพราะเดือดร้อนให้คุณชายตู๋กูต้องถูกไล่ฆ่า ข้าหวังเพียงว่าคุณชายตู๋กูจะมีชีวิตรอดต่อไปได้ เฉินผิงอันสามารถส่งตัวข้าให้แก่ราชวงศ์ต้าหลี”
ชุนสุ่ยหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วคลี่ยิ้มอย่างจริงใจ “อาจฟังดูไร้เสียงสาไปสักหน่อย แต่นี่กลับเป็นคำพูดจากใจจริงของข้า”
จูเหลี่ยนพยักหน้ารับ ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ข้าเชื่อแม่นางชุนสุ่ย”
จากนั้นผู้เฒ่าหลังค่อมที่ยิ้มตาหยีก็หันหน้ามา “เป็นเชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์จูอิ๋งที่ร่อนเร่พเนจรไปสี่ทิศ ใช่ไหม?”
คุณชายตู๋กูพยักหน้ารับ “เป็นเช่นนี้จริง มิกล้าโกหกผู้อาวุโส ชื่อจริงของข้าคือตู๋กูตวนซุ่น ตอนนี้ใช้นามแฝงว่าเส้าพอเซียน เป็นคนสิ้นแคว้น แต่เพราะยังไม่อยากตายจริงๆ ถึงได้คิดแผนเช่นนี้ ใช้บุญคุณมาข่มขู่แม่นางสือชิว ให้พาข้ามาที่ภูเขาลั่วพั่วเพื่อได้รับการคุ้มครอง”
จูเหลี่ยนถาม “รู้สึกว่าพอมาถึงภูเขาลั่วพั่วแล้วจะต้องมีชีวิตรอดต่อไปได้ หรือเพราะอับจนหนทางจึงเลือกใช้วิธีการส่งเดช?”
คุณชายตู๋กูเอ่ย “อย่างหลัง”
ตลอดทางที่พวกเขาสามคนหลบหนีมานี้ก็ถูกดักสังหารกลางทางถึงสองครั้ง ครั้งหนึ่งเป็นการพบเจอกันบนทางแคบอย่างไม่คาดฝัน ส่วนอีกครั้งหนึ่งเป็นผู้ฝึกตนติดตามกองทัพของต้าหลีที่มาดักรอเพราะตั้งใจ
จูเหลี่ยนยิ้มกล่าว “เจ้ามีบุญคุณใดต่อแม่นางชุนสุ่ย? ไหนลองเล่ามาสิ ข้าเป็นแค่คนที่ดูแลเรื่องยิบย่อยบนภูเขาลั่วพั่ว เรียนหนังสือมาน้อย ความรู้ตื้นเขิน จึงอยากจะขอความรู้จากคุณชายตู๋กูสักหน่อย”
ตู๋กูตวนซุ่นบื้อใบ้พูดไม่ออก
การที่ยอมเสี่ยงอันตรายช่วยพาตัว ‘สือชิว’ ออกมา แน่นอนว่าเจตนาของเขาไม่บริสุทธิ์ ไม่ใช่การผดุงคุณธรรมของผู้กล้าที่องอาจผึ่งผายอะไรอย่างแน่นอน
สีหน้าของสาวใช้เหมิงหลงขมขื่น
เหตุใดคุณชายของตนถึงต้องตกต่ำมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ด้วย?
จูเหลี่ยนเงียบไปครู่หนึ่งก็เอ่ยว่า “การเข่นฆ่าครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นที่ใด?”
ตู๋กูตวนซุ่นเอ่ย “บริเวณใกล้เคียงกับแคว้นหนันเจี้ยน ห่างจากจังหวัดหลงโจวต้าหลีไปไกลมาก การที่ถูกดักฆ่าก็เพราะในกลุ่มผู้ฝึกตนติดตามกองทัพของต้าหลีมีคนถือตราลัญจกรหยกสืบทอดแคว้นราชวงศ์จูอิ๋งแล้วสืบสาวเบาะแสมาจนพบเจอตัวข้า หลังจากผ่านการเข่นฆ่าครั้งนั้น ข้าแสร้งทำเป็นเดินทางลงใต้ไปก่อน ระหว่างทางข้าสะบั้นเส้นสายมังกรของฟ้าดินเล็กในร่างกายตัวเองทิ้ง แล้วแอบเดินทางขึ้นเหนือ ต้าหลีน่าจะไม่ได้จับตามองดูอยู่”
คำพูดของคนหนุ่มเรียกได้ว่ากระชับได้ใจความ
ส่วนความอันตรายอย่างใหญ่หลวงที่พบเจอและค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายไปนั้น ไม่มีค่าพอให้นำมาเอื้อนเอ่ย
จูเหลี่ยนถาม “เส้าพอเซียน เจ้ายินดีที่จะใช้ชีวิตอยู่รอดไปวันๆ ในพื้นที่คับแคบ หรือพร้อมกระโจนเข้าสู่ความตายอย่างกล้าหาญเพื่อกอบกู้แคว้น?”
ตู๋กูตวนซุ่นยิ้มเอ่ย “คำถามนี้ของผู้อาวุโสเกินความจำเป็นแล้ว”
จูเหลี่ยนพยักหน้ารับ มองไปยังสตรีผู้ฝึกตนของอุตรกุรุทวีปที่ชาติกำเนิดน่าเวทนา ยิ้มเอ่ยว่า “แม่นางชุนสุ่ย รู้หรือไม่ว่าเจ้าทำแบบนี้จะนำปัญหาที่ใหญ่มากมาให้แก่นายน้อยของข้า?”
ชุนสุ่ยกำลังจะเปิดปากพูด
แต่จูเหลี่ยนกลับยิ้มเอ่ยขึ้นมาก่อน “เจ้าคิดอย่างไร ก่อนหน้านี้ก็บอกมาแล้ว ข้าความจำไม่เลว ฟังแล้วก็เข้าใจได้ ดังนั้นตอนนี้ข้าแค่จะพูดเรื่องที่เป็นความจริงเท่านั้น”
ชุนสุ่ยพยักหน้า กัดริมฝีปากแน่นจนเลือดซึมออกมา
มือข้างหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในชายแขนเสื้อของนางกำวัตถุชิ้นหนึ่งเอาไว้แน่นจนแขนข้างนั้นสั่นสะท้านเบาๆ
นอกจากต้องการตอบแทนบุญคุณช่วยชีวิตของตู๋กูตวนซุ่นแล้ว อันที่จริงนางเองก็มีความเห็นแก่ตัวอยู่ด้วย
นางหวังว่าจะสามารถนำของชิ้นหนึ่งมาส่งมอบให้ที่ภูเขาลั่วพั่ว หลังจากนั้นต่อให้ภูเขาลั่วพั่วจะนำตัวนางไปขอคุณความชอบจากสกุลซ่งต้าหลี นางก็ไม่คิดอะไรมากอีก
จูเหลี่ยนหัวเราะ กวาดตามองรอบด้าน
แท่นบูชากระบี่มีต้นลูกพลับป่าขึ้นมากมาย ยามเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว บนกิ่งสูงของแต่ละต้นมีลูกพลับสีแดงเพลิงห้อยย้อยเป็นพวง มองแล้วน่ารักน่าเอ็นดู
ที่บ้านเกิดอย่างพื้นที่มงคลรากบัวนั้น ต้นพลับจะมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่ง เป็นชื่อที่มีเอกลักษณ์อย่างมาก หลิงซวงโฮ่ว
สุดท้ายจูเหลี่ยนมองหญิงสาวที่มีสีหน้าเลื่อนลอย “หากนายน้อยของข้าอยู่ที่นี่ด้วยจะต้องดีใจมากแน่ๆ ที่ได้กลับมาพบกับแม่นางชุนสุ่ยอีกครั้งหลังจากลากันไปนาน”
จูเหลี่ยนเอ่ยประโยคนี้จบก็ไปจากแท่นบูชากระบี่
สาวใช้เหมิงหลงเอ่ยเสียงเบา “คุณชาย นี่คือ?”
ตู๋กูตวนซุ่นยิ้มอย่างโล่งใจ “พึ่งพาอยู่ใต้ชายคาคนอื่น ขอข้าวคนเขากินก็ไม่เลวเหมือนกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!