สรุปเนื้อหา บทที่ 655.1 จูเหลี่ยนยามเยาว์วัย – กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet
บท บทที่ 655.1 จูเหลี่ยนยามเยาว์วัย ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
นอกนครลมเย็น บนเนินเขาขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ชานเมืองรกร้าง ภายใต้ต้นท้อป่าที่ตั้งตระหง่านอย่างเดียวดาย คนสองคนกำลังใช้ตาใหญ่จ้องตาเล็ก
หลิ่วชื่อเฉิงถลึงตาอย่างดุดัน ซึ่งไม่ได้ถ่วงรั้งการยกมือเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าของเขาแม้แต่น้อย
ชุดคลุมเต๋าสีชมพูที่อยู่บนร่างของหลิ่วชื่อเฉิงนั้นสามารถประชันความงามกับดอกท้อได้เลย
ผู้ฝึกตนอิสระก่อกำเนิดที่ถูกคุมตัวมาถึงที่นี่ พอเปิดเผยรูปโฉมที่แท้จริงแล้วกลับกลายเป็น ‘เด็กหนุ่ม’ เรือนกายเล็กเตี้ย เพียงแต่ว่ามีเส้นผมสีขาวโพลน ทำให้ใบหน้าดูแก่ชรา
จุดที่น่าประหลาดใจก็คือบนเข็มขัดหยกขาวลายชือหลงของเขาห้อยขวดเล็กขวดน้อยกับหยกประดับโบราณเอาไว้เป็นพวงยาว
คนผู้นี้ร่างกายโงนเงนจะล้มมิล้มแหล่ แต่ก็ยังฝืนประคับประคองตัวเองหยัดยืนให้ไหว ด้วยกลัวว่าหากเอียงหัวหรือขาสั่นจะถูกนักพรตชุดชมพูเบื้องหน้าผู้นี้ตบให้ตายด้วยฝ่ามือเดียว
อารมณ์ของเขาในเวลานี้ก็เหมือนเผชิญหน้ากับอาหารเลิศรสที่วางเต็มโต๊ะ กำลังจะสวาปาม แต่จู่ๆ กลับถูกคนคว่ำโต๊ะ ไม่เพียงแต่ต้องส่งทั้งชามทั้งตะเกียบยื่นไปให้อีกฝ่าย โต๊ะตัวนั้นยังกระแทกใส่เขาจนหัวปูด
กระทั่งบัดนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าตนเองขอบเขตถดถอยได้อย่างไร! จากคอขวดก่อกำเนิดหล่นมาสู่ช่วงเวลาอันน่าเวทนาที่เพิ่งจะสร้างโอสถทองได้
ที่น่าประหลาดยิ่งกว่านั้นก็คืออีกฝ่ายมีวิชาอภินิหารเลิศล้ำขนาดนี้ แต่กลับดูเหมือนว่าเขาเองก็บาดเจ็บสาหัสเหมือนกัน? ปัญหาคือตนไม่ได้ลงมือเลยสักนิดนะ?
และเขาเองก็เคยเป็นวีรบุรุษของพื้นที่หนึ่ง เคยเป็นไท่ซ่างหวงอย่างสมชื่อที่อยู่เบื้องหลังแคว้นเล็กๆ หลายแห่ง ชอบอำพรางตัวตนเพื่อค้นหาสมบัติไปทั่ว อยู่ในแจกันสมบัติทวีปจึงพอจะมีชื่อเสียงอยู่บ้าง เคยประมือกับหลี่ถวนจิ่งแห่งสวนลมฟ้ามาก่อน เคยรับกระบี่ของอีกฝ่ายหลายที โชคดีที่รอดมาได้ ถูกเทพเซียนลัทธิเต๋าของสำนักโองการเทพท่านหนึ่งไล่ฆ่าไกลเป็นหมื่นลี้ แต่ก็ยังไม่ตาย ในอดีตเคยเป็นทั้งมิตรทั้งศัตรูกับหลิวเหล่าเฉิงของทะเลสาบซูเจี่ยน เคยไปบุกซากปรักตระกูลเซียนในพื้นที่ลับของแคว้นสู่โบราณด้วยกัน เพราะแบ่งทรัพย์สินกันได้ไม่เท่าเทียมจึงถูกหลิวเหล่าเฉิงที่ขอบเขตเท่ากันเล่นงานจนชีวิตหายไปครึ่งหนึ่ง ภายหลังต่อให้หลิวเหล่าเฉิงจะเดินขึ้นฟ้าได้ในก้าวเดียว เขาก็ยังไปลอบสังหารลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเกาะกงหลิ่วที่ออกจากเกาะไปหาประสบการณ์ได้หลายคน หลิวเหล่าเฉิงหาตัวเขาไม่เจอจึงได้แต่ยอมรามือไป ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเรียกได้ว่าเต็มไปด้วยสีสันตระการตา ไม่ว่าเรื่องประหลาดอะไรก็ล้วนเคยผ่านมาหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยเจอเรื่องไหนที่ทำให้คนมึนงงไม่เข้าใจได้เท่ากับเรื่องในวันนี้ อีกฝ่ายเป็นใคร ลงมืออย่างไร เหตุใดถึงต้องมาที่นี่ แล้วตนจะต้องกายดับมรรคาสลายไปนับแต่นี้หรือไม่…
หลิ่วชื่อเฉิงสะบัดเลือดบนมือทิ้ง ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ข้าต้องขอบคุณเจ้านะ”
ผู้ฝึกตนอิสระที่มีรูปลักษณ์เป็น ‘เด็กหนุ่ม’ เห็นว่าผู้อาวุโสตรงหน้าคือเทพเซียนลัทธิเต๋า จึงทำตามความชื่นชอบของอีกฝ่ายด้วยการคารวะก้มกราบ แล้วเอ่ยเบาๆ ว่า “ผู้น้อยไฉ่ป๋อฝู ฉายาหลงป๋อ เชื่อว่าผู้อาวุโสน่าจะเคยได้ยินมาบ้าง”
เดินไม่กี่ก้าวก็หดย่อภูเขาแม่น้ำ หายใจสูดรวมก้อนเมฆยักษ์มาไว้ด้วยกั
คำกล่าวนี้ก็คือพูดถึงผู้ฝึกตนอิสระหลงป๋อที่มีชื่อเสียงเลื่องลือผู้นี้ เชี่ยวชาญด้านการลอบฆ่าและหลบหนี อีกทั้งยังเชี่ยวชาญการโจมตีด้วยวิชาน้ำ เล่าลือกันว่าเคยช่วงชิงบนมหามรรคากับหลิวจื้อเม่าแห่งทะเลสาบซูเจี่ยน และยังแย่งเอาวิชาลับตระกูลเซียนที่เลิศล้ำค้ำฟ้ามาได้บทหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายต่างก็ลงมือกันอย่างอำมหิต ไม่มีกักเก็บออมแรงใดๆ เกือบจะตีกันจนสมองกระจาย
หลิ่วชื่อเฉิงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเอ่ย “ได้ยินกับท่านปู่เจ้าสิ ข้าผู้อาวุโสชื่อหลิ่วชื่อเฉิง เป็นคนของแคว้นป๋ายสุ่ย เจ้าเคยได้ยินหรือไม่?”
ไฉ่ป๋อฝูแข็งใจตอบ “ผู้น้อยมีความรู้ตื้นเขิน ถึงได้ไม่เคยได้ยินชื่อเสียงยิ่งใหญ่ของผู้อาวุโส”
หลิ่วชื่อเฉิงทรุดตัวนั่งลงบนพื้น เอนหลังพิงต้นท้อ สีหน้าเศร้าสร้อย “เก็บขี้ไก่ในรอยแตกของก้อนหิน ขุดหาขี้หมาข้างดินโคลน กว่าจะสั่งสมตบะน้อยนิดเท่านี้มาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย แค่ฝ่ามือเดียวก็หายวับไป ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว เจ้าฆ่าข้าให้ตายเถอะ”
ไฉ่ป๋อฝูไม่ขยับตัว เขาไม่ถึงขั้นแสร้งทำสีหน้าหวาดกลัว ยิ่งไม่คิดจะพูดจาซื่อสัตย์จริงใจอะไร เผชิญหน้ากับพวกคนที่มีอิสระเสรีที่ตบะสูงอย่างถึงที่สุด ทว่าชื่อเสียงกลับไม่โด่งดังประเภทนี้ ข้อห้ามใหญ่ที่สุดในการคบค้าสมาคมกับพวกเขาคือการทำตัวอวดฉลาด วาดงูเติมขา
หลิ่วชื่อเฉิงเริ่มหลับตาทำสมาธิ ใช้หัวโขกต้นท้อเบาๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า พลางพึมพำว่า “ฟันต้นท้อให้หักโค่น ทำลายบรรยากาศดีๆ ไปเสียเลย”
จากนั้นหลิ่วชื่อเฉิงก็ยกฝ่ามือข้างหนึ่งตบหน้าตัวเองเต็มแรงราวกับต้องการปลุกให้มีสติ รอยยิ้มค่อยๆ คลี่กว้าง “ควรดีใจถึงจะถูก บนโลกนี้จะมีคนที่รอดพ้นหายนะใหญ่มาได้โดยไม่ตายอย่างข้าเสียที่ไหน จากนี้ต้องมีโชคดี จากนี้ต้องมีโชคดีครั้งใหญ่อย่างแน่นอน!”
หลิ่วชื่อเฉิงลุกขึ้นยืน เปลี่ยนจากท่าทางซึมกะทือมาเป็นกระปรี้กระเปร่าทันใด เอวยืดอกตั้ง สะบัดชายแขนเสื้อ คีบเอาธูปสามดอกออกมา จากนั้นก็มองผู้ฝึกตนอิสระที่ยืนอยู่ที่เดิมอย่างโง่งมแล้วเริ่มทำตาใหญ่ถลึงใส่ตาเล็กอีกครั้ง “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก จะมาถ่วงเวลาการจุดธูปกราบไหว้เทพเซียนของข้าหรือ?”
หลิ่วชื่อเฉิงพลันสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง “ไม่ได้ๆ ต้องทำตัวดีๆ กับคนอื่น ต้องมีมารยาทกับผู้อื่น ต้องใช้หลักการเหตุผลของบัณฑิต”
ไฉ่ป๋อฝูขยับห่างไปทีละก้าว พอห่างออกไปห้าหกจั้งแล้วถึงได้กล้าหยุดยืนนิ่ง
ไม่รู้สึกอัดอั้นแม้แต่น้อย ผู้ฝึกลมปราณที่มีชาติกำเนิดมาจากผู้ฝึกตนอิสระ สามารถมายืนอยู่ในตำแหน่งของไฉ่ป๋อฝูได้นั้น ใครบ้างที่จะไม่มีกลอุบายเสียเลย
หลี่ถวนจิ่งแห่งสวนลมฟ้าเคยยิ้มเอ่ยว่า ใต้หล้านี้คนที่ฝึกจิตใจได้อย่างลึกล้ำที่สุดไม่ใช่เซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูล แต่เป็นผู้ฝึกตนอิสระ น่าเสียดายก็แต่จำต้องเดินไปบนเส้นทางนอกรีต ไม่อย่างนั้นก็จะมีความหวังบนมหามรรคามากที่สุด
หลิ่วชื่อเฉิงเก็บความคิดทั้งหมด ละทิ้งความคิดอันวุ่นวายซับซ้อนแล้วเริ่มท่องคาถา จากนั้นใช้นิ้วมือขยี้ปลายธูป ค่อยๆ จุดไฟช้าๆ มองดูคล้ายหลิ่วชื่อเฉิงทำพิธีสามกราบต่อฟ้าดิน
แต่แท้จริงแล้วหนึ่งกราบมีต่อศาลบรรพจารย์นครจักรพรรดิขาวที่มีพระคุณในการสืบทอดมรรคาให้แก่ตน
กราบที่สองมอบให้แก่บุรุษลัทธิขงจื๊อชุดเขียวที่ส่งกระบี่ใส่ตนในวัดโบราณ วิชากระบี่ของอีกฝ่ายสูงส่ง ปราณแห่งความเที่ยงธรรมยิ่งใหญ่บริสุทธิ์ดั้งเดิม เคยพบเห็นเพียงครั้งเดียวในชีวิต
กราบที่สามมอบให้แก่ ‘นักพรตวัยกลางคน’ ที่มีพลานุภาพสวรรค์ยิ่งใหญ่เกรียงไกรผู้นั้น
กู้ช่านที่ระมัดระวังตัวตามความเคยชิน ตอนที่ทะยานลมมาถึงก็เห็นหลิ่วชื่อเฉิงที่ไม่ได้จงใจอำพรางลมปราณ จึงพลิ้วกายลงบริเวณใกล้เคียงกับต้นท้อป่า รอกระทั่งหลิ่วชื่อเฉิงกราบไหว้ครบสามครั้งแล้วถึงเอ่ยว่า “หากเกิดหนึ่งในหมื่นล่ะ จะทำไปเพื่ออะไร”
หลิ่วชื่อเฉิงไม่เอ่ยคำใด รอกระทั่งธูปในมือเผาไหม้จนหมดถึงได้กลับคืนมามีสีหน้าตามปกติ ยิ้มตาหยีเอ่ยว่า “เอาน่าๆ เจ้าก็อย่าสาดเกลือลงบนบาดแผลข้าเลย เวลานี้ข้าเจ็บปวดใจนักล่ะ”
กู้ช่านไม่คิดจะมองผู้ฝึกตนอิสระคนนั้นให้เต็มตา แต่ประโยคถัดมาของเขากลับแสดงให้เห็นถึงนิสัยและจิตใจที่แท้จริง “จะเก็บไว้ทำไม?”
หลิ่วชื่อเฉิงยิ้มถาม “กู้ช่าน เจ้าอยากกลายเป็นศิษย์น้องของข้าหรือศิษย์หลานล่ะ?”
กู้ช่านเอ่ย “นี่ไม่ใช่เรื่องที่ข้าจะเลือกได้ จะพูดถึงทำไม”
กู้ช่านในช่วงเวลาหลายปีมานี้ หากคนแปลกหน้าพบเจอเขาครั้งแรกจะรู้สึกว่าเขาคือบัณฑิตที่อ่อนโยนนอบน้อม คือคนหนุ่มที่ได้รับการอบรมสั่งสอนอย่างดีมาจากครอบครัว
เพียงแต่กู้ช่านจับมือเดินทางขึ้นเหนือกับหลิ่วชื่อเฉิงในครั้งนี้ อยู่ด้วยกันนานวันเข้า แต่ละคนมีสันดานแบบใด อีกฝ่ายล้วนกันรู้ดีอยู่แก่ใจ
หากกู้ช่านบอกว่าตัวเองไม่จดจำความแค้นในวันนี้ นั่นก็คือการหมิ่นเกียรติหลิ่วชื่อเฉิง
นามกู้ช่านนี้ ไฉ่ป๋อฝูเคยได้ยินมาก่อน หลักๆ แล้วเป็นเพราะเกี่ยวข้องกับหลิวจื้อเม่าสกัดคงคาเจินจวิน เล่าลือกันว่าเมื่อหลายปีก่อนในฐานะที่กู้ช่านเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของหลิวจื้อเม่า เด็กตัวเท่าก้นคนหนึ่งกลับได้ครอบครองเจียวน้ำขอบเขตก่อกำเนิด เปิดฉากสังหารอย่างฮึกเหิมอยู่ในทะเลสาบซูเจี่ยน เพียงแต่ไม่รู้ว่าเหตุใดภายหลังถึงได้เงียบหายไปกะทันหัน เจียวน้ำหายตัวไป กู้ช่านเองก็หายเข้ากลีบเมฆไปด้วย จากนั้นตลอดทั้งทะเลสาบซูเจี่ยนก็ถูกผู้ฝึกตนต่างถิ่นเป็นดั่งนกพิราบที่มายึดรังนกกางเขน กลายเป็นอาณาเขตของสำนักเบื้องล่างสำนักกุยหยกแห่งใบถงทวีป ใครที่ปฏิบัติตามรุ่งโรจน์ ใครที่ขัดขืนคาดว่าคงถูกสำนักเจินจิ้งโยนให้เป็นอาหารปลาไปหมดแล้ว คนที่มองสถานการณ์ใหญ่ออกอย่างชัดเจน ดูเหมือนว่าได้อาบน้ำเทพเซียนอยู่ในทะเลสาบซูเจี่ยน ชำระล้างคราบของผู้ฝึกตนอิสระออกจนเกลี้ยงเกลา สะบัดตัวทีหนึ่งก็กลายมาเป็นเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลของตระกูลเซียนอักษรจงของแท้แน่นอน
ไฉ่ป๋อฝูรู้สึกว่าช่วงนี้ดวงของตนย่ำแย่ถึงขีดสุดจริงๆ
เหตุใดถึงมาเจอเจ้ามารน้อยผู้นี้ได้นะ? แล้วเหตุใดกู้ช่านถึงมีความเกี่ยวข้องกับมังกรข้ามแม่น้ำอย่างหลิ่วชื่อเฉิงและนครจักรพรรดิขาวได้?
หลิ่วชื่อเฉิงชี้ไปที่กู้ช่าน “เป็นหรือตาย ต้องถามว่าที่ศิษย์น้องเล็กของข้าคนนี้”
ยิ่งผลสำเร็จบนมหามรรคาของกู้ช่านสูงเท่าไร หลิ่วชื่อเฉิงก็จะได้หวนกลับคืนนครจักรพรรดิขาวอย่างราบรื่นมากเท่านั้น
กู้ช่านเอ่ย “ตายไปแล้วก็ไม่ต้องตายอีก”
หลิ่วชื่อเฉิงพลันหลุดหัวเราะพรืด
คำกล่าวนี้แปลกใหม่ไม่น้อย
ไฉ่ป๋อฝูเอ่ยเสียงทุ้มหนัก “กู้ช่าน เหตุใดเจ้าต้องบีบบังคับกันถึงเพียงนี้? ยืนกรานจะสังหารข้า? ต่อให้ข้ามีความแค้นเก่ากับอาจารย์ของเจ้า เจ้าเป็นผู้ฝึกตนอิสระ ข้าเองก็เหมือนกัน เรื่องน้อยนิดแค่นี้จะนับเป็นอะไรได้?”
หลิ่วชื่อเฉิงเอ่ยอย่างมีเลศนัย “น้องหลงป๋อ เจ้ากับหลิวจื้อเม่า?”
ไฉ่ป๋อฝูเอ่ย “เพื่อช่วงชิงคัมภีร์สกัดคงคา…”
กล่าวมาถึงตรงนี้ ไฉ่ป๋อฝูพลันเอ่ยอย่างกระจ่างแจ้ง “กู้ช่าน หรือว่าหลิวจื้อเม่าเห็นเจ้าเป็นผู้สืบทอดควันธูปจริงๆ? แล้วเจ้าก็เรียนวิชาจากคัมภีร์นั้นมาแล้ว จึงกลัวว่าหากข้าอยู่ข้างกายเจ้าจะส่งผลให้เกิดความขัดแย้งบนมหามรรคา ทำลายโชควาสนาของเจ้า?”
ไฉ่ป๋อฝูพูดพึมพำกับตัวเองว่า “หลิวจื้อเม่าใจแคบยิ่งกว่าไส้ไก่ เขานึกอยากจะสังหารผู้ฝึกตนทั้งหมดบนเส้นทางเดียวกันในใต้หล้าแล้วด้วยซ้ำ จะยอมถ่ายทอดวิชาอันเป็นรากฐานของมหามรรคาให้เจ้าได้อย่างไร?”
แน่นอนว่ากู้ช่านไม่คิดจะบอกเรื่องวงในแก่อีกฝ่าย ปีนั้นหลิวจื้อเม่าไม่มั่นใจในการปิดด่านฝ่าทะลุขอบเขตของตน เพราะมีความเป็นไปได้สูงว่าต้องลาจากโลกนี้ไป ไม่อย่างนั้นมีหรือที่หลิวจื้อเม่าจะยินดีมอบคัมภีร์วิชาน้ำเล่มนั้นให้กู้ช่าน แล้วมีหรือที่หลิ่วชื่อเฉิงซึ่งเป็นเจ้าของคัมภีร์ตัวจริงจะตามมาหากู้ช่านถึงบ้าน
หลิ่วชื่อเฉิงถูกชุยฉานเล่นงาน หลังจากหลุดพ้นพันธนาการก็เคยรับลูกศิษย์ที่ได้รับการบันทึกชื่อไว้คนหนึ่ง เด็กหนุ่มผู้นั้นเคยเป็นลูกศิษย์ของมารเฒ่าหมี่ นามว่าหยวนเถียนตี้ น่าเสียดายก็แต่หลิ่วชื่อเฉิงทุ่มเทความคิดจิตใจ แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่ดีนัก เขาละอายเกินกว่าที่จะนำอีกฝ่ายมาอยู่ข้างกาย จึงเอาไปทิ้งไว้บนภูเขาลูกเล็กลูกหนึ่ง ปล่อยเด็กหนุ่มคนนั้นไปตามยถากรรม ข้างกายเด็กหนุ่มยังมีภูตจิ้งจอกน้อยอยู่ตัวหนึ่ง ตอนที่หลิ่วชื่อเฉิงจากพวกเขามาไม่ได้มอบสิ่งใดให้แก่ลูกศิษย์ที่ได้รับการบันทึกชื่อ แต่กลับมอบวิชาการฝึกตนวิชาหนึ่งให้แก่ภูตจิ้งจอกน้อยและวัตถุป้องกันกายสองชิ้น แต่คาดว่าการฝึกตนของนางในวันหน้าก็คงจะไม่มานะขันแข็งไปยังไง ส่วนหยวนเถียนตี้จะสามารถเรียนรู้วิชาที่อยู่ในมือของนางได้หรือไม่ สุดท้ายแล้วทั้งสองฝ่ายจะมีบุญคุณความแค้นต่อกันอย่างไร หลิ่วชื่อเฉิงล้วนไม่สนใจ บนเส้นทางของการฝึกตนล้วนต้องดูที่โชควาสนาทั้งนั้น
หลิ่วชื่อเฉิงไม่ถือสาที่จะเป็นบุรุษใจร้ายของสตรีหน้าตางดงาม แต่กลับไม่ยินดีที่จะเป็นพ่อนอกสมรสให้ใคร ในอดีตที่ยอมให้ภูตจิ้งจอกน้อยมาเป็นผู้ช่วย ไม่ใช่ว่าหลิ่วชื่อเฉิงสงสารนาง แต่เป็นเพราะเขาสงสารตัวเอง
หลังจากที่หลิ่วชื่อเฉิงสลัดหยวนเถียนตี้ทิ้งไปแล้วก็ออกเดินทางไปเพียงลำพัง คิดไม่ถึงว่าคัมภีร์สกัดคงคาของตนเล่มนั้นจะตกมาอยู่ในมือของผู้ฝึกตนอิสระอย่างหลิวจื้อเม่า และอีกฝ่ายก็ยังได้ดิบได้ดีไม่น้อย ทำให้ได้ยศสกัดคงคาเจินจวินมาครอง
บนเส้นทางของชีวิตคน มักจะต้องมีดอกไม้ที่ตั้งใจปลูกแต่บุปผาไม่เบ่งบาน ปักกิ่งหลิวอย่างไม่เจตนาแต่กิ่งหลิ่วกลับดกหนาเป็นร่มเงาอยู่เสมอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!