ร้านตระกูลหยาง หลี่เอ้อ เจิ้งต้าเฟิง ซูเตี้ยน สือหลิงซาน ลูกศิษย์เหล่านี้ต่างก็ทยอยกันออกเดินทางไกล หยางเหล่าโถวมีความสุขที่ได้อยู่อย่างสงบ หยางสู่ที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าของร้านเป็นคนที่ฟังภาษาคนไม่เข้าใจ หยางเหล่าโถวจึงคร้านจะพูดกับอีกฝ่ายมากเกินจำเป็น แน่นอนว่าหยางสู่เองก็ไม่ยินดีจะตีสนิทกับตาเฒ่าสกปรกผู้นี้ด้วย ตะพาบนอนอยู่ในรัง กลับคิดไปว่าตัวเองเป็นคนจริงๆ หากไม่เป็นเพราะบรรพบุรุษตระกูลหยางเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าแก่ในอดีต ร้านที่กิจการซบเซาเช่นนี้ ปีๆ หนึ่งจะได้เงินสักกี่แดงกัน? หากเปลี่ยนให้เขาหยางสู่มาเป็นเจ้าประมุขตระกูล ป่านนี้คงคิดบัญชีกับอีกฝ่ายไปนานแล้ว
เว่ยป้อ หร่วนฉงพากันมาเยือนที่ร้านแทบจะเวลาเดียวกัน
คนหนึ่งคือซานจวินของขุนเขาเหนือ อีกคนหนึ่งคืออริยะผู้เฝ้าพิทักษ์ ทั้งคู่ต่างก็มาเยือนอย่างเงียบเชียบ
หร่วนฉงนั้นค่อนข้างจะทำตัวตามสบาย นั่งดื่มเหล้าอยู่บนม้านั่งยาวใต้ชายคา ครั้งนี้ซิ่วซิ่วกลับบ้านได้นำสุราดีกลับมาด้วย อันที่จริงเวลาปกติเขาตัดใจดื่มไม่ค่อยลงนัก
เว่ยป้อยืนอยู่ด้านหนึ่งของม้านั่งยาว สีหน้าเคร่งเครียด
ม้านั่งยาวที่อยู่ข้างกายตัวนี้มีอริยะหลายท่านเคยมานั่ง
หยางเหล่าโถวนั่งอยู่บนบันไดนอกห้องหลักฝั่งตรงข้าม ไอหมอกขาวลอยอบอวล
หร่วนฉงเก็บกาเหล้า พูดเข้าประเด็นทันที “หากซิ่วซิ่วไม่ได้ไปที่โรงเรียน ข้าก็คงไม่มา”
หยางเหล่าโถวยิ้มเอ่ย “ข้าไม่อาจควบคุมนางได้ หร่วนฉง เรื่องนี้ต้องโทษตัวเจ้าเอง”
หร่วนฉงพยักหน้า มีคำตอบนี้แล้ว ขอแค่ไม่ใช่แผนการของหยางเหล่าโถวก็เพียงพอแล้ว
ทว่าเว่ยป้อกลับยิ่งอารมณ์หนักอึ้ง พันธมิตรตามธรรมชาติอย่างหร่วนฉงหายไป ซานจวินตัวเล็กๆ อย่างเขาย่อมต้องกดดันอย่างมาก
บอกตามตรง คบค้าสมาคมกับผู้อาวุโสท่านนี้ ไม่ว่าใครก็ไม่รู้สึกผ่อนคลายทั้งนั้น
หยางเหล่าโถวเอากระบอกยาสูบเคาะลงบนขั้นบันได เอ่ยว่า “เจ้านครจักรพรรดิขาวอยู่ที่เมืองหลวงต้าหลี กำลังมองมาที่นี่ ไม่แน่ว่าเพียงชั่วพริบตาก็อาจมาเยือนที่นี่แล้ว”
หร่วนฉงขมวดคิ้วแน่น
เว่ยป้อถาม “ทางฝั่งของราชครู?”
หยางเหล่าโถวหัวเราะทันใด “เดาความคิดจิตใจของซิ่วหู่ผู้นั้นได้ วันหน้าซานจวินอย่างเจ้าทำเรื่องใดๆ ก็จะผ่อนคลายได้จริงหรือ? ข้าว่าไม่แน่เสมอไปหรอก ในเมื่อเป็นเช่นนี้จะคิดมากไปไย”
ยามที่ถ้ำสวรรค์หลีจูกำลังจะปริแตก โชควาสนาทั้งหลายกระจัดกระจายไม่อยู่นิ่ง เคลื่อนไปตามคน
ก็เหมือนกับเครื่องกระเบื้องชิ้นหนึ่งหล่นจากโต๊ะหนังสือกระแทกพื้น เศษกระเบื้องน้อยใหญ่จึงกระจายไปสี่ด้านแปดทิศ
โชควาสนาบนมหามรรคาที่ใหญ่ที่สุดห้าส่วน แบ่งออกเป็นของบุตรสาวโทนของอริยะหร่วนฉง หรือก็คือกำไลมังกรเพลิงบนข้อมือของหร่วนซิ่ว
หนีชิวน้อยที่กู้ช่านขอมาจากเฉินผิงอันเมื่อครั้งอดีต แล้วเอามาเลี้ยงไว้ในอ่างน้ำบ้านตัวเอง พอถูกหลิวจื้อเม่าพาตัวออกไปจากเมืองเล็ก หนีชิวน้อยที่อยู่ในทะเลสาบซูเจี่ยนก็สูบพลังบำรุงตัวเองอย่างกำเริบเสิบสาน พอกลายร่างเป็นมนุษย์จึงถูกตั้งชื่อว่าถานเซวี่ย
งูสี่ขาที่มีเขางอกบนหน้าผากซึ่งอยู่ข้างกายซ่งจี๋ซินและสาวใช้จื้อกุย
ปลาหลีสีทองที่เกาเซวียนองค์ชายต้าสุยซื้อไปจากมือหลี่เอ้อ ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง ยังได้ข้องราชามังกรที่ระดับขั้นสูงอย่างถึงที่สุดไปอีกหนึ่งใบ
รวมไปถึงจ้าวเหยาเด็กรับใช้ของอาจารย์ฉีที่โดยสารวัวเทียมเกวียนเดินทางออกจากเมืองเล็กไปนานแล้ว ปีนั้นนอกจากมังกรไม้ บนร่างของเด็กหนุ่มยังแอบซ่อนตราประทับอักษรชุนที่อาจารย์ของตนมอบให้เป็นของขวัญก่อนจากลาอีกชิ้นหนึ่งด้วย
มองภายนอกขาดก็แค่จ้าวเหยาคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้อยู่ในบ้านเกิด
แต่แผนการของชุยฉานย่อมไม่มีช่องโหว่เช่นนี้แน่นอน
สกุลเกาต้าสุยลงนามพันธมิตรภูเขากับสกุลซ่งต้าหลี นั่นคือหมากกระดานหนึ่ง ในฐานะตัวประกัน ภายใต้การปกป้องคุ้มครองของบรรพบุรุษสกุลเกาเกอหยาง เกาเซวียนได้มาขอศึกษาต่อที่สำนักศึกษาหลินลู่บนภูเขาพีอวิ๋นนานหลายปีแล้ว ปลาหลีสีทองตัวนั้นถูกเลี้ยงอยู่ในลำธารสายหนึ่งในหุบเขามาโดยตลอด เห็นได้ชัดว่าราชสำนักต้าหลีกำชับลำคลองหลงซวีและแม่น้ำเถี่ยฝู รวมถึงเทพภูเขาสามองค์ซึ่งมีซ่งอวี้จางเป็นหนึ่งในนั้นว่าห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้แก่คนนอก
ทะเลสาบซูเจี่ยนก็คือหมากอีกกระดาน กู้ช่านอยู่บนกระดานนั้น หร่วนซิ่วติดตามผู้ฝึกตนหน่วยจานกานของต้าหลีเดินทางลงใต้ไล่สังหารเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีชะตาบู๊โชติช่วง แต่กลับถูกคนพาตัวออกไปจากฝ่ายบู๊ต้าหลี หร่วนซิ่วเองก็เกือบจะเข้าไปอยู่ในสถานการณ์นั้นด้วย เมื่อคลื่นลมมรสุมของทะเลสาบซูเจี่ยนผ่านไป มารดาของกู้ช่านตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ เลือกจะย้ายกลับบ้านเกิด สุดท้ายมาลงหลักปักฐานอยู่ที่เขตการปกครอง ใช้ชีวิตอันร่ำรวยสุขสบายอีกครั้ง เหตุผลนั้นมีอยู่สามข้อ เป็นข้อเสนอจากเฉินผิงอัน เป็นความคล้อยตามของกู้ช่าน และตัวสตรีออกเรือนแล้วเองก็อกสั่นขวัญผวาไม่คลาย หวาดกลัวในขนบธรรมเนียมประจำพื้นที่ของทะเลสาบซูเจี่ยนไปแล้ว ข้อสอง บิดาของกู้ช่านตายไปได้กลายเป็นเทพ อันดับแรกก็ไปสะสมคุณความชอบอยู่ที่จวนของผีสาวสวมชุดแต่งงานก่อน ภายหลังได้เลื่อนขั้นเป็นเทพภูเขาของอดีตขุนเขาเก่าแห่งหนึ่งของต้าหลี หากได้กลับบ้านเกิด ชีวิตก็จะมั่นคงขึ้นมาก ข้อที่สาม กู้ช่านต้องการให้มารดาของตนอยู่ไกลจากสถานที่อันตราย ส่วนลึกในจิตใจของกู้ช่านไม่เคยเชื่อใจหลิวจื้อเม่าผู้เป็นอาจารย์ของตน หรือหลิวเหล่าเฉิงผู้ถวายงานอันดับหนึ่งของสำนักเจินจิ้ง
ส่วนซ่งจี๋ซิน ตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่เคยออกไปจากกระดานหมากมาก่อน แล้วเขาจะไม่ใช่หมากบนกระดานได้อย่างไร?
และจ้าวเหยาจะเป็นข้อยกเว้นไปได้อย่างไร เขาจะหนีพ้นจากแผนการของชุยฉานจริงๆ หรือ?
หร่วนฉงจากไป
เว่ยป้อกลับไม่ยินดีจะกลับไปยังภูเขาลั่วพั่วทั้งอย่างนี้
การมารวมตัวกันครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและแปลกประหลาดเกินไป ตอนนี้เจ้าขุนเขาหนุ่มเดินทางไกลไปอยู่กำแพงเมืองปราณกระบี่ เจิ้งต้าเฟิงก็ไม่อยู่บนภูเขาลั่วพั่ว เว่ยป้อกลัวก็แต่ว่าการเปลี่ยนใจไม่ไปพื้นที่มงคลรากบัวของเจิ้งต้าเฟิงจะมาจากการวางแผนอย่างตั้งใจของผู้อาวุโสท่านนี้ ตอนนี้แท้จริงแล้วเสาหลักของภูเขาลั่วพั่วเหลือแค่จูเหลี่ยนคนเดียว ถึงอย่างไรเขาเว่ยป้อก็เป็นได้แค่แขกของศาลบรรพจารย์บนยอดเขาจี้เซ่อไปตลอดกาล ไม่อาจมีตำแหน่งที่นั่งในนั้นได้
หยางเหล่าโถวยิ้มเอ่ย “เว่ยซานจวิน บุญคุณจากโชควาสนาในอดีตครานั้น เหตุใดถึงตอบแทนบุญคุณมาถึงขั้นนี้เลยเล่า?”
เว่ยป้อยิ้มเจื่อน “รบกวนผู้อาวุโสเอ่ยประโยคที่จริงใจกับข้าสักคำ หากครั้งนี้ไม่ได้จงใจหาเรื่องภูเขาลั่วพั่ว ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะไม่รบกวนเวลาอันเงียบสงบของผู้อาวุโสอีกแล้ว”
หยางเหล่าโถวคิดแล้วก็เอ่ยว่า “พอจะมีความเกี่ยวข้องอยู่บ้าง เพียงแต่หัวหอกไม่ได้หันเข้าหาภูเขาลั่วพั่ว ชุยฉานไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น แล้วนับประสาอะไรกับที่เจ้าไม่เชื่อใจชุยฉาน แต่ก็ควรจะเชื่อใจชุยตงซาน”
เว่ยป้อมีสีหน้าจนใจ เขาไม่เคยเชื่อใจเด็กหนุ่มชุดขาวที่ทั้งคำพูดและการกระทำพิลึกพิลั่นผู้นั้นเลยจริงๆ
สุดท้ายหยางเหล่าโถวเอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ควรจะเชื่อภาพเหมือนสามภาพที่แขวนอยู่ในศาลบรรพจารย์ยอดเขาจี้เซ่อกระมัง”
เว่ยป้อเหมือนได้กินยาสงบใจเม็ดหนึ่งกะทันหัน หัวสมองพลันเปิดโล่ง ประสานมือขอบคุณ
หยางเหล่าโถวเอ่ย “อยู่ในภูเขาสายน้ำในเมฆขาวมานาน มองดูเหมือนเป็นเทพเซียนที่มีอิสระเสรี แต่แท้จริงแล้วทั้งเมฆและไอน้ำล้วนเป็นม่านบังตา เว่ยซานจวินจะไม่ตรวจสอบไม่ได้นะ”
เว่ยป้อกุมหมัดอีกครั้ง ยิ้มเอ่ย “ทัศนียภาพงดงามบนโลกมนุษย์ เป็นทั้งสิ่งบังตา แล้วก็สามารถบำรุงสายตาได้เช่นกัน ในเมื่อได้เปรียบมาแล้วก็ไม่คิดจะเรียกร้องอะไรอีก”
หยางเหล่าโถวยิ้มเอ่ย “เว่ยซานจวินช่างมีนิสัยที่ดี เป็นคนง่ายๆ สบายๆ เสียจริง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!