บทที่ 663.2 จากไปแล้วหวนกลับมา – ตอนที่ต้องอ่านของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!
ตอนนี้ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 663.2 จากไปแล้วหวนกลับมา จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ชายแขนเสื้อชุดผ้าป่านเนื้อหยาบของหลิวชาสะบัดดังพึ่บพั่บ ชายฉกรรจ์เคราดกแหงนหน้าเอ่ย “ไปอยู่ฟ้านอกฟ้า สังหารเทวบุตรมารนอกโลกพวกนั้นมาตั้งมาก ผลกลับมีฝีมือแค่นี้เองหรือ? แล้วยังบอกว่าด้วยว่าเต๋าเหล่าเอ้อร์มรรคกถาไม่สูง ไม่สมชื่อเอาเสียเลย?”
อาเหลียงยิ้มกล่าว “เพราะเป็นสหายถึงได้พูดกับเจ้าอย่างจริงใจ หากเจ้าคิดอย่างนี้จริงๆ เจ้าก็ต้องตายแน่”
หลิวชาส่ายหน้า ถึงกับเก็บกระบี่เล่มนั้นลงไป กุมกระบี่ไว้ในมือแล้วปล่อยให้ปราณกระบี่สองสายกระแทกชนตัวเอง
ชายฉกรรจ์เคราดกไม่เก็บออมฝีมืออีกต่อไป เริ่มรวบรวมปราณกระบี่มาเป็นของตน
มั่นคงดุจหินผา ดุจเสาหินที่ตั้งอยู่ท่ามกลางกระแสสายชล ต่อให้ปราณกระบี่ของเจ้าจะเหมือนน้ำท่วมไหลบ่า แต่วิถีกระบี่ของข้าหลิวชากลับเป็นดั่งภูเขาตั้งตระหง่าน แม่น้ำปราณกระบี่สองสายที่พุ่งมาอย่างดุดันปะทะกับเรือนกายของหลิวชาแล้วก็เริ่มอ้อมผ่านไปด้วยตัวเอง กระเทือนให้เกิดคลื่นปราณกระบี่โถมตัวกระบี่สูงหลายสิบจั้ง
แค่เคยได้ยิน หรือไม่ก็เคยเห็นกับตามาก่อนว่าปราณกระบี่ของจั่วโย่วมีมากอย่างถึงที่สุด เป็นอันดับหนึ่งในหลายๆ ใต้หล้า หลังจากที่จั่วโย่วมาฝึกประสบการณ์อยู่ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ยังถึงขั้นสามารถรวบรวมปณิธานกระบี่ที่บริสุทธิ์ของตัวเองให้กลายเป็นของจับต้องได้จริง
แต่หลิวชาในเวลานี้กลับใช้วิถีกระบี่มารวมตัวเป็นร่างจริง
อาเหลียงหัวเราะ
จากนั้นระหว่างเขากับชายฉกรรจ์เคราดกก็ปรากฎแม่น้ำยาวแห่งกาลเวลาที่เป็นมายาล่องลอยที่สุดในโลกสายหนึ่ง ทว่าพอมันเผยตัวขึ้นกลับเปล่งประกายดุจแก้วใสแวววาว
แม่น้ำยาวทั้งสายเหมือนกระบี่บินเล่มใหญ่ยักษ์ที่บิดหมุนห่อหุ้มหลิวชาเอาไว้ภายใน ราวกับว่าพาร่างของเขาเข้าไปอยู่ในฝักกระบี่ ส่วนตัวเขาเองก็เป็นคนเอากระบี่ยาวสอดใส่ฝักไปอีกครั้ง
แม่น้ำยาวแห่งกาลเวลาที่เดิมทีสอดคล้องกับมหามรรคาแห่งฟ้าดินมากที่สุด ไม่รู้ว่าพอถูกอาเหลียงกระชากดึงออกมาจึงเริ่มถูกมหามรรคาของใต้หล้าเปลี่ยวร้างผลักไสหรือไม่ ถึงเป็นเหตุให้บริเวณโดยรอบของแม่น้ำสายยาวเกิดภาพบรรยากาศของการสยบกำราบจากสัจธรรมแห่งมหามรรคาจำนวนนับไม่ถ้วน จุดที่ทั้งสองฝ่ายเชื่อมโยงถึงกันมีแม่น้ำยาวแห่งกาลเวลาเจ็ดสีเหมือนก้อนน้ำแข็งที่ปริแตกอย่างต่อเนื่อง ทว่าถึงแม้ตลอดทั้งแม่น้ำแห่งกาลเวลาจะถูกบีบคั้นกดทับ กลับยิ่งนานก็ยิ่งแข็งแกร่งแน่นหนา ราวกับว่าบนฟ้าดินพลันบังเกิดกระบี่ยาวเล่มหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นจากร่างทองแก้วใสของขอบเขตบินทะยาน
ผู้เฒ่าชุดเทาทอดถอนใจเอ่ยชื่นชม “ช่างเป็นวิธีการที่ดีนัก”
บัณฑิตซึ่งเอาแต่ตั้งใจสอนตำราอริยะปราชญ์ให้แก่ลูกศิษย์ ไม่เคยสนใจเรื่องภายนอกซึ่งเวลานี้อยู่ในกระโจมทัพแห่งหนึ่งก็เงยหน้าขึ้น จ้องมองสนามรบจุดที่ห่างไปไกลอย่างละเอียด
อาเหลียงเงยหน้าขึ้น
หลิวชาที่ร่างจริงถูกกักตัวเอาไว้ชั่วคราว วิถีแห่งกระบี่ค่อยๆ ถูกลดทอนให้สลายหายไป แน่นอนว่าไม่มีทางนิ่งเฉยรอความตายง่ายๆ แบบนี้
กายธรรมที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางฟ้าดินร่างหนึ่งมีเพียงครึ่งร่างเท่านั้นที่โผล่พ้นมาจากพื้นดิน ใช้ท่าสองมือจับกระบี่เงื้อกระบี่ฟันลงไป ปลายกระบี่พุ่งเข้าหาอาเหลียง พริบตาเดียวก็พุ่งมาถึง
ตรงซากกระโจมทัพอันเก่าก่อนหน้านี้ก็มีหลิวชาคนหนึ่งเผยกาย ประกบสองนิ้วเข้าด้วยกัน หลอมรวมปณิธานกระบี่ขึ้นเป็นกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง
ตอนแรกสุดอาเหลียงเคยยิ้มเอ่ยว่า ยอดฝีมืออย่างหลิวชา ตนเองสู้ได้แค่ไม่กี่คนเท่านั้น
แต่หลิวชาที่มีร่างจริงวิถีกระบี่ จิตหยางกายนอกกาย บวกกับจิตหยินเดินทางไกล หนึ่งคนแบ่งร่างเป็นสามเช่นนี้ ถึงอย่างไรนี่ก็ไม่เท่ากับหลิวชาที่มีฝีมืออยู่บนยอดเขาสูงสุดสามคน
แต่ไหนแต่ไรมาอาเหลียงก็มักจะวางท่าว่า หากตนไม่สู้ก็คงต้องถูกคนอื่นซ้อมอยู่เสมอ
ต่อให้ในบรรดาคู่ต่อสู้ที่ต้องประมือกันจะมีต่งซานเกิงแห่งกำแพงเมืองปราณกระบี่ แล้วก็มีหลิวชาแห่งใต้หล้าเปลี่ยวร้างที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ แล้วยังมีผู้ไร้เทียมทานที่แท้จริงน่าไม่อายของใต้หล้ามืดสลัวผู้นั้นอีก
วินาทีถัดมา
กายธรรมร่างใหญ่โตมโหฬารเกินจริงที่สามารถเรียกได้ว่าค้ำฟ้ายันดินมาปรากฎตัวอยู่เบื้องหลังหลิวชา มือข้างหนึ่งกดศีรษะของฝ่ายหลังเอาไว้ กระแทกหัวอีกฝ่ายผลุบจมหายเข้าไปในพื้นดิน
ก่อนที่อาเหลียงจะออกจากกำแพงเมืองปราณกระบี่ เขาต้องการบอกกับหลิวชามาโดยตลอดว่า ตนไม่มีกระบี่ที่เหมาะมือสักที นี่อาจมีผลกระทบอยู่บ้าง แต่ขอแค่คู่ต่อสู้เองก็ไม่มีหนึ่งในกระบี่เซียนอยู่ในมือ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรมากนัก
ในอดีตเพราะไม่ได้พบเจอกันบนสนามรบ เป็นสหายกับหลิวชา อาเหลียงจึงไม่สะดวกจะพูดเรื่องนี้
คำพูดคำจาโผงผางเกินไป ก็ง่ายที่จะไร้สหาย
ขณะเดียวกัน ‘อาเหลียง’ ที่มือข้างหนึ่งกดหัวกายธรรมของหลิวชา มืออีกข้างหนึ่งที่ถือกระบี่ก็ฟันฉับลงไป บนแนวเส้นนั้นมีกระโจมทัพตั้งอยู่แปดหลังพอดี
ปีศาจใหญ่บนบัลลังก์สามท่านอย่างป๋ายอิ๋ง ผู้เฒ่าแบกทวนยาว เทพเกราะทอง ต่างคนต่างลงมือต้านทานกระบี่นั้น
อาเหลียงยิ้มแป้นพูดหน้าเป็น “เผ่นดีกว่า เผ่นดีกว่า”
แม่น้ำยาวแห่งกาลเวลาที่ถูกอาเหลียงหลอมขึ้นเป็นกระบี่ยาวพลันปริแตกออก
จุดที่กายนอกกายของหลิวชายืนอยู่ อยู่ดีๆ ก็มีแสงกระบี่เส้นหนึ่งพุ่งออกไปแล้วชนเข้าที่กำแพงของกำแพงเมืองปราณกระบี่
แม้แต่แม่น้ำยาวสีทองเส้นนั้นก็ยังถูกหนึ่งกระบี่ทะลุให้เป็นรู
หลังจากแสงกระบี่หายไปก็มีคนผู้หนึ่งนอนคว่ำอยู่บนหัวกำแพงเมือง ก่อนจะค่อยๆ ไถลร่วงลงมา
ผู้เฒ่าชุดเทามาหยุดอยู่ข้างร่างจริงของหลิวชา ชำเลืองตามองชายฉกรรจ์เคราดกที่มีเลือดซึมออกจากมุมปาก ยิ้มเอ่ยว่า “เพราะฉะนั้นถึงได้บอกยังไงล่ะว่า คราวหน้าที่ออกกระบี่อย่ามัวกระบิดกระบวนอีก”
หลิวชาพยักหน้ารับ
กายธรรมของจิตหยินที่ออกจากช่องโพรงลมปราณเดินทางไกล และจิตหยางกายนอกกายที่ถูกอาเหลียงฟันกระบี่ใส่ล้วนกลับคืนมาอยู่ในร่างเดียวกัน
ชายฉกรรจ์ที่ถูกหนึ่งกระบี่ ‘ส่งไปถึง’ บนหัวกำแพงเมือง ก่อนหน้านี้เขามาอยู่บนตัวอักษร ‘เหมิ่ง’ พอดี จากนั้นก็ไถลลื่นลงมา ระหว่างนั้นยังไม่ลืมแอบถ่มน้ำลายลงบนฝ่ามือ เอียงหัวหมุนซ้ายขยับขวา จัดแต่งเส้นผมบนศีรษะและตรงจอนหูอย่างระมัดระวัง ต่อสู้กับคนอื่นต้องมีสิ่งที่แสวงหา แสวงหาอะไร? แน่นอนว่าต้องเป็นมาดของความสง่างาม
จำได้ว่าตอนอยู่ที่ภูเขาห้อยหัว ดูเหมือนจะมีแม่นางน้อยขายเหล้าของพื้นที่มงคลหวงเหลียงคนหนึ่ง ปีนั้นนางพูดว่าอะไรแล้วนะ ดูเหมือนจะบอกว่าพอเห็นโฉมหน้าของเขาแล้วก็คล้ายว่ามีกวางเล็กตัวหนึ่งวิ่งชนสะเปะสะปะอยู่บนเส้นทางหัวใจของนาง
ถ้อยคำที่ออกมาจากใจจริงแบบนี้สามารถรับเอาไว้ได้ ส่วนความรักความชื่นชอบจากพวกสตรีทั้งหลายนั้นก็ช่างเถิด
อาเหลียงลุกขึ้นยืน เอ่ยเสียงเบา “ข้าคนนี้เป็นอาจารย์ของคนอื่นไม่ได้มากที่สุด แต่หากเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสยืนกรานจะเรียนรู้ให้ได้ ข้าก็คงต้องฝืนใจลองสอนดูสักครั้ง”
เว่ยจิ้นเลื่อมใสอีกฝ่ายอย่างยิ่ง
ไม่ว่าจะเป็นการออกกระบี่ก่อนหน้านี้ หรือคำพูดคำจาในเวลานี้ ล้วนไม่เสียแรงที่เป็นผู้อาวุโสอาเหลียง
ผู้เฒ่าชำเลืองตามองอาเหลียง
หัวกำแพงเมืองพลันสั่นสะเทือน อาเหลียงไม่ได้อยู่ที่เดิมแล้ว เผ่นหนีเพื่อความปลอดภัย
เพียงแต่ว่าทิศทางที่ผู้อาวุโสอาเหลียงหนีไป ผิดที่ผิดทางไปหน่อยไหม?
ขนาดเว่ยจิ้นก็ยังอ้าปากค้าง อดไม่ไหวถามว่า “เซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโส นี่คือ?”
เฉินชิงตูเหลือบมองเว่ยจิ้น “มองไม่ออกรึ? ก็ตีกันน่ะสิ”
เว่ยจิ้นพูดไม่ออก
เฉินชิงตูเหลือบตามองรุ้งยาวที่พาดอยู่กลางอากาศโดยมีจุดเริ่มต้นคือหัวกำแพงเมือง อาเหลียงพุ่งทะยานไปรวดเร็วรุนแรงเกินไป ยิ้มถามว่า “ปีนั้นเขาเดินทางไปท่องเที่ยวที่แจกันสมบัติทวีป ไม่เคยบอกกับเจ้าหรือว่า เขาชอบถูกพวกขอบเขตบินทะยานรวมกลุ่มกันซ้อมเขามากที่สุด?”
เว่ยจิ้นเงียบไปครู่หนึ่ง สีหน้าปั้นยาก “ปีนั้นอาเหลียงบอกกับผู้น้อยว่า เขาที่อยู่ในกำแพงเมืองปราณกระบี่ซึ่งมีเซียนกระบี่มากมายดุจก้อนเมฆ ก็ยังถือว่าเป็นคนที่ต่อสู้เก่ง สรุปก็คือต้องได้อยู่ห้าสิบอันดับแรกอย่างแน่นอน แถมยังบอกข้าว่าห้ามรู้สึกว่าเขาคุยโวเด็ดขาด เป็นการพูดที่…มีหลักมีฐานน่าเชื่อถือมาก”
ดังนั้นตอนแรกเว่ยจิ้นถึงได้เข้าใจว่าตัวเองเจอนักต้มตุ๋น แต่โชคดีที่คำอธิบายช่วยไขข้อข้องใจเกี่ยวกับวิถีกระบี่ของผู้อาวุโสอาเหลียงในเวลานั้น แม้มองดูเหมือนเป็นการพูดเหลวไหล แต่กลับทำให้เว่ยจิ้นได้รับผลประโยชน์อย่างใหญ่หลวง เขาถึงได้อดทนข่มกลั้นไม่ออกกระบี่หยั่งเชิงอีกฝ่าย หลังจากนั้นมาก็มีการเดิมพันเล็กๆ ของผู้อาวุโสอาเหลียง เว่ยจิ้นที่พ่ายแพ้จึงต้องเสียน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ไป จากนั้นเขาก็เริ่มปิดด่าน แล้วก็ได้เลื่อนขั้นเป็นห้าขอบเขตบนได้สำเร็จจริงๆ หลังออกจากด่านมาแล้ว เว่ยจิ้นย่อมเกิดความเลื่อมใสต่อกำแพงเมืองปราณกระบี่ไปโดยปริยาย อยากจะมาดูให้เห็นกับตาตัวเองว่ากำแพงเมืองปราณกระบี่ที่เท่ากับว่ามีผู้อาวุโสอาเหลียงห้าสิบคนเป็นสถานที่แบบใดกันแน่
จู่ๆ เฉินชิงตูก็เอ่ยขึ้นว่า “นอกจากเรียกตัวเองว่ามือกระบี่อย่างภาคภูมิใจมาโดยตลอด อาเหลียงยังเป็นบัณฑิตคนหนึ่งด้วย”
ร่างของบุรุษคนนั้นขยับห่างออกไป ข้ามผ่านแม่น้ำยาวสีทองเส้นนั้น หลังจากเขาหล่นกระแทกลงบนพื้นหนักๆ กองทัพใหญ่เผ่าปีศาจที่อยู่รอบด้านตะลึงกันไปพักใหญ่ จากนั้นก็รีบถอยหนีแตกฮือเหมือนน้ำลง บางคนเผ่นหนีสุดชีวิต บางคนชักเท้าวิ่งตะบึง บางคนทะยานลม บางคนขี่กระบี่ มีครบทุกรูปแบบ
เจ้าชาติสุนัขมาอีกแล้ว!
บุรุษเชิดหน้าขึ้นสูง สองมือลูบเส้นผม ถามเองตอบเองว่า “ยังมีหล่อกว่านี้ได้อีกหรือ? ไม่ได้โม้นะ ไม่มีใครหล่อมากกว่านี้ได้อีกแล้ว!”
ระหว่างที่พูดพื้นที่โดยรอบซึ่งมีเขาเป็นจุดศูนย์กลางก็ปรากฏพายุหมุนขึ้นมาจากพื้นดิน ยิ่งนานก็ยิ่งขยายใหญ่ สุดท้ายมืดฟ้ามัวดิน คือกระบี่บินที่เกิดจากการรวมตัวกันของปณิธานกระบี่นับไม่ถ้วนซึ่งกำลังรวมตัวกันเป็นค่ายกล
ค่ายกลกระบี่ไม่ถูกมหามรรคาของใต้หล้าเปลี่ยวร้างสยบกำราบเลยแม้แต่น้อย
หลังออกห่างจากกำแพงเมืองปราณกระบี่มาไกล บินทะยานไปยังฟ้านอกฟ้า ใช้หมัดสังหารเทวบุตรมารนอกโลกไปนับไม่ถ้วน แล้วยังเดิมพันด้วยชีวิตต่อสู้กับเต๋าเหล่าเอ้อร์ เดิมทีก็เดินขึ้นสู่ยอดสูงสุดของวิถีกระบี่ได้แล้ว ทว่าเวลานี้กลับสูงขึ้นไปอีกขั้น สูงจนเชื่อมโยงสู่ฟากฟ้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!