บทที่ 666.1 ไม่ใช่คนในตำรา
คนต่างถิ่นสองคนดื่มเหล้าของต่างบ้านต่างเมือง
อาเหลียงเปิดปากพูดสัพยอกขึ้นมาก่อนว่า “ฟื้นตัวเร็วขนาดนี้เชียว เรือนกายของผู้ฝึกยุทธเต็มตัวร้ายกาจจริงๆ”
การฟื้นตัวของเส้นเอ็นกระดูกและเลือดเนื้อ จิตวิญญาณที่วุ่นวายเริ่มเข้าสู่สภาวะมั่นคงสงบนิ่ง การซ่อมแซมบำรุงกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตด้วยความอบอุ่น ทั้งสามอย่างนี้ล้วนพัฒนาอย่างรวดเร็วจนอยู่เหนือการคาดการณ์ของอาเหลียงจริงๆ
เฉินผิงอันกล่าวอย่างจนใจ “ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย นึกแล้วก็ยังหวาดหวั่นไม่หาย”
ไม่เพียงแต่ผู้ฝึกกระบี่ของกำแพงเมืองปราณกระบี่เท่านั้นที่เลือกจะส่งข่าวลับไปยังกระโจมทัพของใต้หล้าเปลี่ยวร้างด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน ทางฝั่งของกองทัพใหญ่เผ่าปีศาจก็มีผู้ฝึกตนนำรายงานข่าวมาเปิดโปงแก่กำแพงเมืองปราณกระบี่เหมือนกัน
เมื่อผ่านศึกนี้ไป ผู้ฝึกกระบี่ที่มีพรสวรรค์ห้าคนของกระโจมเจี่ยเซิน ทางฝั่งของคฤหาสน์หลบร้อนก็ได้ทำการประเมินพลังการสู้รบที่แท้จริงซึ่งละเอียดยิ่งกว่าเดิมออกมาอีกฉบับหนึ่งแล้ว
แน่นอนว่าการที่อิ่นกวานหนุ่มใช้วิธีการอันเป็นสมบัติก้นกรุของกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตสองเล่ม ทุกวันนี้กระโจมทัพหลายแห่งของใต้หล้าเปลี่ยวร้างก็ต้องรู้กันอย่างชัดเจนแล้วเช่นกัน
อาเหลียงเอ่ยหยอกล้อ “จะเอาแต่มองดูโจรกินเนื้อ ไม่ดูโจรถูกตีไม่ได้ หลักการนี้ข้าเข้าใจ”
ไม่ว่าจะเป็นคนต่างถิ่นคนใด คิดจะมีพื้นที่หยัดยืนอยู่ในกำแพงเมืองปราณกระบี่ได้อย่างมั่นคง ล้วนไม่ใช่เรื่องง่าย
อาเหลียงเป็นคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน ย่อมเข้าใจเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง
อาเหลียงยืดแขนบิดขี้เกียจ เอ่ยว่า “ไป จะพาเจ้าไปเดินเล่นแถวนครสักหน่อย เส้นเอ็นหัวใจของคนคนหนึ่งจะปล่อยให้ขึงตึงอยู่ตลอดเวลาไม่ได้”
เฉินผิงอันที่อยู่ด้านข้าง แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังตระหนักไม่ได้ว่า ลมหายใจของเขา นับตั้งแต่ที่ขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร ตั้งแต่เล็กจนโตล้วน ‘อยู่ในกฎเกณฑ์’ ตลอดมา
คนเรามีลมหายใจก็คือมีชีวิต นี่เป็นเรื่องใหญ่อันดับหนึ่ง แทบจะเป็นพื้นฐานของผู้ฝึกตนทุกคน ในเมื่อทั้งชีวิตล้วนทุ่มเทเพื่อการมีชีวิตอมตะ ดังนั้นก็ย่อมต้องเริ่มลงมือจากคำว่าหายใจเข้าออก
ร้านยาตระกูลหยางของถ้ำสวรรค์หลีจู ผู้เฒ่าที่ลำดับอาวุโสสูงอย่างถึงที่สุดคนนั้น ในอดีตเคยได้ถ่ายทอดวิชาการหายใจให้กับเฉินผิงอัน ไม่ใช่วิชาที่เลิศล้ำอะไรนัก ระดับขั้นธรรมดา แต่มีความสงบและเป็นกลาง เป็นไปตามลำดับขั้นตอน จึงเป็นเหมือนการบำรุงด้วยอาหารอย่างหนึ่ง ไม่เหมือนการรักษาด้วยยา แม้ว่าเมื่อทำจนเคยชินกลายเป็นธรรมชาติจะไม่สร้างภาระทางร่างกายใดๆ ให้แก่เฉินผิงอัน กลับกันยังจะเป็นประโยชน์ในระยะยาว เหมือนต้นกำเนิดน้ำเป็นของสายน้ำเส้นหนึ่งที่ไหลรินมาหล่อเลี้ยงผืนนาหัวใจ ทว่าการฝึกตนก็คือการฝึกตน การเป็นคนก็คือการเป็นคน ระหว่างผืนนาหัวใจมีคันนาแบ่งแยกชัดเจน จะเดินก็ต้องมีทางให้เดิน ราวกับว่าทุกก้าวล้วนไม่อาจล้ำเส้นกฎเกณฑ์ ทุกวันจะต้องคอยเฝ้าเก็บเกี่ยวผลผลิตในผืนไร่นา หัวใจคนถูกพันธนาการเช่นนี้ เป็นเรื่องดีก็จริง แต่กลับจะทำให้คนคนหนึ่งรู้สึกเบื่อหน่าย ดังนั้นเด็กหนุ่มรองเท้าสานของตรอกหนีผิงในปีนั้นจึงถูกกล่อมเกลาไปอย่างเงียบเชียบจนมักจะทำให้คนรู้สึกว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีความเป็นผู้ใหญ่เกินวัยอยู่เสมอ
หลังจากที่เฉินผิงอันเรียนวิชาหมัด ทุกครั้งที่ออกท่องยุทธภพเพียงลำพังก็มักจะชอบจงใจควบคุมลมหายใจและฝีเท้าเสมอ แม้จะมีขอบเขตสูงก็จะแกล้งทำเป็นขอบเขตต่ำได้อย่างเชี่ยวชาญ เทียบกับคนเก่าแก่ในยุทธภพแล้วยังดูโชกโชนมากกว่า นี่ไม่ได้เป็นเพราะพรสวรรค์นำพาไปเสียทั้งหมด
เฉินผิงอันลุกขึ้นตาม ยิ้มถามว่า “พาลูกสมุนไปด้วยได้หรือไม่?”
อาเหลียงพยักหน้ารับ “ถ้าอย่างนั้นก็พาไปกันคนละหนึ่งคน”
เฉินผิงอันหันไปเรียกกวอจู๋จิ่ว ทุกวันนี้นางยังถือว่าเป็นลูกศิษย์คนเล็กของเฉินผิงอัน แต่ด้วยอายุของเฉินผิงอันในตอนนี้ที่เพิ่งจะสามสิบปี สำหรับผู้ฝึกตนแล้ว อายุของเขาก็เหมือนเด็กเล็กในหมู่ชาวบ้านเท่านั้น โอกาสที่กวอจู๋จิ่วจะกลายเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของภูเขาลั่วพั่วจึงมีน้อยมาก
กวอจู๋จิ่วสะพายหีบหนังสือขึ้นหลังอีกครั้ง หยิบไม้เท้าเดินป่ามาถือไว้ในมือ
ส่วนอาเหลียงหันไปเรียกซ่งเกาหยวนผู้ฝึกกระบี่อายุน้อยจากตำหนักเขากวางของฝูเหยาทวีป ตำหนักเขากวางคือพรรคตระกูลเซียนอันดับหนึ่งของฝูเหยาทวีป บรรพจารย์หลายคนที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกล้วนเป็นสตรี ดังนั้นจึงมีผู้ฝึกตนหญิงอยู่เยอะมาก ผู้ฝึกตนชายของตำหนักเขากวางจึงเป็นที่อิจฉาของคนนอกมากที่สุด ตำหนักเขากวางมีเวทคาถาน้ำเลื่องลือไปทั่วทั้งทวีป ยึดครองน่านน้ำเกือบครึ่งของลำน้ำใหญ่สายหนึ่งที่ไหลลงสู่มหาสมุทร ท่าเรือตู้ฟู่และท่าเรือแยนจือที่อยู่ใต้อาณัติของตำหนักเขากวางก็ยิ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงดังไปทั่วสารทิศ สถานที่แห่งหนึ่งจำเป็นต้องให้สตรีที่เดินทางผ่านท่าเรือลบเครื่องประทินโฉม เปลี่ยนมาสวมกระโปรงผ้าปักปิ่นไม้อย่างเรียบง่าย ไม่อย่างนั้นเหนียงเนียงเทพวารีจะก่อคลื่นลมมรสุมด้วยความพิโรธ แต่อีกสถานที่หนึ่งกลับตรงกันข้าม สตรีจะต้องประทินโฉมแต่งหน้า สวมใส่เสื้อผ้าที่มีสีสันสดใสงดงาม ถึงจะสามารถเดินทางข้ามผ่านน่านน้ำได้อย่างปลอดภัย ตำหนักเขากวางไม่เคยซักไซ้ ขอแค่ท่าเรือทั้งสองแห่งไม่ทำให้คนบาดเจ็บหรือถึงแก่ชีวิต ก็ล้วนปล่อยให้เหนียงเนียงเทพวารีทั้งสองท่านตั้งกฎประหลาดตามความชื่นชอบของตัวเองไป
ท่าเรือตู้ฟู่และท่าเรือแยนจือ แน่นอนว่าอาเหลียงที่ท่องเที่ยวอยู่ในฝูเหยาทวีปมานานหลายปีต้องเคยเดินทางผ่านมาก่อน แล้วยังเคยคบค้าพูดคุยกับเหนียงเนียงเทพวารีทั้งสองท่านอย่างถูกคอ คนหนึ่งร่าเริง คนหนึ่งขี้อาย ล้วนเป็นแม่นางที่ดี
ส่วนการพบเจอกันโดยบังเอิญในตำหนักเขากวางครานั้น นั่นคือกลางดึกคืนหนึ่งที่แสงจันทร์ทอประกาย ตอนนั้นอาเหลียงรับปากเหนียงเนียงเทพวารีของท่าเรือตู้ฟู่ว่าจะเอาของขวัญพบหน้ามามอบให้เป็นการชดเชย ช่วยให้สตรีที่น่าสงสารผู้นั้นได้ซ่อมแซมใบหน้าที่ปริร้าวกลับคืนมาเหมือนเดิม เขาจึงไปยังสระดอกบัวพื้นที่ต้องห้ามที่สืบทอดมาแต่บรรพบุรุษของตำหนักเขากวาง ใบบัวทุกใบของที่นั่นล้วนมีสรรพคุณที่มหัศจรรย์ ไม่รู้ว่าถูกผู้ฝึกตนหญิงที่ไม่พอใจรูปโฉมของตัวเองกี่มากน้อยคิดคำนึงถึง มาขอร้องอ้อนวอนตำหนักเขากวางอย่างยากลำบากก็ยังไม่ได้รับใบบัวสักใบ มีมูลค่าแต่หาซื้อไม่ได้ พื้นที่ต้องห้ามของตำหนักเขากวางน่าสนใจอย่างมาก ตอนนั้นอาเหลียงได้แต่หมอบคลานไปตลอดทาง อ้อมไปวนมาถึงได้แอบดอดไปถึงริมสระใบบัวได้ เขากำลังกระดกก้นแกะเมล็ดมัวมากินพลางปลิดใบบัวมาด้วย คิดไม่ถึงว่าบนใบบัวขนาดใหญ่คล้ายผ้าห่มคลุมเตียงสีเขียวมรกตซึ่งห่างไปไกลใบหนึ่งจะมีแม่นางคนหนึ่งลุกพรวดขึ้นมา นางเบิกตาทั้งคู่ออกกว้าง มองบุรุษสกปรกที่ในอ้อมอกหอบใบบัวเล็กๆ ไว้หลายใบกำลังนอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้นเด็ดดอกบัวเอาเมล็ดมัวมาแทะกิน พอเห็นนาง อาเหลียงก็ยื่นมือมาให้ ถามนางว่าจะลองชิมดูไหม
สตรีรับรองแขกได้อย่างมีมารยาท เวทคาถาน้ำที่งดงามอย่างถึงที่สุดสายหนึ่งพุ่งเข้ามาแสกหน้า
เรื่องราวในอดีตกลายเป็นความทรงจำให้หวนคำนึง
คนทั้งสี่เดินเท้าออกมาจากคฤหาสน์หลบร้อน เฉินผิงอันมีจิตใจละเอียดอ่อนจนเกิดเป็นความเคยชิน เขาสังเกตเห็นว่าในบรรดาคนทั้งหลายที่นั่งอยู่ในห้องก่อนหน้านี้ ดูคล้ายสภาพจิตใจของต่งปู้เต๋อกับผังหยวนจี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ บางอย่าง เพียงแต่ไม่รู้ว่าก่อนที่ตนจะมาถึง อาเหลียงพูดคุยอะไรกับพวกเขาไปบ้าง
ออกมาจากประตูใหญ่ ซ่งเกาหยวนปลุกความกล้า ถามเสียงเบาทั้งที่ใบหน้าแดงก่ำ “ผู้อาวุโสอาเหลียง วันหน้าจะยังไปเยือนตำหนักเขากวางของพวกเราอีกหรือไม่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!