กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 669

เข้าไปในห้องก็เจอแค่เหวยเหวินหลง คนอื่นๆ อย่างเส้าอวิ๋นเหยียน หมี่อวี้และเยี่ยนหมิง น่าหลันไฉ่ฮ่วนกำลังปรึกษาเรื่องการค้ากับพวกผู้ดูแลเรือกลุ่มหนึ่งในห้องโถงใหญ่

ในห้องที่อยู่ติดกันยังมีลูกศิษย์หลายคนของเส้าอวิ๋นเหยียนจากเรือนชุนฟานคอยช่วยคิดบัญชีอยู่

ถัวเหยียนฮูหยินถอนเวทอำพรางตาออก ยืนพิงประตูด้วยท่วงท่าเกียจคร้าน ใบหน้าเปลือยไร้ผงประทินโฉมย่อมทำให้ลดความน่าเกรงขามลง

น่าเสียดายที่เหวยเหวินหลงมองแค่แวบเดียวก็ไม่มองอีก จิตใจไร้ริ้วกระเพื่อม หน้าตาของสตรีผู้นั้นน่ามองก็จริง แต่ถึงอย่างไรก็ไม่น่ารักเท่าสมุดบัญชี

เฉินผิงอันนั่งลงแล้วก็ดึงสมุดเล่มหนึ่งออกมาจากในกองสมุดบัญชีที่ทับกันราวกับภูเขา เขาเปิดอ่านรายการบัญชีพลางพูดคุยถึงสถานการณ์การค้าล่าสุดกับเหวยเหวินหลงไปด้วย

ถัวเหยียนฮูหยินอยู่ว่างไม่มีอะไรทำ ยิ่งไม่อาจไปพลิกเปิดสมุดบัญชีพวกนั้นอ่านส่งเดช นางจึงได้แต่นั่งอยู่บนธรณีประตู หันหลังให้ห้อง โน้มตัวไปด้านหน้า ยกสองมือขึ้นเท้าคาง

เหวยเหวินหลงตอบคำถามของอิ่นกวานหนุ่มเสร็จก็หันไปเห็นแผ่นหลังของถัวเหยียนฮูหยินตรงธรณีประตูโดยบังเอิญ แล้วก็ไม่อาจเคลื่อนย้ายสายตาไปได้อีก

ที่แท้นอกจากสมุดบัญชีแล้วยังมีทัศนียภาพอย่างอื่นอยู่อีกหรือนี่

เฉินผิงอันชำเลืองมองท่าทางผิดปกติของเหวยเหวินหลงแล้วก็ไม่ได้รบกวนการชมทัศนียภาพของเจ้าหมอนี่

ถึงอย่างไรเหวยเหวินหลงก็เป็นชายโสด มองมากหน่อยก็ไม่เป็นไร ไม่แน่ว่ามองไปมองมาอาจฉลาดขึ้นก็ได้

เพียงแต่เฉินผิงอันเพิ่งจะเปิดบัญชีไปได้สองหน้า เหวยเหวินหลงก็คืนสติแล้ว ดูเหมือนจะยังคงรู้สึกว่าสมุดบัญชีบนโต๊ะค่อนข้างน่าสนใจมากกว่าอยู่ดี

หมี่อวี้กลับมาจากห้องโถงปรึกษางานเพียงลำพัง เดินผรุสวาทมาตลอดทาง เพราะถูกพวกผู้ดูแลเรือข้ามฟากที่ในสายตามีแต่เงินทำร้ายจิตใจ คิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องน่ายินดีไม่คาดฝัน ได้พบถัวเหยียนฮูหยิน ใต้ฝ่าเท้าของเขาก็ราวกับมีลมพาให้ร่างล่องลอย สีหน้าสดชื่นมีชีวิตชีวาทันควัน

คิดไม่ถึงว่าถัวเหยียนฮูหยินจะลุกขึ้นยืนเรียบร้อยแล้ว ปฏิเสธเขาให้ห่างไปไกลพันลี้ ไม่เปิดโอกาสให้หมี่อวี้ได้พูดคุยตีสนิทแม้แต่น้อย นางเอ่ยกับเฉินผิงอันว่า “หากใต้เท้าอิ่นกวานเชื่อใจ ข้าจะไปย้ายสวนดอกเหมยด้วยตัวเองตอนนี้เลย”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ

ร่างของถัวเหยียนฮูหยินจึงเปล่งวูบหายไป

หมี่อวี้ยืนอยู่ตรงหน้าประตู โบกมือพัดลมเย็นๆ เข้าหาตัวเบาๆ ยิ้มพูดกับเหวยเหวินหลงว่า “เจ้าห่านทึ่ม ก่อนหน้านี้เจ้าคงกินลมชมทิวทัศน์จนอิ่มเลยสินะ? หากข้าเป็นเจ้านะ ป่านนี้คงสอบถามถัวเหยียนฮูหยินด้วยความจริงใจไปแล้วว่าต้องการสองมือของข้าไปเป็นม้านั่งตัวเล็กหรือไม่”

เหวยเหวินหลงไร้คำพูดตอบโต้

เฉินผิงอันลุกขึ้นออกไปเดินเล่นในเรือนชุนฟานกับหมี่อวี้ วันนี้มีพ่อค้าสองกลุ่มจับมือกันมาเยือนถึงเรือน เฉินผิงอันคิดว่าจะไปเข้าฟังการประชุมครั้งที่สองด้วยตัวเอง รอให้ผู้ดูแลเรือกลุ่มแรกแยกย้ายกันก่อนแล้วค่อยไปที่โถงประชุมงาน

หมี่อวี้เอ่ยประโยคหนึ่งที่อยู่เหนือจากการคาดการณ์ “ถัวเหยียนฮูหยินแห่งสวนดอกเหมยคนนี้ก็เป็นสตรีที่มีชะตาชีวิตรันทด ดังนั้นพอเห็นคนแบบข้าก็เลยรังเกียจที่สุด”

เฉินผิงอันไม่ได้ห้อยน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ ‘หาวเหลียง’ ลูกนั้นเอาไว้ สองเซียนกระบี่อย่างหมี่อวี้หมี่ฮู่ เรื่องในบ้านของพวกเขาสองพี่น้อง ในเมื่อหมี่ฮู่ตัดสินใจแล้ว เขาเฉินผิงอันก็ไม่คิดจะวาดงูเติมขา

หมี่อวี้พลันเอ่ยว่า “ข้าไม่เคยกล้ากลับไปที่กำแพงเมืองปราณกระบี่เพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร”

เฉินผิงอันจึงได้รู้ว่าที่แท้เซียนกระบี่ขอบเขตหยกดิบที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ไปทั่วกำแพงเมืองปราณกระบี่ผู้นี้รู้ชัดเจนถึงความตั้งใจของหมี่ฮู่ผู้เป็นพี่ชายของตัวเองดี

หมี่อวี้เงียบไปพักใหญ่ “แต่ก็ยังต้องกลับไป หลบเลี่ยงอย่างไรก็หลบไม่พ้น”

เฉินผิงอันถึงได้หยิบน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ลูกนั้นออกมาส่งให้หมี่อวี้

หมี่อวี้แค่ชำเลืองตามองแล้วก็ส่ายหน้า “พี่ชายข้ามอบให้ท่าน จะเอามาให้ข้าทำไม ใต้เท้าอิ่นกวาน ท่านเก็บไว้เถอะ พี่ชายข้าจะได้วางใจ ถึงอย่างไรกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของข้าก็ไม่จำเป็นต้องบำรุงด้วยความอบอุ่นอยู่ในน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่แล้ว”

ก่อนหน้านี้ในฐานะผู้ฝึกกระบี่ของสายอิ่นกวาน หมี่อวี้กับผู้ฝึกกระบี่คนอื่นๆ ผลัดกันลงสนามรบไปเข่นฆ่าอยู่หลายครั้ง เขาออกแรงเต็มกำลังก็จริง แต่หมี่อวี้กลับไม่กล้าต่อสู้จนลืมความตายอย่างแท้จริง เหตุผลนั้นเรียบง่ายมาก เพราะหากเขาตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ถึงเวลานั้นคนที่ช่วยเขา คนที่ต้องตายก่อนก็มีแต่พี่ชายของเขา

เฉินผิงอันเตะหมี่อวี้ “ถ้าอย่างนั้นก็รีบกลับไปซะ”

หมี่อวี้ออกไปจากเรือนชุนฟาน

หลังจากผู้ดูแลเรือกลุ่มแรกที่มาปรึกษางานในห้องโถงแยกย้ายกันไปแล้ว พวกเส้าอวิ๋นเหยียนสามคนต้องไปส่งแขก เฉินผิงอันถึงได้เดินเข้ามาในห้องโถงที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน

รอกระทั่งเส้าอวิ๋นเหยียน เยี่ยนหมิงและน่าหลันไฉ่ฮ่วนที่จากไปหวนกลับมา เฉินผิงอันไม่ได้นั่งลงบนตำแหน่งประธาน แต่นั่งในตำแหน่งของหมี่อวี้ อยู่ใกล้กับเยี่ยนหมิงและน่าหลันไฉ่ฮ่วน

เส้าอวิ๋นเหยียนจึงนั่งลงฝั่งตรงข้าม

น่าหลันไฉ่ฮ่วนรายงานความคืบหน้าด้านการค้ากับเรือข้ามฟากทั้งแปดทวีปอย่างละเอียด เรื่องเกี่ยวกับเงินเทพเซียนของธวัลทวีปยังคงเป็นเรื่องที่เป็นปัญหามากที่สุด สกุลหลิวของธวัลทวีปไม่เคยแสดงท่าทีที่ชัดเจน ยามพูดถึงเรื่องนี้น่าหลันไฉ่ฮ่วนก็เต็มไปด้วยความกังวล จากนั้นก็มีสีหน้าขุ่นเคือง “ไม่สู้แย่งชิงจวนหยวนโหรวนั่นมาโดยตรงเลย? ไม่ใช่ของที่ผ่านการหล่อหลอมอย่างสวนดอกเหมยและเรือนชุนฟานแล้วอย่างไร รื้อทิ้งเสียก็สิ้นเรื่อง พวกก้อนหินเสาคานที่สร้างศาลาหอเก๋งทั้งหลายล้วนเป็นเงินเทพเซียนทั้งนั้น! ถึงอย่างไรสกุลหลิวก็ไม่คิดจะย้ายเอาไปอยู่แล้ว คนจากไปเรือนก็ว่างเปล่า แทบจะถือว่าเป็นสิ่งของที่ไร้เจ้าของได้แล้ว อย่างมากก็แค่ให้เจียงเกาไถผู้ดูแลเรือหนันจีนำความไปบอกสกุลหลิวธวัลทวีปเป็นการส่วนตัว ถือเสียว่าพวกเรารับน้ำใจมาจากพวกเขา วันหน้าก็ให้เซียนกระบี่อย่างพวกเซี่ยซงฮวาช่วยใช้คืนให้ก็ได้แล้ว”

เส้าอวิ๋นเหยียนได้แต่ยิ้มเฝื่อน ช่างเป็นจินตนาการที่บรรเจิดนัก

พูดแค่เรื่องเดียว เซียนกระบี่อย่างเซี่ยซงฮวา ไม่ว่าใครก็โน้มน้าวนางได้หรือ?

คิดไม่ถึงว่าเฉินผิงอันจะเอ่ยว่า “ยังไม่ต้องรีบร้อน เรื่องรื้อถอนต้องทำแน่ คาดว่าสกุลหลิวแห่งธวัลทวีปก็คงรอให้พวกเราไปรื้อจวนหยวนโหรวอยู่ พวกเขาก็แค่นั่งอยู่ในบ้านรอให้พวกเราเอาน้ำใจนี้ไปส่งให้ถึงที่ ทว่าเพื่อนก็ส่วนเพื่อน ค้าขายก็ส่วนค้าขาย พวกเราเองก็ต้องคิดถึงเซียนกระบี่ที่ช่วยเหลือพวกเราซึ่งรวมถึงเซี่ยซงฮวาเป็นหนึ่งในนั้นให้ดีก่อนว่า พวกเขาควรจะได้รับอะไรเป็นการตอบแทนจากการแบกรับเรื่องนี้แทนพวกเรา ต้องเอาของอะไรออกมาจากหอโอสถบ้าง หรือควรจะให้คฤหาสน์หลบร้อนนำของเชลยศึกที่เก็บได้ออกมา วันหน้าพวกเจ้าสามคนก็ช่วยกันวางแผน ถึงเวลานั้นก็ไม่ต้องสอบถามคฤหาสน์หลบร้อนแล้ว แค่แจ้งผลลัพธ์มาตามตรงก็พอ”

เยี่ยนหมิงถาม “เรื่องที่ลี่ไฉ่แห่งทะเลสาบกระบี่ฝูผิงซื้อเรือนถิงอวิ๋น จะหมายความว่าพวกเราจะมีเส้นทางการเดินเรือเพิ่มมาอีกเส้นหนึ่งหรือไม่? เท่ากับว่าได้ผูกสัมพันธ์กับสำนักกุยหยกของใบถงทวีป? ใบถงทวีปมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ หากสามารถให้เรือข้ามฟากหลายลำของนครมังกรเฒ่าขนส่งทรัพยากรทั้งหมดมายังภูเขาห้อยหัวอย่างเต็มกำลังได้ ไม่แน่ว่าอาจจะมีทรัพยากรเพิ่มขึ้นมาอีกสองส่วน”

เฉินผิงอันส่ายหน้า “ได้แต่หยุดลงเพียงเท่านี้ การที่เจียงซ่างเจินส่งเงินเทพเซียนพวกนั้นมาโดยใช้สถานะของเจ้าประมุขสกุลเจียง เดิมทีก็เป็นการแสดงท่าทีอย่างหนึ่งอยู่แล้ว”

แม้จะบอกว่าทุกวันนี้เจียงซ่างเจินเป็นเจ้าประมุขคนใหม่ของสำนักกุยหยกแล้ว ทว่าสวินยวนขอบเขตบินทะยานคนใหม่ล่าสุดของใบถงทวีปย่อมไม่มีทางตอบตกลงกับเรื่องนี้แน่นอน แล้วนับประสาอะไรกับที่เจียงซ่างเจินเองก็ไม่ได้เสียสติ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!