กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 673

น่าหลันเซาเหว่ยเองก็จะสละร่างไปจากโลกใบนี้เช่นเดียวกัน ตะเกียงแห่งชะตาชีวิตจะถูกผู้พิทักษ์มรรคาของเขาพาไปยังใต้หล้ามืดสลัว แม้จะบอกว่าหลังจากลาโลกนี้ไปแล้ว เมื่อได้เกิดใหม่จะพบเจอกับอุปสรรคอย่างใหญ่หลวงบนเส้นทางของการฝึกตน ความสำเร็จบนมหามรรคายากที่จะทัดเทียมได้กับชาติก่อน แต่ถึงอย่างไรก็ดีกว่ากายดับมรรคาสูญสลาย

เฒ่าหูหนวกเลือกจะไปพึ่งพาเฒ่าตาบอด ไม่ใช่ติดตามกองทัพใหญ่เผ่าปีศาจมุ่งหน้าไปยังใต้หล้าไพศาล ไปทำงานใช้แรงงานที่เหนื่อยยากอยู่ในเทือกเขาแสนลี้

อันที่จริงเหตุผลนั้นเรียบง่าย เพราะเขากลัวตาย

ผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตบินทะยานหลายคนเสียดายชีวิตจนถึงขั้นที่น่าเหลือเชื่อ ตู้เม่าแห่งใบถงทวีปก็คือตัวอย่างที่ดีที่สุด เพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อก็สามารถไม่เลือกวิธีการ ทุ่มสุดพลังความสามารถ

สำนัก ลูกหลาน ลูกศิษย์ ชื่อเสียง ล้วนสามารถสละทิ้งได้

ส่วนลู่จือ หนทางถอยของนางมีเฉินผิงอันคอยช่วยปูทางให้ นอกจากลู่จือแล้ว ถัวเหยียนฮูหยิน เส้าอวิ๋นเหยียนแห่งเรือนชุนฟาน ล้วนจะเดินทางไปพร้อมกับลู่จือ

เมื่อเอามานึกเชื่อมโยงกับการจัดการก่อนหน้านี้ที่เซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสมีต่อพวกผู้ฝึกกระบี่รุ่นเยาว์ ในที่สุดเฉินผิงอันก็แน่ใจในวัตถุประสงค์ข้อหนึ่ง

แทบทุกคนล้วนต้องแยกย้ายจากกันไป

หลังจากนี้จะเป็นการแยกจากกันไปคนละแผ่นฟ้าอย่างแท้จริง ถ้าอย่างนั้นตบะของแต่ละคน ในบางระดับก็คือฝึกตนเพื่อให้ได้กลับมาพบกันใหม่อีกครั้ง

ยกตัวอย่างเช่นฉีถิงจี้ต้องไปเยือนฝูเหยาทวีป ทว่าฉีโซ่วกลับต้องหยุดอยู่ที่ภูเขาห้อยหัว

เฉินซีจะไปอยู่ใต้หล้าแห่งที่ห้า ทว่าเฉินซานชิวกลับต้องไปเยือนใต้หล้าไพศาล

ส่วนเกาเหย่โหวที่ติดตามเฉินซีไป รวมถึงเกาโย่วชิงน้องสาวของเขากลับต้องกลายไปเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของลี่ไฉ่แห่งทะเลสาบกระบี่ฝูผิง ไปอยู่อุตรกุรุทวีป

สงครามใหญ่ครั้งถัดไป ซึ่งก็คือสงครามครั้งสุดท้ายตลอดเวลาหมื่นปีที่ผ่านมาของกำแพงเมืองปราณกระบี่

ไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่ก็ไม่เป็นไร แค่หลบซ่อนตัวไปก็พอ เพียงแต่ว่าเมื่อถึงช่วงท้ายของสงครามในวันหน้า ย่อมต้องมีเผ่าปีศาจที่เป็นปลาหลุดรอดออกจากแหที่ไปเยือนทางเหนือของนครอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทว่าก็ไม่ใช่ว่าใครที่ล้วนมีชีวิตรอดได้เสมอไป

ผู้ฝึกกระบี่ห้าขอบเขตล่าง ใครที่ยินดีตายต้องตาย ขึ้นหัวกำแพงเมืองไปเข่นฆ่า ทว่าฝีมือกลับไม่ได้เรื่อง ก็ยังต้องตายอยู่ดี แต่ขอแค่อดทนได้จนถึงท้ายที่สุด ทั้งชีวิตและมหามรรคาในอนาคตก็สามารถรักษาไว้ได้แล้ว

ผู้ฝึกกระบี่ห้าขอบเขตกลาง คนที่อยากมีชีวิตรอดจะมีชีวิตรอด คนที่ไม่อาจตาย ต่อให้อยากตายก็ยังตายไม่ได้

มีเพียงเซียนกระบี่ห้าขอบเขตบนเท่านั้นที่ความเป็นความตายมิอาจตัดสินใจได้เอง เซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสมีแผนการสำหรับพวกเขาไว้นานแล้ว

เซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสเดินออกไปจากขั้นบนสุดของบันไดคุก โยนเด็กชายผมขาวที่หิ้วไว้ในมือลงไปบนพื้น ถามว่า “เบื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วหรือ?”

เทวบุตรมารนอกโลกตนนั้นหมอบกราบอยู่บนพื้น เด็กชายผมขาวที่ยามเผชิญหน้ากับเฒ่าหูหนวกและอิ่นกวานหนุ่มล้วนทำตัวตามใจปรารถนา เวลานี้กลับได้แค่กล้าส่ายหน้า ไม่กล้าเอ่ยถ้อยคำ

ข้างกายเฉินชิงตูมีบุคคลผู้หนึ่งที่มีเมฆหมอกปกคลุมจึงมองไม่เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงปรากฎกาย มีเพียงกระบี่ยาวที่เขาพกไว้เท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

เฉินชิงตูเอ่ย “ไม่ดื่มเหล้าก็ไม่มีเรี่ยวแรง ออกกระบี่นุ่มนิ่มแบบนี้ คิดว่ากำลังปักบุปผาอยู่หรือไร?”

เซียนกระบี่ประหลาดที่ถูกสั่งสอนไม่เอ่ยอะไรสักคำ

เฉินผิงอันกับเฒ่าหูหนวกมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโส

เฉินชิงตูคว้าเด็กหนุ่มสองคนเข้ามาในฟ้าดินแห่งนี้ ทั้งสองคนล้มลงไปนอนกับพื้นลุกไม่ขึ้น อาเจียนไม่หยุด

เฉินผิงอันรู้จักแค่คนหนึ่งในนั้น คือผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตสามไร้สัญชาติที่อยู่ในกำแพงเมืองปราณกระบี่ ชาติกำเนิดธรรมดา คุณสมบัติธรรมดา เด็กหนุ่มที่อยู่บนหัวกำแพงเมืองรับผิดชอบหน้าที่แจกจ่ายชุดคลุมอาคมของหอภูษาและกระบี่ยาวของหอกระบี่ แล้วก็มักจะคอยแบกผู้ฝึกกระบี่ที่บาดเจ็บลงไปจากหัวกำแพงเมือง

ส่วนเด็กหนุ่มอีกคนนั้น เฉินผิงอันไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเขาเลย

เฉินชิงตูเอ่ยกับเฒ่าหูหนวกและเซียนกระบี่ว่า “พวกเจ้ารับพวกเขาไว้ข้างกายก่อน ภายในเวลาร้อยปีบูชาพวกเขาเป็นนาย จากนั้นก็แล้วแต่พวกเจ้า”

เฒ่าหูหนวกไม่กล้าละเมิดคำสั่ง

ส่วนเซียนกระบี่ที่มองไม่เห็นโฉมหน้าคนนั้นก็ไม่ออกเสียงใดๆ

สำหรับเด็กหนุ่มสองคนแล้ว นี่ถือเป็นโชควาสนาใหญ่เทียมฟ้า

เฉินชิงตูมองไปยังเทวบุตรมารนอกโลกที่หมอบอยู่กับพื้น “เวลาที่ควรพูดกลับทำตัวเป็นคนใบ้งั้นรึ?”

เด็กชายผมขาวคนนั้นรีบลุกขึ้นมา พูดอย่างเด็ดเดี่ยวเปี่ยมไปด้วยเหตุผล “ใต้เท้าอิ่นกวานคงจะเกิดความไม่พอใจ เหนื่อยยากลำบากเช่นนี้ไปเพื่อใคร เมื่อเทียบกับคนเย็บผ้าแล้วยังต้องตัดชุดแต่งงานเพื่อผู้อื่นมากกว่าเสียอีก โชควาสนาที่ใหญ่ขนาดนี้ เหตุใดถึงหล่นลงบนหัวของเจ้าลูกกระต่ายน้อยสองคนที่เทียบกับหมูกับหมาก็ยังไม่ได้ เฉินชิงตูผู้นี้ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย แล้วยังให้เป็นใต้เท้าอิ่นกวานกับผายลมนี่อีก ถือโอกาสนี้ทรยศกำแพงเมืองปราณกระบี่ ไปรับตำแหน่งที่ไม่แพ้ให้กับใต้เท้าอิ่นกวานที่ใต้หล้าเปลี่ยวร้างเสียเลย นั่นต่างหากถึงจะเป็นการกระทำของวีรบุรุษชายชาตรี…”

เฉินผิงอันยกมือกุมขมับ

เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ดีๆ ก็มีเซียนกระบี่มาเป็นผู้รับใช้มีท่าทางกระวนกระวายไม่เป็นสุข ส่วนเด็กหนุ่มอีกคนที่จะกลายเป็นเจ้านายของเฒ่าหูหนวกกลับมีสีหน้าสงบนิ่ง

เซียนกระบี่ท่านนั้นปลดกระบี่ของตัวเองลงมาส่งมอบให้เด็กหนุ่ม

ส่วนเฒ่าหูหนวกนั้นยิ้มมองเจ้านายในนามของตน

เฉินชิงตูพาเฉินผิงอันเดินไปทางคุก

เฉินชิงตูเอ่ยเนิบช้าว่า “หากไม่เป็นเพราะร่างอยู่ที่นี่ ตอนนี้คนที่พูดคุยกับเจ้าก็คือเทวบุตรมารนอกโลกตนนั้นแล้ว ชีวิตคนดั่งฝันซ้อนฝัน นับตั้งแต่นาทีที่เจ้าเก็บดวงจิตหล่อหลอมไข่มุกน้ำก็จะต้องถูกเขาฉวยโอกาสเข้ามาสิงร่าง ไม่เชื่อหรือ? คิดหรือว่าตัวเองมีการป้องกันที่เพียงพอต่อเทวบุตรมารนอกโลกตนนั้นแล้ว? ถ้าอย่างนั้นก็ลองดูสิ”

เฉินผิงอันพลันหยุดเดิน เรียกกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตนกในกรงออกมา

จากนั้นก็จู่ๆ ราวกับว่าสะดุ้งตื่นจากความฝัน

เฉินผิงอันกวาดตามองรอบด้าน พบว่าตัวเองยังคงนั่งขัดสมาธิหลอมไข่มุกน้ำอยู่เหมือนเดิม

เฒ่าหูหนวกยังคงยืนคลี่ยิ้มอยู่ข้างกาย

เด็กชายผมขาวที่ห้อยงูเขียวเป็นต่างหู พกกระบี่สั้นก็ยังนั่งขัดสมาธิอยู่บนไหล่ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์

เพียงแต่ว่าฟ้าดินเล็กนกในกรงกลับไม่มีอยู่

คือภาพมายาลวงตา

เฉินผิงอันรู้สึกเหมือนตกลงไปในบ่อน้ำแข็ง

ฟ้าดินเปลี่ยนไปอีกครั้ง

ร่างของเขามาอยู่ด้านล่างของคุก เหนี่ยนซินที่เพิ่งได้พบเจอกันเป็นครั้งแรก นางยังคงยอบตัวคารวะอย่างนอบน้อม เพียงแต่ว่ายามเงยหน้าขึ้น สายตากลับเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ “ข้าคือตัวปลอมงั้นหรือ? นางจะต้องเป็นตัวจริงเสมอไปงั้นหรือ?”

นาทีถัดมา เฉินผิงอันกำลังประสานสายตากับเด็กหนุ่มในคุกน้ำ เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืน ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เจ้าแน่ใจหรือว่าเมื่อสังหารข้าไปแล้ว ใต้หล้าไพศาลก็จะมีหายนะลดน้อยลงไปอย่างหนึ่ง?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!