กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 673

เฒ่าหูหนวกบอกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยุคบรรพกาลเหล่านี้ แม้ว่าจะถือว่ามีอำนาจมาก แต่กลับเป็นแมลงน่าสงสารที่เดินไปสุดปลายทางบนมหามรรคา หากร่างทองเกิดการเสื่อมสลายผุเปื่อย ต่อให้มีแค่ตำหนิเพียงเสี้ยวเดียว นั่นก็หมายความว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่งกำลังจะเดินไปสู่ความพินาศอย่างเป็นทางการ ไม่มีโอกาสที่จะพลิกฟื้นสถานการณ์เลยแม้แต่น้อย

เฉินผิงอันเอ่ยคำหนึ่งขึ้นมาว่า บุญบารมี

เฒ่าหูหนวกพยักหน้าเอ่ย “นี่ก็คือวิธีการชดเชยแก้ไขที่อริยะของสามลัทธิมีต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในรุ่นหลัง แล้วก็เป็นกุญแจสำคัญในการทำให้แผ่นดินของใต้หล้าทั้งหลายมั่นคง”

สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาสายน้ำที่อันดับแรกได้รับการแต่งตั้งจากราชสำนัก ต่อมาจึงได้รับการยอมรับจากสำนักศึกษาลัทธิขงจื๊อ ถือเป็นเสาคานสำคัญที่เชื่อมโยงล่างภูเขากับบนภูเขาของใต้หล้าไพศาลเสมอมา ทำให้คนธรรมดาและผู้ฝึกตนไม่ถึงขั้นต้องตกอยู่ในสภาพการณ์ที่ปะทะกันซึ่งหน้าตลอดเวลา ศาลเถื่อนในหลายๆ พื้นที่ที่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามถึงทำให้ทางราชสำนักไม่ไปสืบสาวราวเรื่อง สำนักศึกษาลัทธิขงจื๊อก็ไม่ซักไซ้เอาผิด แน่นอนว่าต้องเป็นเพราะพวกเขาเห็นแก่คุณความชอบจากการที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาลเถื่อนเหล่านั้นช่วยชดเชยแก้ไขขนบธรรมเนียมประเพณีพื้นบ้าน ช่วยโน้มน้าวให้คนเป็นคนดี

เมื่อเดินไปถึงจุดหนึ่ง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตนหนึ่งมีเรือนกายสูงใหญ่มาก ร่างครึ่งหนึ่งจมหายเข้าไปในทะเลเมฆ ไม่สามารถมองเห็นรูปโฉมทั้งหมดได้

เฉินผิงอันงอสองเข่าเล็กน้อยแล้วพลันออกแรง ดีดตัวขึ้นสูงพุ่งไปยังทะเลเมฆ

สองมือสอดกันไว้ในชายแขนเสื้อ ชุดตัวยาวปลิวสะบัด ก้าวเดินออกไปบนทะเลเมฆ ในที่สุดก็มองเห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีสีหน้าเคร่งขรึมองค์นั้น เท้าของเฉินผิงอันเหยียบอยู่บนกระบี่บินซงเจิน ไฮเหลย ลอยตัวอยู่เหนือก้อนเมฆ

อารมณ์ของเฉินผิงอันพลันเคร่งเครียด “ผู้ฝึกกระบี่อวี่ซื่อคนนั้น?”

เหนือทะเลเมฆที่รายล้อมสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์นี้เอาไว้มีหยดน้ำสีเขียวมรกตที่ฟูมฟักขึ้นมาตามธรรมชาติก่อตัวขึ้นมากถึงร้อยกว่าหยด ความเข้มข้นของโชคชะตาน้ำนั้นช่างน่าเหลือเชื่อ เห็นได้ชัดว่าไม่เคยผ่านการหล่อหลอมมาก่อน ทว่าระดับขั้นกลับใกล้เคียงโอสถวารีที่มาจากศาลจวนวารีแห่งหนึ่งแล้ว แน่นอนว่าไม่สามารถเทียบเคียงกับโอสถวารีของเสิ้นเจ๋อขวดที่ฮว่อหลงเจินเหรินมอบให้ได้ ทว่าวัตถุอย่างไข่มุกน้ำนี้ สำหรับเทพวารี แม่ย่าลำคลองแห่งใดก็ตามบนโลก รวมไปถึงผู้ฝึกตนที่ฝึกวิชาน้ำแล้ว เรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่า ประเด็นสำคัญคือได้มาครองง่าย มีมากมายไม่ขาดสาย ไม่ว่าสำนักใดก็ล้วนน้ำลายสออยากครอบครอง

พูดถึงแค่สำนักอวี่หลงที่อยู่ติดกับร่องเจียวหลงแห่งนั้น หากสามารถย้ายเอาองค์เทพนี้ไปไว้ที่สำนักแล้วสร้างให้เป็นแกนกลางรากฐานของค่ายกลใหญ่แห่งขุนเขาสายน้ำ กำลังอำนาจของสำนักก็จะสามารถยกระดับขึ้นไปอีกหนึ่งขั้นใหญ่ๆ ได้แล้ว

การที่จิตของเฉินผิงอันสัมผัสกับองค์เทพนี้ได้เป็นเพราะเขารู้สึกว่ามีกลิ่นอายคล้ายคลึงกับผู้ฝึกกระบี่หนุ่มอวี่ซื่อ

เฒ่าหูหนวกที่ยืนอยู่ด้านข้างพยักหน้ารับ “มีประวัติความเป็นมา อิ่นกวานไม่เสียแรงที่เป็นอิ่นกวาน ใต้คมกระบี่ไม่สังหารคนไร้ชื่อเสียงจริงๆ”

เฉินผิงอันกล่าวอย่างจนใจ “กระโจมเจี่ยเซินเล็กๆ กลับมีพยัคฆ์หมอบมังกรซ่อนถึงเพียงนี้”

เฒ่าหูหนวกเอ่ยอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น “ใต้เท้าอิ่นกวานคว้าชัยชนะในศึกสามครั้งติด ใต้หล้าของบ้านเกิดก็อาจจะไม่เชื่อเสมอไปนะ”

เฉินผิงอันถาม “คุกน้ำของเด็กหนุ่มคนนั้นมาจากการสั่งสมของไข่มุกน้ำพวกนี้หรือ?”

เฒ่าหูหนวกคร้านจะปิดบังรายละเอียดเล็กน้อยพวกนี้ จึงยอมรับอย่างผึ่งผาย

ในเรื่องของการเลี้ยงมังกร ธรณีประตูสูงเกินไป จะต้องหาเผ่าพันธุ์เจียวหลงที่มีค่าพอให้อบรมปลูกฝังให้เจอก่อน แล้วค่อยใช้เวทเลี้ยงมังกร จากนั้นยังต้องมีวิธีสร้างบ่อมังกรอีกด้วย

โชคดีที่เฒ่าหูหนวกล้วนไม่ขาดสิ่งเหล่านี้

เส้นทางการฝึกตนของผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตบินทะยานทุกคนบนโลกสามารถนำมาแต่งเป็นนิยายเรื่องเล่าประหลาดที่เปี่ยมไปด้วยสีสันตระการตาได้จริงๆ

เฉินผิงอันหันหน้ามาถาม “หากผู้อาวุโสลงมือ ผู้ฝึกตนเฒ่าปีศาจพวกนั้นจะตายอย่างไร?”

เฒ่าหูหนวกตอบรับง่ายๆ “ง่ายดายเพียงขยี้นิ้ว”

ใช้ตบะขอบเขตบินทะยานที่เสินชี่สมบูรณ์พูนล้นมารับมือกับพวกนักโทษที่อย่างมากสุดขอบเขตก็ไม่เกินเซียนเหรินพวกนั้น เฒ่าหูหนวกนั่งเฝ้าพิทักษ์ฟ้าดินขนาดเล็กแห่งนี้จึงช่วงชิงฟ้าอำนวยดินอวยพรคนสามัคคีมาได้ทั้งหมด จึงง่ายดายเพียงขยี้นิ้วจริงๆ

ผู้เฒ่าเอ่ยเสริมมาอีกประโยคว่า “หากเป็นพวกปากมาก ด่าคนแล้วขอร้องให้ไว้ชีวิต ก็จะตายช้าหน่อย อยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำก็ได้เรียนรู้วิธีลอกหนังพันเส้นเอ็นบางส่วนมาจากแม่นางน้อยคนนั้น”

เฉินผิงอันพึมพำกับตัวเองว่า “อยู่ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่มานานจนเกือบลืมไปแล้วว่าเซียนกระบี่คือเซียนกระบี่ ปีศาจใหญ่ก็คือปีศาจใหญ่”

ยังจำการเดินทางไปเยือนอุตรกุรุทวีปในปีนั้นได้ดี ภาพเหตุการณ์ตอนที่ได้พบจีเยว่เซียนกระบี่แห่งภูเขาวานรครวญครั้งแรก นั่นต้องเรียกว่าระมัดระวังทุกย่างก้าว เหมือนเดินอยู่บนน้ำแข็งแผ่นบางๆ เดินผิดก้าวหนึ่งก็จะต้องจมสู่ห้วงแห่งหายนะมิอาจหวนคืน

ย้อนไปไกลยิ่งกว่านั้น ตอนที่อยู่บนเรือข้ามฟากของภูเขาต่าเจี้ยว อาศัยบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำมาชมการถามกระบี่สามครั้งระหว่างสวนลมฟ้ากับภูเขาตะวันเที่ยง ฉากสุดท้ายที่หลี่ถวนจิ่งขอบเขตก่อกำเนิดเก็บกระบี่ช่างสง่างามเปี่ยมบารมี

หรือไกลยิ่งกว่านั้นก็คือค่ำคืนที่ฝนใหญ่ตกกระหน่ำไปพักค้างแรมในจวนโบราณ แล้วได้เจอกับ ‘ปีศาจใหญ่’ ห้าขอบเขตกลางของแคว้นกู่อวี๋

สมกับคำว่าม้าขาวควบผ่านช่องแคบ เวลาผ่านไปเพียงชั่วพริบตาจริงๆ

เฉินผิงอันเอ่ย “ผู้อาวุโสเชิญเก็บโชคชะตาน้ำส่วนนี้ได้ตามสบาย ข้าสามารถหลับตาข้างหนึ่งลืมตาข้างหนึ่งได้”

เฒ่าหูหนวกดึงเอาไข่มุกหยดน้ำสีเขียวมรกตหลายสิบเม็ดมาต่อหน้าเฉินผิงอัน แล้วใช้วิชาจักรวาลชายแขนเสื้อเก็บไว้ในกระเป๋า น่าจะเป็นส่วนที่มีโชคชะตาน้ำเปี่ยมล้นสมบูรณ์ที่สุด

จากนั้นเฉินผิงอันก็เปิดปากขอไข่มุกน้ำจากอีกฝ่ายมาครึ่งหนึ่ง ส่วนใหญ่เขาเก็บไว้ในน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ เหลือหยดน้ำแค่สามหยดเอาไว้เท่านั้น ครั้นจึงนั่งขัดสมาธิ เริ่มทำการหล่อหลอมพวกมันอย่างเปิดเผยโดยใช้คาถาที่บันทึกไว้บนป้ายศิลาขอฝนนอกศาลเทพวารีลำคลองหมายเหอ

โชควาสนาแห่งฟ้าดินส่วนนี้ ทั้งสองฝ่ายแบ่งกันคนละครึ่ง

เฒ่าหูหนวกสามารถรับได้ ดังนั้นจึงไม่มีความลังเลใดๆ

เฒ่าหูหนวกชำเลืองตามองวิถีการโคจรคร่าวๆ ของคาถาหลอมน้ำบทนี้ของคนหนุ่มแล้วเอ่ยชื่นชม “ลำพังเพียงแค่มีคาถาบทนี้ หากวันใดถูกบีบให้จนตรอกจริงๆ ใต้เท้าอิ่นกวานก็สามารถสละเนื้อหนังมังสาทิ้ง เลือกแม่น้ำที่ติดกับลำน้ำใหญ่สายหนึ่งแล้วหันไปเป็นองค์เทพแห่งสายน้ำได้เลย”

เฉินผิงอันยังคงหลับตามีสมาธิแน่วแน่หลอมไข่มุกน้ำสามเม็ดที่ระดับขั้นเท่าเทียมกับโอสถวารีอยู่เหมือนเดิม ความเร็วนั้นเร็วมาก ทางฝั่งจวนน้ำในร่างของเขาเหมือนมีฝนรสหวานพรมฉ่ำหลังจากแห้งแล้งมานาน พวกเด็กๆ ชุดเขียวพากันง่วนทำงาน ช่วยกันซ่อมแซมจุดด่างพร้อยบนวัตถุแห่งชะตาชีวิตอักษรน้ำ ภาพฝาผนังของจวนน้ำที่แทบจะกลายเป็นเพียงลายเส้นขาวดำก็ถูกเติมสีสันกลับไปอีกครั้ง บ่อน้ำน้อยที่แห้งขอดจนเห็นก้นบ่อก็มีน้ำเป็นที่ไหลรินไม่ขาดสายเข้ามาเติมเต็ม

เฉินผิงอันแบ่งสมาธิเล็กน้อยมาเอ่ยว่า “แนะนำผู้อาวุโสว่าอย่าไปใต้หล้าไพศาลจะดีกว่า”

เฒ่าหูหนวกถาม “ทำไมล่ะ?”

เฉินผิงอันเงียบงันไม่เอ่ยอะไร

เด็กผมขาวคนนั้นมาโผล่อยู่บนไหล่ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หลุดหัวเราะพรืดเอ่ยว่า “เฒ่าหูหนวกเจ้าชมคนอื่นเก่งเกินไป จะต้องถูกคนสับร่างเป็นแปดชิ้นแล้วค่อยเอามาบดเป็นเนื้อบดแน่นอน”

จากนั้นเด็กชายผมขาวก็เอ่ยเย้ยหยันขึ้นมาอีก “คนหนุ่มอย่างเจ้าสมองไม่ค่อยเฉียบไวนัก เฒ่าหูหนวกผู้นี้จงใจเลือกเอาไข่มุกน้ำที่ปราณวิญญาณบางเบาเพราะรู้ว่าเจ้าจะต้องเปิดปากขอเขา บนทะเลเมฆแห่งนี้มีหยดน้ำโผล่ขึ้นมาไม่ขาดสาย ไข่มุกที่มีโชคชะตาน้ำเข้มข้นที่สุดกลุ่มนั้น เฒ่าหูหนวกจะต้องจงใจละพวกมันไว้อย่างแน่นอน คนโง่อย่างเจ้าเป็นอิ่นกวานได้อย่างไร ห่างชั้นกับเซียวสวิ้นผู้นั้นไกลหนึ่งแสนแปดพันลี้เลย มิน่าเล่ากำแพงเมืองปราณกระบี่ถึงได้พิทักษ์เอาไว้ไม่อยู่”

เฉินผิงอันแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!