กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 673

เฉินผิงอันไม่ได้ตกใจคำพูดของเหนี่ยนซิน แต่เป็นเพราะสายตาที่ทั้งเร่าร้อนทั้งจริงจังของคนเย็บผ้าผู้นี้ทำให้เฉินผิงอันรู้สึกปรับตัวไม่ทันอย่างยิ่ง

ตอนที่ตนเป็นร้านผ้าห่อบุญคอยเก็บตกของผุพัง ยามที่เจอเงินทองสมบัติล้ำค่าบนพื้นก็น่าจะมีสายตาแบบนางตอนนี้กระมัง?

เหนี่ยนซินเอ่ย “รอให้เจ้าเลื่อนสู่ขอบเขตเดินทางไกลก่อนค่อยว่ากัน ข้าไม่อยากช่วยเก็บศพให้เจ้า”

ส่วนข้อที่ว่าอิ่นกวานหนุ่มผู้นี้จะเลื่อนขั้นได้หรือไม่ ใช้วิธีอะไรในการเลื่อนขั้น เหนี่ยนซินไม่สนใจ

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ ระหว่างที่เดินไปเรื่อยๆ ตัวเขาเองก็วางแผนให้กับตัวเองได้แล้ว

เหนี่ยนซินพลิ้วกายจากไป พริบตาเดียวร่างก็หายวับไป นางไม่ได้รับพันธนาการใดๆ จริงอย่างที่ว่า

เฉินผิงอันโยนสามคำถามออกไปในรวดเดียว “เหนี่ยนซินอายุเท่าไร ขอบเขตอะไร รากฐานเป็นมาอย่างไร?”

เฒ่าหูหนวกเพียงแค่หัวเราะหึหึไม่ยอมเอ่ยคำ

เฉินผิงอันกล่าว “ข้าจะไม่เล่นตุกติกกับเด็กหนุ่มที่อยู่ในคุกน้ำคนนั้น”

เฒ่าหูหนวกยิ้มเอ่ย “เป็นบัณฑิต เหตุใดถึงไม่รักษามาดบ้างเลยเล่า?”

เฉินผิงอันแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ทรุดตัวลงนั่งยอง ยื่นนิ้วเคาะลงบนทางเดินเบาๆ เกิดเป็นเสียงดังกังวานเหมือนเสียงโลหะ จากนั้นก็แบฝ่ามือออก เอาฝ่ามือวางทาบกับพื้น

ไม่เสียแรงที่เป็นโครงกระดูกของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยุคบรรพกาลตนหนึ่ง มหัศจรรย์พันลึกมากจริงๆ

เห็นได้ชัดว่าเฒ่าหูหนวกให้ความสำคัญกับเด็กหนุ่มคนนั้นมาก ลงเดิมพันไว้กับเขามากที่สุด แน่นอนว่าไม่ตัดความเป็นไปได้ที่ว่าอาจจะมีเวทอำพรางตา แต่สุดท้ายแล้วเผ่าปีศาจที่สามารถมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้มีเพียงแค่สามคนเท่านั้น แล้วเฒ่าหูหนวกจะร่ายเวทอำพรางตาได้สักแค่ไหนกันเชียว

เฉินผิงอันทำการค้นหาเอกสารลับของคฤหาสน์หลบร้อนอย่างละเอียดอยู่ในหัวอีกรอบหนึ่ง แล้วก็ค้นพบว่าคนสามคนที่เฒ่าหูหนวกเลือก มีจุดที่ถูกอำพรางไว้ค่อนข้างมาก เฉินผิงอันแน่ใจได้เลยว่าเซียวสวิ้นอิ่นกวานคนก่อนต้องมีการแลกเปลี่ยนบางอย่างกับเฒ่าหูหนวกแน่นอน สายอิ่นกวานถึงได้ช่วยปิดบังข้อมูลสำคัญบางอย่าง เรื่องเก่าแก่ที่กินฝุ่นมานานพวกนี้ เฉินผิงอันไม่คิดจะไปเปิดบัญชีเล่มเก่า แล้วนับประสาอะไรกับที่ก็ไม่แน่เสมอไปว่าเขาจะเปิดมันได้ เฒ่าหูหนวกข้างกายผู้นี้คือขอบเขตบินทะยาน หากทำให้เฒ่าหูหนวกโมโห ฝ่ายหลังแค่ต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสก็พอ จะว่าไปแล้วการที่เฒ่าหูหนวกยอมเห็นแก่หน้าตนในทุกเรื่องก็ยังเป็นเพราะเห็นแก่เซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโส แผ่นหยกอิ่นกวานแผ่นหนึ่งมาอยู่ในมือของตนที่ไม่ได้เป็นแม้แต่เซียนกระบี่ ย่อมใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้

แต่ถึงแม้เหตุผลจะเป็นเหตุผลข้อนี้จริง ทว่าแท้จริงแล้วการค้าก็ยังทำกันได้ เพราะถึงอย่างไรเฉินผิงอันกับเฒ่าหูหนวกก็ไร้ความแค้นต่อกัน หากจะฉีกหน้าแตกหักกันขึ้นมาจริงๆ คนที่อายุน้อย ตำแหน่งขุนนางใหญ่ สุดท้ายก็ยังได้เปรียบอยู่ดี

ดังนั้นวิธีการทำการค้าของเฉินผิงอันจึงเรียบง่ายมาก เท่ากับเป็นการบอกกับเฒ่าหูหนวกอย่างตรงไปตรงมาว่า เจ้าอยู่ที่นี่อบรมปลูกฝังลูกศิษย์สามคนก็คือการเลี้ยงเสือร้ายไว้เป็นภัยแก่กำแพงเมืองปราณกระบี่ แต่ในเมื่อนี่เป็นความต้องการของเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสก็ย่อมไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่การที่จะออกไปจากคุกแห่งนี้ใต้เปลือกตาของข้าผู้เป็นอิ่นกวานซึ่งถือเป็นการปล่อยเสือกลับภูสำหรับคฤหาสน์หลบร้อนแล้ว กลับสามารถทำได้ เพราะวิธีที่จะทำให้ลูกศิษย์ทั้งสามคนออกไปจากที่นี่โดยที่ยังมีชีวิตอยู่ก็มีอยู่มากมาย

สัญญาระหว่างเจ้าเฒ่าหูหนวกกับเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโส กับการตัดสินใจสุดท้ายของคฤหาสน์หลบร้อน ไม่ได้ขัดแย้งกันเอง

คงเป็นเพราะว่าเฒ่าหูหนวกถูกคนในกำแพงเมืองปราณกระบี่รังแกมาจนชินแล้ว แม้ว่าจะเสียเปรียบเล็กน้อย แต่จะดีจะชั่วก็ได้รับคำมั่นสัญญาจากอิ่นกวาน ดังนั้นเขาจึงไม่หงุดหงิด

ในความเป็นจริงแล้วเกี่ยวกับลูกศิษย์สามคนนี้ ไม่ช้าก็เร็วเฒ่าหูหนวกจะต้องอธิบายให้คนหนุ่มผู้นี้ฟังอย่างชัดเจน ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่วางใจจริงๆ

เฉินผิงอันลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตบฝ่ามือลงบนพื้นหนักๆ ทุกอย่างแน่นิ่ง มิน่าเล่าโครงกระดูกที่ถูกเซียนกระบี่หลอมเป็นกรงขังฟ้าดินขนาดเล็กโครงนี้ถึงสามารถกักตัวพวกปีศาจใหญ่เหล่านั้นเอาไว้ได้

สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาสายน้ำในใต้หล้าไพศาลทุกวันนี้เรียกได้ว่ามีร่างทองมิเสื่อมสลาย เพียงแต่ไม่ได้ผ่านการหล่อหลอม โดยทั่วไปแล้วเป็นเพราะถูกควันธูปจากชายหญิงผู้มีจิตศรัทธารมอยู่นานปีแล้วปีเหล่า ประหนึ่งการ ‘ปิดทอง’ และอายุขัยของสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาสายน้ำก็ยืนยาวกว่าผู้ฝึกตนจริง เล่าลือกันว่าผู้ฝึกตนเซียนดินหลายคนมิอาจฝ่าทะลุคอขวดบนมหามรรคาไปได้ เพื่อฝืนต่อชะตาชีวิตตัวเองจึงยอมใช้วิชาลับต้องห้ามสละร่างด้วยตัวเอง ซึ่งก่อนจะทำเช่นนั้นก็จะต้องไปคบค้ากับพวกราชสำนักและที่ว่าการในท้องถิ่นให้ช่วยปิดบังสำนักศึกษาของลัทธิขงจื๊อเสียก่อน จากนั้นจึงแอบสร้างศาลเถื่อนแห่งหนึ่งขึ้นมา หากโชคไม่ดี ไม่อาจทนกับสองด่านอย่างการที่เลือดเนื้อเลือนหายเหลือเพียงโครงกระดูกตั้งวางและการที่จิตวิญญาณแหลกสลายไปได้ แน่นอนว่าไม่ว่าเรื่องใดก็อย่าได้คิดหวัง หากโชคดีฝืนทนผ่านไปได้ เส้นทางการฝึกตนต่อจากนั้นก็จะเปลี่ยนจากเซียนมาเป็นเทพ ได้เสวยสุขกับควันธูปจากโลกมนุษย์

เว่ยป้อน่าจะเป็นข้อยกเว้น

เพียงแต่ว่าเรื่องความลับมากมายที่เกี่ยวกับฝู่จวินของแคว้นเสินสุ่ยในอดีตผู้นี้ เฉินผิงอันไม่เคยสอบถาม จูเหลี่ยนกับเจิ้งต้าเฟิงเป็นคนเก่าแก่ในยุทธภพมากกว่า ดังนั้นภูเขาพีอวิ๋นกับภูเขาลั่วพั่วจึงมีความรู้ใจกันโดยที่ไม่ต้องเอื้อนเอ่ยเป็นคำพูด

ในที่สุดเฒ่าหูหนวกก็เปิดปาก “ทุกวันนี้เหนี่ยนซินอายุเจ็ดแปดร้อยปีแล้วกระมัง อดทนมาถึงห้าขอบเขตบนได้อย่างลุ่มๆ ดอนๆ คุณสมบัติดีเยี่ยมอย่างถึงที่สุด แต่การฝ่าทะลุขอบเขตติดต่อกันหลายครั้งทำให้เสียพลังต้นกำเนิด ขอบเขตหยกดิบในเวลานี้จึงได้แต่อาศัยวิธีการนอกรีต บวกกับเงินเทพเซียนและสมบัติอาคมร่วมกันผลักดันขึ้นมา ระดับความสูงบนมหามรรคาของนางในชีวิต หากไม่ผิดไปจากที่คาดก็คงได้แต่หยุดอยู่ตรงนี้แล้ว เหนี่ยนซินไม่มีการสืบทอดจากสำนักที่แน่ชัด มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนอิสระที่ไปได้วิชานอกรีตมาจึงได้เดินขึ้นเขา ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ต้องเจออุปสรรคมากมายขนาดนี้”

“แต่ปณิธานของนางกลับไม่ได้อยู่ที่การเดินขึ้นสู่ยอดเขา แต่อยู่ที่ความแค้นใหญ่ในเกราะทองทวีปที่ต้องได้รับการชำระ เดิมทีนางคิดว่าหากต้องตายก็คือตายอยู่แล้ว คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินข่าวลือเล็กๆ ที่ไม่รู้จริงเท็จข่าวหนึ่ง บอกว่าเจ้านครจักรพรรดิขาวเกิดความสนใจในตัวนาง เหนี่ยนซินไม่อยากมีชีวิตแบบอยู่ไม่สู้ตาย ก็เลยหนีมาที่ภูเขาห้อยหัว เดิมทีคิดอยากจะแอบไปอยู่ที่ใต้หล้าเปลี่ยวร้าง เพราะวิถีทางโลกของที่นั่นวุ่นวายยิ่งกว่า ด้วยความสามารถของนางก็เหมือนวีรบุรุษที่มีพื้นที่ให้แสดงฝีมือ หากคิดจะเป็นดั่งแมวตาบอดที่ไปเจอหนูตาย ก็ไม่แน่ว่าอาจจะฝ่าทะลุขอบเขตได้จริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะถูกเซียนกระบี่ท่านหนึ่งดักจับตัวมาแล้วเอามาโยนทิ้งไว้ที่นี่”

“อยู่ที่นี่นางก็ไม่ได้อยู่เฉย เนื้อหนังบนร่างของปีศาจใหญ่หลายตนก็ล้วนเป็นนางที่เป็นคนเลาะออกแล้วส่งไปที่หอโอสถ ฝีมือของนางประณีตบรรจง ช่วยลดความยุ่งยากมากมายให้กับผู้ฝึกตนของหอโอสถ”

เรื่องวงในมากมายเหล่านี้ เฒ่าหูหนวกล้วนได้ยินได้ฟังมาจากเด็กชายผมขาวคนนั้น

ตัวเฒ่าหูหนวกเองไม่เคยใส่ใจเรื่องของคนอื่นที่วกไปวนมาพวกนี้ ไม่รู้ เขาก็ไม่ได้เสียเนื้อหนังสักหน่อย รู้แล้ว ก็ใช่ว่าจะมีเหล้าเพิ่มมาอีกกา

เฉินผิงอันเก็บมือกลับมา ลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยอย่างใครู้ “เจ้านครจักรพรรดิขาวเป็นฝ่ายสนใจคนเย็บผ้าคนหนึ่งก่อนงั้นหรือ?”

ไม่ใช่ว่าเฉินผิงอันมีอคติต่อเหนี่ยนซินหรือคนเย็บผ้า วิชานอกรีตและความรู้บนโลกมีหลายอย่างที่เป็นวิชาชั่วร้ายไม่เข้าขั้น วิชาการฝึกตนมีแบ่งดีเลวสูงต่ำ ทว่าผู้ฝึกตนกลับไม่แน่เสมอไป

เพียงแต่ผู้นำแห่งวิถีมารท่านนั้นอยู่สูงเหนือทะเลเมฆเกินไป เป็นคนของวิถีมารที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วกัน แต่กลับมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วใต้หล้า ในอดีตเฉินผิงอันเคยมีความเห็นส่วนตัวบางอย่าง หนึ่งในนั้นก็คือวันหน้าหากได้เดินทางไปเยือนทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง จะต้องไปดูน้ำที่ถูกระบายออกมาจากถ้ำสวรรค์หวงเหอให้เห็นกับตา ไปดูธงที่เขียนว่า ‘ถ่อมตนถอยให้แก่ใต้หล้า’ ของนครจักรพรรดิขาวให้จงได้

ชุยฉานเคยเล่นหมากล้อมเมฆหลากสี ต่อให้เป็นชุยตงซาน ทุกครั้งที่พูดถึงเจ้านครท่านนั้นก็ยากจะปิดบังความเลื่อมใสที่มีต่ออีกฝ่าย

อาจารย์ฉีเองก็เคยไปเยือนริมแม่น้ำใหญ่ เจ้านครท่านนั้นยังแหกกฎออกมาจากนครจักรพรรดิขาวที่ตั้งอยู่ท่ามกลางเมฆหลากสีอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เพื่อมาเชื้อเชิญอาจารย์ฉีให้ไปเล่นหมากล้อมกับตนด้วยตัวเอง

ยักษ์ใหญ่แห่งวิถีมารที่สายตาดีเยี่ยมอย่างถึงที่สุดท่านนี้ เรียกอีกฝ่ายว่าผู้อาวุโสอย่างจริงใจ เฉินผิงอันก็ยินดีอย่างยิ่ง แน่นอนว่าเฉินผิงอันไม่คิดว่าตัวเองจะมีคุณสมบัติได้พบเจอกับเจ้านครท่านนั้น

เฒ่าหูหนวกส่ายหน้า อธิบายว่า “ใต้เท้าอิ่นกวานดูถูกเหนี่ยนซินแล้วจริงๆ นางไม่ใช่คนเย็บผ้าธรรมดาทั่วไป ในอดีตแค่เลื่อนเป็นโอสถทองก็มีฝีมือของขอบเขตหยกดิบแล้ว เวทคาถาวิชาอภินิหารหลายอย่าง หากนางร่ายอย่างสุดกำลังขึ้นมาก็สามารถทำให้ขอบเขตหยกดิบที่บรรลุมรรคาแล้วต้องเสียเปรียบกลับไป”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!