กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 672

หลังจากนั้นก็เจอกับเซียนดินเผ่าปีศาจที่โขกหัวอ้อนวอน ยังมีภูตจิ้งจอกที่เรือนกายอรชรอ้อนแอ้น อายุมากถึงพันปี แต่ใบหน้ากลับยังเปล่งปลั่งอิ่มเอิบ มีความงามดุจเด็กสาว เห็นอิ่นกวานหนุ่มก็ทำท่าน่าสงสาร นั่งหันข้างเอามือกุมหัวใจ กัดริมฝีปากแน่น ทำท่าจะร้องไม่ร้อง ยิ่งมีเผ่าปีศาจที่พูดจาน่าเชื่อถือ บอกว่ายินดีให้คำสัตย์สาบาน พร้อมใจจะเป็นทาส ขอแค่ให้เขาได้มีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ ทว่าเฉินผิงอันไม่เคยเอ่ยอะไรสักคำ

เฒ่าหูหนวกยิ้มเอ่ย “ปีศาจจิ้งจอกตนนั้น แม้ว่าจะมีแค่เจ็ดหาง แต่หากใต้เท้าอิ่นกวานรับนางไปเป็นสาวใช้ก็ไม่ถือว่าเป็นการลดสถานะแต่อย่างใด เชื่อว่าใต้เท้าอิ่นกวานต้องมีอำนาจในเรื่องนี้แน่นอน อีกทั้งยังไม่ต้องกังวลถึงความจงรักภักดีของนางอีกด้วย”

เฉินผิงอันไม่ได้ตอบรับ

อยู่ดีๆ เฉินผิงอันก็นึกถึงบนเส้นทางระหว่างออกจากต้าสุยย้อนกลับบ้านเกิดในปีนั้น บนสะพานเลียบริมหน้าผาท่ามกลางค่ำคืนที่มีพายุหิมะ

หลายปีมานี้ได้ออกเดินทางไกลหลายต่อหลายครั้ง ปีศาจจิ้งจอกน้อยใหญ่ก็เคยเจอมาไม่น้อย แต่ไม่เคยมีโอกาสไปได้เยือนที่แคว้นหูของสกุลสวี่นครลมเย็นดูสักที สวีหย่วนเสียเคยบอกว่าต้องไปเยือนที่นั่นให้ได้ หากบุรุษไม่ไปเยือนแคว้นหูสักครั้งก็ไม่มีทางรู้เลยว่าอะไรที่เรียกว่าบ้านเกิดแห่งความอบอุ่นหลุมศพของวีรบุรุษ

ฮูหยินสี่ท่านของใต้หล้าไพศาล หนึ่งในนั้นคือฮูหยินแห่งภูเขาชิงเสินถ้ำสวรรค์จู๋ไห่ที่สนิทสนมกับอาเหลียงไม่น้อย นอกจากนี้ก็มีถัวเหยียนฮูหยินจากทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางที่เร้นหายเข้ากลีบเมฆ นางใช้สวนดอกเหมยแห่งหนึ่งแลกเปลี่ยนมาด้วยการส่งจดหมายลับฉบับหนึ่งไปให้ถึงมือของเฉินฉุนอันผู้รอบรู้ในอนาคต ก็หนีไม่พ้นหวังว่าทักษินาตยทวีปจะปฏิบัติต่อภูตห้าขอบเขตบนอย่างนางดีสักหน่อย จะว่าไปแล้วนี่ก็เป็นทั้งยันต์คุ้มกันกายจากอริยะลัทธิขงจื๊อแผ่นหนึ่งที่ขอมาให้ถัวเหยียนฮูหยิน แล้วก็ทั้งเป็นเพราะเฉินผิงอันคิดพิจารณาเพื่อลู่จือในระยะยาว ขอบเขตสูงก็จะต้องมีความกังวลใหญ่ของขอบเขตสูง ทว่าลู่จือกลับไม่ใช่เซียนกระบี่ที่ยินดีจะทำอะไรอย่างขอไปที หากไปเยือนทักษินาตยทวีป นางลู่จือก็ต้องกลายเป็นคนต่างถิ่นแล้ว เมื่อบัณฑิตคิดบัญชีขึ้นมา ความวกวนอ้อมค้อมจะมีมากเพียงใด? กลัวก็แต่แผนการร้ายอย่างเปิดเผยที่บีบให้ลู่จือจำต้องออกกระบี่ นั่นต่างหากถึงจะเป็นปัญหาใหญ่เทียมฟ้า ดังนั้นเมื่อข้างกายของลู่จือมีถัวเหยียนฮูหยินคอยช่วยวางแผน จึงค่อนข้างจะทำให้คนวางใจได้ เพียงแต่เฉินผิงอันก็กังวลว่าถัวเหยียนฮูหยินจะมีความเห็นแก่ตัวและความเคียดแค้นรุนแรงเกินไป ลู่จืออาจจะได้รับอิทธิพลจากนางไปโดยไม่รู้ตัว

ดังนั้นหากเฉินฉุนอันออกหน้าจึงเป็นทั้งการปกป้อง และยิ่งเป็นการควบคุมจับตามอง ไม่ปล่อยให้ถัวเหยียนฮูหยินทำอะไรตามใจชอบ

เพียงแต่ตอนนี้ถัวเหยียนฮูหยินยังไม่รู้เรื่องนี้ คาดว่าตอนนี้นางคงยังสงสัยใคร่รู้อยู่เลยว่าคุณความชอบครั้งหนึ่งที่อิ่นกวานหนุ่มรับปากว่าจะมอบให้ สรุปแล้วจะสามารถแลกเปลี่ยนสิ่งของแบบใดกลับมาได้ เฉินผิงอันไม่มีท่าทีว่าจะบอกเตือนนางล่วงหน้า รอให้นางไปเยือนทักษินาตยทวีปเป็นเพื่อนลู่จือ ทุกอย่างก็จะกระจ่างแจ้งเหมือนหินผุดยามน้ำลดเอง

ยังมีฮูหยินอีกคนหนึ่งที่ถูกมองว่าเป็นเผ่าพันธุ์ตำหนักดวงจันทร์ดั้งเดิมที่สุด อีกทั้งยังไม่รู้ว่าเป็นหรือตายไปแล้ว ทว่าเฉินผิงอันแน่ใจมานานแล้วว่าคนผู้นั้นก็คือกุ้ยฮูหยินผู้ถวายงานเบื้องหลังตระกูลฟ่าน

สุดท้ายคือจิ้งจอกฟ้าเก้าหางที่เลื่อนขั้นเป็นขอบเขตเซียนเหรินคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใดเหมือนกัน

ชั้นล่างสุดของคุก กรงขังที่อยู่ด้านหลังสุดมีลักษณะเหมือนคุกน้ำ น้ำลึกแค่สองฉื่อ ความกว้างประมาณหนึ่งไร่ น้ำเป็นสีเขียวมรกต โชคชะตาน้ำเข้มข้น ถึงขั้นสามารถจำแลงปลาน้อยสีเขียวออกมาได้หลายตัว บ่อน้ำใสกระจ่างจนมองเห็นทุกอย่างชัดเจน ปลาน้อยสีเขียวมรกตเหล่านั้นพลันหยุดนิ่งไม่ขยับคล้ายลอยตัวอยู่กลางอากาศ ด้านในขังเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ยื่นหัวออกมาข้างนอก เรือนกายด้านล่างศีรษะลงไปที่จมอยู่ใต้น้ำกลับมองไม่เห็นแม้แต่น้อย ราวกับว่ากลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับสายน้ำแล้ว

น่าจะเป็นวิชาเลี้ยงมังกรกระมัง?

บนใบหน้าของปีศาจเด็กหนุ่มมองเห็นร่องรอยของเกล็ดได้เลือนๆ บนหน้าผากทั้งฝั่งซ้ายและขวาปูดนูนขึ้นมาน้อยๆ เหมือนกระดูกอ่อน

เฉินผิงอันสอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อ ยืนนิ่งไม่ขยับ ประสานสายตากับเด็กหนุ่ม

ตบะขอบเขตถ้ำสถิต เพิ่งจะกลายร่างเป็นคนได้ไม่นานเท่าไร

สืบสาวราวเรื่องกันแล้วก็ยังเป็นเพราะมีพรสวรรค์ที่โดดเด่น บนเส้นทางการฝึกตน คิดจะให้บรรพจารย์ประทานข้าวให้กิน ก็ต้องได้รับข้าวที่สวรรค์ประทานมาให้ก่อน ถึงจะรู้ว่าจะฝึกตนได้หรือไม่

เฉินผิงอันเริ่มเดินย้อนกลับพลางเอ่ยชื่นชม “ได้รับโชควาสนา ฝึกกระบี่ฝึกตน อาจารย์พาเข้าประตู ยิ่งได้ถามจิตแห่งมรรคา ลูกศิษย์สามคนนี้ของผู้อาวุโส ความสำเร็จบนมหามรรคาจะต้องทำให้คนตกใจตายได้แน่นอน”

สามคนซึ่งรวมถึงเด็กหนุ่มเป็นหนึ่งในนั้น ตอนนี้แบ่งขอบเขตออกเป็นถ้ำสถิต ประตูมังกร และคอขวดโอสถทอง

กรงขังแห่งนี้ไม่ได้จับขังอาเมาอาโก่ว (หมายถึงหมาแมว ตัวประกอบ คนที่ไม่มีบทบาทสำคัญ) ที่จับมาจากข้างทาง ยิ่งเป็นผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจที่อายุน้อยเท่าไรก็ยิ่งมีฐานกระดูกที่น่าตะลึงมากเท่านั้น

เฒ่าหูหนวกยิ้มเจื่อนเอ่ยว่า “ใต้เท้าอิ่นกวาน คงไม่ถึงขั้นนั้นกระมัง?”

คนหนุ่มผู้นี้ แน่นอนว่าตอแยด้วยยาก แต่เขาก็ยังสามารถตบอีกฝ่ายให้ตายด้วยฝ่ามือเดียวได้อยู่ดี

ปัญหาคือก่อนที่ตนจะลงมือ เฉินชิงตูคงตบตนให้ตายด้วยฝ่ามือเดียวไปก่อนแล้ว

หากเฉินผิงอันยืนกรานจะทำผิดสัญญา สังหารลูกศิษย์ทั้งสามคนของเขาไปพร้อมกันทีเดียว ด้วยนิสัยของเฉินชิงตู เขาจะเข้าข้างใคร จำเป็นต้องคิดด้วยหรือ?

เฉินผิงอันเอ่ย “แต่ไหนแต่ไรมาผู้อาวุโสก็รักษากฎเกณฑ์อยู่เสมอ ในใจผู้น้อยรู้สึกเลื่อมใสอย่างยิ่ง”

เฒ่าหูหนวกหลุดหัวเราะพรืด “แต่ว่า?”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ผู้อาวุโสคุยเก่งเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นผู้อาวุโสก็พูดต่อเถอะ ผู้น้อยจะเงี่ยหูรอฟัง”

เฒ่าหูหนวกไม่คิดจะทำการค้ากับคนหนุ่มผู้นี้แม้แต่น้อย

เฒ่าหูหนวกถามเสียงดังว่า “เซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโส แบบนี้ก็ได้หรือ? ไม่ควบคุมหน่อยหรือไร?”

ไม่มีคำตอบรับ

เฉินผิงอันเอ่ยต่ออีกว่า “สามคนนี้ที่ผู้อาวุโสเลือกมา น่าจะมีคุณสมบัติเป็นห้าขอบเขตบนได้ทั้งหมดกระมัง?”

เฒ่าหูหนวกพยักหน้ารับอย่างจนใจ

เฉินผิงอันกล่าว “ถ้าอย่างนั้นก็คิดคำนวณเป็นขอบเขตหยกดิบคนหนึ่ง ขอบเขตเซียนเหรินสองคน แน่นอนว่าเป็นขอบเขตของผู้ฝึกกระบี่ ข้าต้องการขอโชควาสนาด้านการฝึกตนสามชิ้นมาจากผู้อาวุโส จะเป็นเวทคาถาหรือสมบัติอาคมก็ได้ทั้งนั้น หากเป็นเวทอาคมที่เหมาะให้เผ่าปีศาจไว้ใช้ฝึกตนย่อมดีที่สุด”

เฒ่าหูหนวกระบายลมหายใจโล่งอก ของเล่นพวกนี้สำหรับผู้ฝึกตนขอบเขตบินทะยานคนหนึ่งแล้วล้วนถือเป็นของนอกกายทั้งสิ้น “ขอบเขตหยกดิบสองคน ขอบเขตเซียนเหรินหนึ่งคน หากโชคไม่ดีก็จะมีแค่ก่อกำเนิดคนหนึ่ง หยกดิบสองคน”

เฒ่าหูหนวกไม่ได้โกหก

ผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่งมีคุณสมบัติของห้าขอบเขตบนหรือไม่ กับการที่ว่าสุดท้ายจะกลายเป็นเซียนกระบี่ห้าขอบเขตบนได้หรือไม่ เป็นคนละเรื่องกัน

พูดถึงแค่คนที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลก ยังไม่ตายไป เยี่ยนเหมิง อินเฉิน น่าหลันไฉ่ฮ่วน มีใครบ้างที่ไม่ใช่ตัวอ่อนเซียนกระบี่ที่มีคุณสมบัติเลิศล้ำ แล้วทุกวันนี้ล่ะเป็นอย่างไร?

เฉินผิงอันตอบตกลง “เอาตามที่ผู้อาวุโสว่า”

เฒ่าหูหนวกยิ้มกล่าว “แน่นอนว่าคำเรียกขานว่า ‘ผู้อาวุโส’ ย่อมไม่เสียเปล่า”

เฉินผิงอันกุมหมัดเอ่ย “ผู้อาวุโสอย่าได้จดจำความแค้นเลย”

เฒ่าหูหนวกส่ายหน้า “ไม่หรอก”

เฉินผิงอันกล่าว “กรงขังแห่งนี้ อันที่จริงก็คือโครงกระดูกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สูญเสียศีรษะโครงหนึ่งกระมัง”

เฒ่าหูหนวกพยักหน้ารับ

เดินมาถึงกรงขังแห่งหนึ่งที่เดิมทีเฉินผิงอันนึกว่าว่างเปล่า จู่ๆ ก็มีคนผู้หนึ่งเดินออกมาจากหมอกพรางตา

เฉินผิงอันหันหน้าไปมอง คือสตรีที่มีใบหน้าซีดขาวราวหิมะ แต่ริมฝีปากกลับแดงฉาน รูปโฉมอ่อนเยาว์ บนข้อมือผูกถุงปักลายใบหนึ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!