เดินมาถึงคุกที่นับจากด้านหลังคือกรงขังแห่งที่สี่ ผู้ฝึกตนขอบเขตประตูมังกรเชี่ยวชาญการอำพรางลมปราณคนหนึ่ง ท่าไม้ตายคือวัตถุแห่งชะตาชีวิตสองชิ้นที่ล้วนสามารถพันธนาการกระบี่บินได้ คือคนอำมหิตที่ชอบสังหารผู้ฝึกกระบี่บนสนามรบอย่างโหดเหี้ยม
อันที่จริงสำหรับการกระทำเช่นนี้ เฉินผิงอันไม่ได้ชื่นชอบหรือรังเกียจสักเท่าไรนัก ทางฝั่งของกำแพงเมืองปราณกระบี่นี้ก็มีเซียนกระบี่หลายท่าน และยังมีพวกน่าหลันไฉ่ฮ่วน ฉีโซ่วที่ต่างก็เป็นคนเหี้ยมที่ขึ้นชื่อเรื่องความไร้ปราณี เพียงแต่ตามบันทึกในเอกสารของสายอิ่นกวาน ผู้ฝึกตนขอบเขตประตูมังกรที่อยู่ในสำนักใหญ่ของใต้หล้าเปลี่ยวร้างผู้นี้ เมื่ออยู่ที่บ้านเกิด ขนาดในกลุ่มของเผ่าปีศาจด้วยกันเองก็ยังขึ้นชื่อเรื่องความวิปริตโหดร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังชอบซื้อคนอย่างจู๋เชี่ยที่ถูกใต้หล้าเปลี่ยวร้างมองเป็นพวก ‘ลูกผสม’ และยังเคยซื้อเชลยที่เป็นผู้ฝึกกระบี่หญิงหลายคนจากภูเขาของปีศาจใหญ่ฉงกวง จุดจบของพวกนางจะเป็นอย่างไร ไม่ต้องบอกก็พอจะจินตนาการได้
เฉินผิงอันเอ่ยเบาๆ “ผู้อาวุโสเหนี่ยนซิน ช่วยเปิดประตูให้ที”
ตราผนึกของคุก เฉินผิงอันรู้เวทลับ แต่กลับเปิดไม่ออก
สตรีคนเย็บผ้าเผยเรือนกายที่ร่องรอย ราวรั้วแสงกระบี่พลันหายวับไป
เฉินผิงอันเดินไปด้านหน้า พบว่านางไม่มีท่าทีที่จะจากไป เฉินผิงอันก็หยุดยืนตรงหน้าประตู หันหลังให้กับสตรีที่มีสภาพน่าเวทนาจนทนมองไม่ได้ กำลังจะเปิดปากพูด
เหนี่ยนซินกลับเอ่ยว่า “ใต้เท้าอิ่นกวานประเมินตัวเองสูงเกินไปหน่อยหรือไม่? หรือจะบอกว่ารักหน้าตาของตัวเอง จึงไม่อยากให้คนนอกได้มาเห็นวิธีการอันอำมหิตของลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อ? ไม่จำเป็นหรอก”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ แล้วจึงม้วนชายแขนเสื้อขึ้นไปอีกชั้น
ประมาณหนึ่งก้านธูปต่อมา
เหนี่ยนซินมองไปยังแผ่นหลังของคนหนุ่มที่นั่งยองอยู่บนพื้น
เผ่าปีศาจขอบเขตประตูมังกรตนนั้นเหลือแค่ศีรษะที่ยังครบถ้วนสมบูรณ์ ด้านล่างลำคอลงไปล้วนเหมือนดินโคลนเละๆ กองหนึ่ง แต่ยังไม่ตาย เนื้อหนัง เส้นเอ็น กระดูกและจิตวิญญาณ ค่อยๆ ขยับไปทีละชั้น ลงมืออย่างเนิบช้า
ดูท่าเส้นทางการฝึกวรยุทธของอิ่นกวานหนุ่มคงเจอกับความยากลำบากมาไม่น้อย ถึงได้มีความหมายของคนที่ ‘ป่วยมานานจึงกลายเป็นหมอ กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเสียเอง’
เป็นเหตุให้เผ่าปีศาจขอบเขตประตูมังกรที่ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณล้วนแข็งแกร่งทนทานก็ยังร้องคร่ำครวญขอว่า ‘ฆ่าข้าเถอะ ฆ่าข้าเถอะ’
เฉินผิงอันควักลูกตาข้างหนึ่งของเผ่าปีศาจตนนั้นออกมา บีบให้แหลกเบาๆ เอานิ้วมือเช็ดไปบนหน้าผากของอีกฝ่ายสองสามที ถามว่า “ร่างมนุษย์ที่จำแลงมาจากเผ่าปีศาจต่างก็มีความต่างในรายละเอียดเล็กๆ ใช่หรือไม่?”
เหนี่ยนซินพยักหน้ารับ “ไม่เพียงแต่เผ่าปีศาจที่จำแลงร่างเป็นมนุษย์เท่านั้นที่มีความแตกต่าง ต่อให้เป็นพวกเราเอง ยามที่ศึกษาเวทคาถาของใต้หล้า ต้นกำเนิดเหมือนแต่แตกกิ่งก้านสาขาออกไป แบ่งแยกเป็นนับพันนับหมื่นเส้นสาย วิชาที่ได้รับการขนานนามว่า ‘ต้นตำรับของความเหนือเมฆ’ ได้นั้น ล้วนสามารถมองข้ามผลกระทบจากการแบ่งแยกเส้นสายแบ่งแยกสาขาเหล่านั้นไปได้เลย วิชานอกรีตเป็นลำดับรอง วิชามารชั่วร้ายก็รองลงไปอีก ล้วนพาคนให้เดินขึ้นเขาได้ ความยากง่ายแตกต่างกัน สูงต่ำไม่เหมือนกัน ยิ่งเป็นต้นตำรับดั้งเดิมก็ยิ่งสามารถจับเส้นสายของพื้นที่มงคลถ้ำสวรรค์ในร่างกายมนุษย์ได้อย่างแม่นยำ ยิ่งเดินอ้อมระยะทางได้น้อยลง เหตุผลนั้นเรียบง่ายมาก เมื่อเป็นเส้นทางกว้างใหญ่ ปราณวิญญาณก็เปี่ยมล้นไหลริน รถและม้าสัญจรกันขวักไขว่ ประหนึ่งกองทัพยาตรา พลังอำนาจยิ่งใหญ่อย่างมาก หากเป็นทางเส้นเล็กเท่าไส้แกะ หนทางแคบชันอันตราย ถึงอย่างไรการโคจรของปราณวิญญาณก็มีจำกัด เพียงแต่ว่าเรื่องราวทุกอย่างไม่มีอะไรที่ตายตัว คนที่มีพรสวรรค์เลิศล้ำจะไม่ถูกพันธนาการด้วยหลักการเหตุผลข้อนี้ ต่อให้เป็นทางสายเล็กก็ยังคงเดินขึ้นสู่ยอดสูงสุดได้อยู่ดี”
เฉินผิงอันยื่นนิ้วข้างหนึ่งออกมาวางไว้บนหว่างคิ้วของเผ่าปีศาจตนนั้นแล้วปาดลงเบาๆ เหมือนกรีดมีด จากนั้นก็ถลกหนังหน้าของอีกฝ่ายออกมา
เหนี่ยนซินเห็นว่าการกระทำของเขาเบามือเนิบช้าแต่กลับมั่นคงอย่างถึงที่สุด ประเด็นสำคัญคือจิตใจไม่มีริ้วคลื่นกระเพื่อม ไร้ความอาฆาตแค้น ไร้ความชื่นชอบหรือเศร้าใจ ถือเป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมที่สุดในการเป็นคนเย็บผ้าหรือไม่ก็เพชรฆาตมาตั้งแต่เกิด
หากเรียบเรียงผู้ฝึกตนสิบประเภทของใต้หล้าไพศาลออกมา เพชรฆาตและคนเย็บผ้าที่เป็นหนึ่งในนั้นก็มีความมหัศจรรย์หลายอย่างที่คล้ายคลึงกัน
เหนี่ยนซินเอ่ยเตือน “ขอบเขตประตูมังกรที่เรือนกายอ่อนแอแบบนี้ ไม่มีคุณสมบัติที่จะทำให้ข้าลงมือเย็บผ้าได้หรอกนะ”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ทราบดี ก็แค่อุ่นมือเท่านั้น เพราะคิดอยู่ว่าจะขอเรียนศาสตร์การเย็บผ้าจากผู้อาวุโสเหนี่ยนซินสักหน่อย”
เหนี่ยนซินส่ายหน้า “แนะนำใต้เท้าอิ่นกวานว่าอย่าได้เข้ามาสัมผัสกับเส้นทางนี้ง่ายๆ จะดีกว่า มีแต่จะทำให้ฟ้าดินรู้สึกรังเกียจ เป็นอุปสรรคขัดขวางต่อมหามรรคา ผู้ฝึกยุทธกลายเป็นเทพ ผู้ฝึกกระบี่เดินขึ้นฟ้า นั่นต่างหากถึงจะเป็นเส้นทางใหญ่ด่านหยางกวนที่อิ่นกวานสมควรจะเดิน”
เฉินผิงอันเอานิ้วจิ้มเข้าไปที่หน้าผากของผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจ ลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยเนิบช้าว่า “เวทคาถาไร้ข้อห้าม แค่จิตใจมั่นคงก็เพียงพอแล้ว คนชั่วย่อมต้องมีคนชั่วมางัดข้อกัน กับคนชั่วมีเพียงคนชั่วที่งัดข้อได้ ต่างกันแค่ตัวอักษรเดียว สองคำกล่าวนี้ อย่างแรกจนใจเกินไป อย่างหลังตายตัวเกินไป ข้ารู้สึกว่าต่างก็ไม่ค่อยถูก”
เหนี่ยนซินเงียบงัน
เฉินผิงอันเดินออกมาจากคุก เดินไปยังกรงขังแห่งถัดไป
เมื่อบันทึกลงในเอกสารของคฤหาสน์หลบร้อน ก็เป็นแค่การออกหมัดตามใจปรารถนาเท่านั้น
วิธีการแตกต่างกัน ความเหมือนเพียงอย่างเดียวก็คือจะบอกชื่อแซ่ของตัวเองก่อน
ใต้หล้าไพศาล เฉินผิงอัน
เหนี่ยนซินติดตามอยู่ด้านหลังคนหนุ่มตลอดเวลา มองดูเขาลงมือตลอดทั้งขั้นตอน
เผ่าปีศาจเซียนดินสิ้นชีพไปแล้ว เหนี่ยนซินจึงเปิดถุงผ้าปักลายที่ห้อยเอวออก หยิบเอาเข็มเล็ก มีดสั้นที่แตกต่างกันออกมาจัดการกับศพ ส่วนอิ่นกวานหนุ่มนั้นยืนมองอยู่ด้านข้าง
จิตหยินของเหนี่ยนซินออกมาจากร่าง ลักษณะแปลกประหลาดอย่างยิ่ง จิตหยินเล็กเท่าเมล็ดงาจนแทบจะมองไม่เห็นแล้ว ทว่าในมือของจิตหยินยังถือ ‘เข็มเย็บผ้า’ ที่เป็นวัตถุแห่งชะตาชีวิตขนาดเล็กกว่าดวงจิตไว้อีกหนึ่งเล่ม
ตอนที่เผชิญหน้ากับเผ่าปีศาจสำนักการทหารขอบเขตโอสถทอง เขาก็ปล่อยให้อีกฝ่ายลงมืออย่างเต็มที่ ตัวเองไม่ตอบโต้แม้แต่น้อย
ยามที่คุมเชิงกับผู้ฝึกกระบี่โอสถทองคนหนึ่ง เหนี่ยนซินค้นพบด้วยความตกตะลึงว่าอิ่นกวานหนุ่มหายตัวไปกลางอากาศ คล้ายกับสร้างฟ้าดินขนาดเล็กแห่งหนึ่งขึ้นมาสกัดกั้น
หลังจากถอนวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตของกระบี่บินทิ้งไป ขณะที่เหนี่ยนซินจัดการกับศพ เฉินผิงอันก็ถามว่า “ผู้อาวุโสเหนี่ยนซิน ผู้ฝึกลมปราณสิบประเภทที่มีคนเย็บผ้าเป็นหนึ่งในนั้น ผู้อาวุโสเคยพบเจอกับตัวเองมากี่ประเภท?”
มือของเหนี่ยนซินยังเคลื่อนไหวไม่หยุด นางเลือกเส้นเอ็นได้อย่างคล่องแคล่วแล้วดึงออกมา เลาะข้อต่อกระดูกออก มือไม้ว่องไวดุจเมฆคล้อยน้ำไหล ทว่าภาพนี้ยังอยู่ไกลกับคำว่าชวนให้คนมองสบายตาสบายใจมากนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!