กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 675

เฉินผิงอันกับเหนี่ยนซินเดินไปถึงกรงขังแห่งหนึ่ง

บุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ แทบไม่มีลมหายใจ เรือนกายผอมแห้งราวท่อนฟืน หนังหุ้มกระดูก แต่ปณิธานหมัดกลับเปี่ยมล้น ปณิธานหมัดแต่ละเสี้ยวแต่ละเส้นรวมตัวกันจนจับต้องได้จริงประหนึ่งเจียวหลงขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วนที่ล้อมพันอยู่รอบกายคน

คือขอบเขตเดินทางไกลจริงแท้แน่นอน

ท่ามกลางศึกสงครามก่อนที่เฉินผิงอันจะมาเยือนกำแพงเมืองปราณกระบี่ ผู้ฝึกยุทธเต็มตัวของใต้หล้าเปลี่ยวร้างผู้นี้ใช้หมัดสังหารผู้ฝึกกระบี่ไปหกคน คนหนึ่งในนั้นยังเป็นผู้ฝึกกระบี่เซียนดินด้วย

บุรุษลืมตาขึ้น ถามว่า “มาฆ่าข้าหรือ?”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ

บุรุษชำเลืองตามองสตรีคนเย็บผ้าที่อยู่ด้านหลังเฉินผิงอันแล้วเอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “แน่จริงก็มาเอาหัวข้าไปด้วยตัวเอง”

สตรีอัปลักษณ์ที่จะคนก็ไม่ใช่จะผีก็ไม่เชิงผู้นั้น เขารู้ดีว่าตัวเองสู้อีกฝ่ายไม่ได้ วิธีการของสตรีอำมหิตโหดเหี้ยม ทำให้เขาต้องทุกข์ทรมานมาไม่น้อย

เฉินผิงอันเอ่ย “มาถามหมัดกันครั้งหนึ่งเพื่อตัดสินเป็นตาย”

บุรุษเอ่ยเย้ยหยัน “ผู้ฝึกยุทธเต็มตัวคนหนึ่งของกำแพงเมืองปราณกระบี่คิดจะเอาข้าเป็นหินลับมีดอย่างนั้นหรือ? ข้ากลัวว่าต่อยหมัดหนึ่งออกไปแล้วเจ้าจะกอดเอวสตรีผู้นั้นร้องคร่ำครวญว่าเจ็บ ฮ่าๆ น่าเสียดายที่สารรูปของสตรีผู้นี้ไม่ถือว่างดงามเลยจริงๆ”

เฉินผิงอันกล่าว “ผู้อาวุโสเหนี่ยนซิน เชิญปิดประตูคุก รอให้มีคนตายเมื่อไหร่ค่อยเปิดออกอีกครั้ง”

เหนี่ยนซินปิดประตูใหญ่ลง ราวรั้วแสงกระบี่เป็นเส้นๆ ก็ปรากฏขึ้น ในกรงขังแห่งนั้นคือผู้ฝึกยุทธสองคน

บุรุษลุกขึ้นยืน “นับว่าเป็นคนใจเด็ดไม่น้อย”

เฉินผิงอันกุมหมัดเอ่ย “เฉินผิงอันแห่งใต้หล้าไพศาล”

บุรุษผู้นั้นตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนจะกุมหมัดคารวะกลับคืน “หงอิ่นแห่งนครจินซีใต้หล้าเปลี่ยวร้าง”

ขอบเขตเดินทางไกลคนหนึ่งกับคอขวดขอบเขตร่างทองคนหนึ่งออกหมัดแทบจะเวลาเดียวกัน

พายุหมัดพัดกระโชกแรงอยู่ในกรงขัง

ชั่วพริบตานั้นต่างฝ่ายต่างก็ปล่อยหมัดออกไปสิบกว่าหมัด เฉินผิงอันใช้หมัดและเท้ารับมือการออกหมัดของอีกฝ่าย ส่วนใหญ่ป้องกันมากกว่าโจมตี สุดท้ายก็ถูกหงอิ่นฟาดแข้งเข้าที่กลางบั้นเอว ทว่าขาสองข้างของเขายังคงปักตรึงอยู่บนพื้นดิน เพียงแต่ร่างท่อนบนขยับไปด้านข้างจั้งกว่า หงอิ่นยกเท้าข้างหนึ่งกระทืบพื้น ขยับตัวเข้ามาใกล้ แต่เฉินผิงอันกลับเบี่ยงตัวหลบฉาก ยกเท้าข้างหนึ่งขึ้น งอเข่าถีบเข้าที่หน้าท้องของหงอิ่น ถ่ายเทพละกำลังไปที่ขาข้างนั้นแล้วถึงขั้นกดหงอิ่นไว้บนพื้นได้ด้วยเท้าข้างเดียว

เฉินผิงอันไม่ได้ฉวยโอกาสนี้ไล่โจมตีต่อ กลับกันยังก้าวถอยไปสองก้าว เอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง เปลี่ยนหมัดข้างหนึ่งเป็นฝ่ามือวางไว้ด้านหน้าตัวเอง

โครงท่าหมัดค่อยๆ ลดลงต่ำ

ทว่าปณิธานหมัดกลับค่อยๆ ยกขึ้นสูง

หงอิ่นที่ไม่ได้เป็นอะไรมากใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งตบพื้น พลิกตัวลุกขึ้นยืน ถามว่า “จะหยุดแค่นี้เองหรือ?”

เฉินผิงอันเอ่ย “ข้ารู้รากฐานของเจ้า แต่เจ้ากลับไม่รู้พื้นฐานของข้า ดังนั้นจึงปล่อยให้เจ้าได้ลองหยั่งเชิงดู นับแต่นี้ไป จะให้เจ้าออกหมัดอีกร้อยครั้ง ส่วนการหยั่งเชิงความหนักเบาของหมัดข้า เป็นหลังจากนั้น”

หงอิ่นบิดหมุนข้อมือ ข้อต่อกระดูกทั่วร่างซึ่งรวมถึงกระดูกสันหลังและกระดูกซี่โครงเหมือนเต่าอ๋าวพลิกกระดอง พายุหมัดพลันระเบิดออก ปณิธานอันน่าเกรงขามล้นทะลัก

ก่อนหน้านี้การออกหมัดและเปลี่ยนกระบวนท่า เขาต้องการจะหยั่งเชิงอีกฝ่ายจริงๆ เวลานี้หงอิ่นจึงยิ้มเอ่ยว่า “คำกล่าวนี้ของเจ้า หากจะให้มีความมั่นใจมากพอจริงๆ ก็ต้องเป็นขอบเขตเก้าถึงจะได้”

บุรุษแค่เคยได้ยินมาว่าผู้ฝึกยุทธเต็มตัวของใต้หล้าเปลี่ยวร้างถูกจำกัดอยู่ที่เรือนกายแต่ที่อ่อนแอมากำเนิด จึงเหมือนกระดาษเปียกกันทั้งหมด

เฉินผิงอันส่ายหน้า “ข้ายังไม่ได้เป็นขอบเขตเดินทางไกล แต่ตอนอยู่ในสนามรบได้สังหารโหวขุยเหมิน เพียงแต่ว่าค่าตอบแทนไม่น้อย เป็นเหตุให้จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่จะบอกกับเจ้าตามตรงว่า ยามที่ข้าเผชิญหน้ากับศัตรู ไม่ว่าจะบาดเจ็บหรือไม่ ก็ไม่เคยส่งผลอะไร”

หงอิ่นเดินหน้าไปอย่างเนิบช้า เฉินผิงอันเพียงแค่ยืนอยู่ที่เดิม แม้แต่เส้นสายตาก็ยังไม่ได้ขยับมองไปทางอื่น ปล่อยให้หงอิ่นเดินออกไปจนกลายเป็นแนวเส้นโค้งที่ระยะห่างไม่มาก

ในฐานะขอบเขตเดินทางไกลที่แข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด หงอิ่นย่อมต้องเคยได้ยินชื่อของโหวขุยเหมินที่แต่งตัวฉูดฉาดคนนั้น หงอิ่นไม่เคยพบเจออีกฝ่ายมาก่อน เพียงแต่เคยได้ยินมาว่าอีกฝ่ายชอบสวมชุดเสื้อเกราะสีแดงสด สวมกวานม่วงทองขนหงส์ เสียบขนนกสองชิ้นที่ยาวมาก ตลอดทั้งร่างล้วนมีแต่สมบัติหนัก ดังนั้นหงอิ่นจึงไม่แยแสโหวขุยเหมินแม้แต่น้อย ในเมื่อเป็นผู้ฝึกยุทธเต็มตัวก็ไม่ควรมีของนอกกาย มีเพียงสองหมัดก็พอแล้ว อย่างเช่นคนหนุ่มตรงหน้าที่เปลือยเท้าม้วนชายแขนเสื้อผู้นี้ที่ทั่วตัวสะอาดสะอ้าน บริสุทธิ์อย่างยิ่ง

หงอิ่นถาม “หรือว่าการจับคู่เข่นฆ่าของผู้ฝึกยุทธในใต้หล้าไพศาลล้วนเป็นแบบเจ้า ต้องอธิบายให้ชัดเจนก่อนแล้วค่อยลงมือ? มีข้อพิถีพิถันที่ประหลาดแบบนี้ด้วยหรือ?”

เฉินผิงอันส่ายหน้า “แค่ให้เจ้าออกหมัดได้อย่างสะใจก่อนตายก็เท่านั้น”

หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง เฉินผิงอันก็ยังบอกกับอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมาว่า “เจ้าไม่ได้ลงมือมานานเกินไป ทั้งหมัดทั้งเท้าต่างก็ไม่คล่องแคล่ว อีกทั้งในใจยังกริ่งเกรงสตรีที่อยู่นอกกรงขังเกินไป ปณิธานหมัดจึงอยู่ไกลเกินกว่าจะไปถึงขอบเขตสูงสุด ข้าแค่ออกหมัดไม่กี่ทีก็ต่อยเจ้าตายได้แล้ว จะมีความหมายอะไร”

หงอิ่นไม่พูดอะไรอีก

การถามหมัดของผู้ฝึกยุทธ เหตุผลน้อยใหญ่นั้นก็แค่ต้องดูว่าหมัดหนักหรือไม่ วิชาหมัดสูงหรือไม่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!