เฉินผิงอันขึ้นมาบนบันใดแล้วก็ม้วนชายแขนเสื้อข้างซ้ายขึ้นเบาๆ
ซวงเจี้ยงนั่งยองอยู่ด้านข้าง เอ่ยว่า “เห็นไหม แขนข้างนี้ของบรรพบุรุษอิ่นกวานมีความรู้มากมายจริงๆ สตรีธรรมดาทั่วไปตาถั่ว บางทีอาจจะมองไม่ออกว่านี่สอดคล้องกับคำกล่าวอันสูงส่งลี้ลับว่ากิ่งทองใบหยก ด้านในล้วนมีแต่ประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ที่สูงส่งแท้จริงของการบรรลุมรรคา ทำให้พวกเทพธิดาบนภูเขาที่มองออกน้ำลายสอด้วยความอยากได้ วันหน้าบรรพบุรุษอิ่นกวานเดินทางไกลไปทั่วทิศก็ต้องสวมชุดคลุมอาคมหลายๆ ตัวถึงจะได้ ไม่อย่างนั้นหนี้รักยวนยางจะต้องมีเยอะมากแน่นอน หากจะให้ข้าแนะนำนะ ลำพังเพียงแค่บังแขนข้างนี้คงยังไม่ได้ผล ด้วยหน้าตา รูปร่าง การพูดการจา และบุคลิกลักษณะของบรรพบุรุษอิ่นกวานก็ล้วนต้องเลียนแบบสิงกวานผู้นั้น ไม่อย่างนั้นพวกเทพธิดาทั้งหลายแต่ละคนจะต้องหลงรักท่านทันทีที่ได้เห็น จิตใจแกว่งไกว วิญญาณหลุดออกจากร่าง บนทะเลสาบหัวใจเหมือนมีกวางน้อยวิ่งเข้าชนกระโดดโลดเต้น ริ้วคลื่นกระเพื่อมจนใบหน้าแดงก่ำ แน่นอนว่าบรรพบุรุษอิ่นกวานต้องไม่มีทางหวั่นไหว แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องที่น่ารำคาญใจ ก็เหมือนเรื่องผูกพันธะสัญญานั่นแหละ”
เฉินผิงอันถาม “เฒ่าหูหนวกต้องคอยฟังเจ้าพร่ำพูดแบบนี้น่ะหรือ?”
ซวงเจี้ยงหัวเราะคิกคัก “หลานชายคนนั้นฝึกฝนจิตใจได้ไม่มากพอ คือเศษสวะไร้ประโยชน์”
เหนี่ยนซินมาถึงก็ช่วยเฉินผิงอันนำตราประทับอาคมห้าอสนีชิ้นนั้นมาผลัดเปลี่ยน ‘ถ้ำสวรรค์’ ย้ายจากศาลภูเขามายังบนยอด ‘ขุนเขา’ ลูกหนึ่งที่อยู่ตรงกลางฝ่ามือ
การเข่นฆ่าของผู้ฝึกตนที่ขอบเขตสูสีกัน ความต่างเพียงเสี้ยววินาทีก็คือการตัดสินเป็นตาย
ไม่เพียงแต่สามารถทำให้เฉินผิงอันร่ายวิชาอสนีนี้ได้รวดเร็วยิ่งกว่าเดิม ยังสามารถทำให้เฉินผิงอันปรับตัวกับการเชื่อมโยงกันของวัตถุแห่งชะตาชีวิตห้าชิ้นได้เร็วขึ้น เมื่อร่ายเวทคาถา ห้าอสนีมารวมตัวกัน พลานุภาพสวรรค์เกริกก้อง โชควาสนานับพันนับหมื่น
ผู้ฝึกลมปราณผลัดเปลี่ยนตำแหน่งการวางวัตถุที่ผ่านการหลอมกลางมาก่อนไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นต้องบุกเบิก ‘เส้นทางพักม้า’ ไว้หนึ่งเส้น แน่นอนว่าย่อมทำร้ายไปถึงเส้นเอ็นและกระดูก เพียงแต่ว่าเมื่อเทียบกับการเย็บผ้าสลักชื่อจริงแล้วยังถือว่าเป็นเรื่องเล็กอยู่ดี
เฉินผิงอันไม่เพียงแต่ไม่ต้องกังวลว่าเหนี่ยนซินจะใช้เข็มเย็บผ้าปักตรึงดวงวิญญาณ ยังสามารถใช้ความคิดและพูดคุยได้ด้วย เขาจึงถามว่า “ตราประทับอาคมห้าอสนีชิ้นนี้ ทำมาจากวัสดุอะไร?”
วัสดุของมันแปลกประหลาด ลวดลายคล้ายลายไม้ที่งดงาม แต่เนื้อกลับเหมือนหยกสีมรกต
เหนี่ยนซินรู้แค่ว่านี่คือไม้ไหวสายฟ้าผ่าชิ้นหนึ่ง
ไม้ฟ้าผ่า วัตถุประเภทนี้ไม่ได้หายากนักในใต้หล้าไพศาล ในหมู่ชาวบ้านล้วนมีอยู่ ตระกูลคนรวยมีฐานะยังจะทุ่มเงินก้อนใหญ่ซื้อมาแล้วไปเชิญให้นักพรตของอารามเต๋ามาช่วยแกะสลักเป็นแผ่นไม้ เอาไว้ให้พวกเด็กๆ ในตระกูลพกติดตัว สามารถหลบเลี่ยงสิ่งชั่วร้ายสกปรกและเสนียดจัญไร ก็เหมือนการ ‘เชิญเทพทวารบาลองค์หนึ่ง’ มาไว้บนร่าง
เฉินผิงอันถามไปแล้วไม่ได้คำตอบจึงหันไปมองเทวบุตรมารที่มีท่าทางมั่นใจเต็มเปี่ยม
ไม่เสียแรงที่ซวงเจี้ยงคือขอบเขตบินทะยาน มีความรู้กว้างขวาง มันยิ้มเอ่ยว่า “เป็นไม้ไหวสายฟ้าผ่าก็จริง แต่ก็มีความแตกต่างอยู่มาก”
กล่าวมาถึงตรงนี้ ซวงเจี้ยงก็แสร้งทำเป็นคิดหนัก
เฉินผิงอันเอ่ย “เงินเกล็ดหิมะหนึ่งเหรียญ”
แม้ว่าจะเป็นขาของยุง แต่ได้เงินมาจากเฉินผิงอันเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย ซวงเจี้ยงจึงตบศีรษะตัวเอง ทำท่ากระจ่างในฉับพลัน “ไม่ใช่ฟ้าผ่าธรรมดาทั่วไป ยิ่งไม่ใช่ไม้ไหวทั่วไป หากเป็นไม้ฟ้าผ่าทั่วไปที่วัสดุดีเยี่ยม ระดับขั้นสูงมาก สิบหกคำที่กล่าวว่า ‘รวบรวมห้าอสนี สยบหมื่นอาคม กำจัดห้าช่องโหว่ แกนกลางแห่งฟ้าดิน’ นี้ น่าจะแยกกันสลักไว้สี่ด้านถึงจะถูก ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางแบกรับปณิธานที่แท้จริงของเวทอสนีนี้ได้เลย เคล็ดลับของมันนั้นอยู่ที่ว่า ไม้ไหวชิ้นนี้เคยเป็นเรือนที่พักแห่งหนึ่ง คล้ายคลึงกับพื้นที่มงคลขนาดจิ๋ว ภูตผีมารวมตัวกันเป็นถ้ำ จิ้งจอกและงูมากองตัวกันเป็นโพรง นี่จึงเป็นเหตุให้ผู้บรรลุมรรคาที่เชี่ยวชาญเวทห้าอสนีที่แท้จริงคนหนึ่งต้องใช้วิธีการที่เฉียบขาดอำมหิตในการกำจัดปีศาจปราบมารอย่างสุดฝีมือ ถึงจะสามารถสร้างโชควาสนาใหญ่เทียมฟ้านี้ขึ้นมาได้ จากนั้นก็ถูกคนเอาไม้ไหวชิ้นนี้มาจากในซากปรักหักพัง มาแกะสลักเป็นตราประทับ สลักเป็นอักษรฉงเหนี่ยวสิบหกคำ อีกทั้งยังเป็นแค่อักษรที่สลักอยู่เบื้องล่างตราประทับอาคมซึ่งเป็นหนึ่งใน ‘แกนกลางฟ้าดิน’ ด้วย”
เฉินผิงอันเบี่ยงศีรษะเพ่งตามองตราประทับอาคมที่ ‘เดิน’ อยู่ท่ามกลางเส้นชีพจร จากศาลภูเขาไปที่บ่า จากนั้นก็ไล่มาตามแขน ก่อนจะถูกเหนี่ยนซินชักนำให้ย้ายไปลงหลักปักฐานที่กลางฝ่ามือ ขั้นตอนนี้ก็เหมือนการไถคราดพลิกดิน ขุดร่องคันนา แต่ดินที่ว่ากลับเป็นเลือดเนื้อเส้นเอ็นและกระดูกของผู้ฝึกตนแทน
ซวงเจี้ยงนั่งเท้าคางอยู่ด้านข้าง เอ่ยเนิบช้าว่า “หกด้านของตราประทับอาคมมีวิธีการสร้างที่เก่าแก่ ล้วนมีอักขระและภาพสัญลักษณ์สลักอยู่ ถือเป็น ‘ตราประทับหกเต็ม’ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ‘ตราประทับจันทร์เต็มดวง’ ที่หาได้ยากมาก ดวงจันทร์เต็มดวงแล้วก็กลายเป็นจันทร์เสี้ยว ไม่อย่างนั้นตราประทับประเภทนี้จะเผด็จการเกินไปหน่อย และป่านนี้ภูเขาน้อยใหญ่ก็คงต้องรีบหามาครอบครองกันคนละชิ้นแล้ว ดังนั้นหากบรรพบุรุษอิ่นกวานคิดจะใช้วัตถุชิ้นนี้รับมือกับศัตรูที่แข็งแกร่ง ค่าใช้จ่ายจึงไม่น้อย ง่ายที่จะทำให้เวทคาถาของตราประทับสายฟ้าลดน้อยลง แสงศักดิ์สิทธิ์หม่นหมองลง ปณิธานที่แท้จริงเสื่อมถอยลง โชคดีที่ภายหลังสามารถเอามาซ่อมแซมได้ ยกตัวอย่างเช่นใช้เศษชิ้นส่วนร่างทองของสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาสายน้ำ สรุปก็คือบรรพบุรุษอิ่นกวานไม่ขาดสิ่งของพวกนี้ โชคชะตาฟ้าช่างเข้าข้างท่านจริงๆ!”
ซวงเจี้ยงรำคาญที่ต้องคอยจ้องมองตราประทับอาคมชิ้นนั้น เพราะมันง่ายที่จะทำให้บรรพบุรุษอิ่นกวานเสียสมาธิ มันจึงประกบสองนิ้วบิดหมุนเบาๆ ตราประทับก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าเฉินผิงอัน ขนาดเท่าฝ่ามือ ปรากฏในสายตาอย่างชัดเจน
มันใช้ความคิดบิดหมุนตราประทับอาคมเบาๆ พลางพูดจ้อว่า “สี่ด้านของตราประทับมีภาพเหมือนของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้นสามสิบหกองค์ เทพสายฟ้า เจ้าแม่ฟ้าแลบ พ่อปู่วาโย เทพพิรุณ ขุนนางเมฆ หลิงกวาน และยังมีภาพเก่าแก่โบราณของพวกคนบนสวรรค์กับตำหนักเทพต่างๆ ล้วนมีอยู่ในตราประทับอาคมชิ้นนี้ เก้าคือจำนวนตัวเลขที่ใหญ่ที่สุด นี่ก็คือข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุดของ ‘ตราประทับจันทร์เต็มดวง’ อาจารย์หลอมวัตถุทั่วไปไม่กล้าทำอะไรเหลวไหลเช่นนี้จริงๆ”
“นอกจากสิบหกตัวอักษรด้านล่างของตราประทับแล้ว เดิมทีควรมีขอบอักขระสวรรค์ เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงถูกตัดออกไป ทำลายรูปโฉมของมันไป แล้วก็เป็นเหตุให้พลานุภาพของตราประทับห้าอสนีชิ้นนี้ถูกลดทอนลงไปด้วย ไม่อย่างนั้นวัตถุชิ้นนี้ก็ควรกลายไปเป็นวัตถุที่ถูกตั้งบูชาไว้ในศาลบรรพจารย์ของตระกูลเซียนอักษรจง สยบกำราบขุนเขาสายน้ำ ดึงเอาโชคชะตามา ถึงขั้นอาจกลายเป็นตราประทับอาคมชิ้นหนึ่ง”
ซวงเจี้ยงทอดถอนใจ “ไม่มีขอบอักขระสวรรค์ที่สำคัญอย่างถึงที่สุด ระดับขั้นก็จะลดลงฮวบฮาบ น่าเสียดายจริงๆ!”
เป็นคนมิอาจหวังความสมบูรณ์แบบในทุกเรื่อง ทว่าในด้านของการเก็บสะสมสิ่งของกลับตรงข้ามกันพอดี
เฉินผิงอันเอ่ย “สามารถเพิ่มขอบอักขระสวรรค์ด้วยตัวเองได้หรือไม่? ต่อให้พลานุภาพจะไม่เพิ่มขึ้นแม้แต่น้อย แต่ก็ใช้ข่มขู่คนอื่นได้ อีกอย่างวันใดที่ยากจนข้นแค้นไม่เหลือเงินแล้วจริงๆ หากแกะสลักตราประทับหกเต็มได้ครบถ้วนก็จะเป็นคนละราคากันใช่หรือไม่”
ซวงเจี้ยงสะท้อนใจอยู่ในอก เห็นไหมล่ะ บรรพบุรุษอิ่นกวานที่เป็นเช่นนี้จะไม่ให้คนนับถือได้อย่างไร? จะไม่ให้สหายฉางมิ่งผู้นั้นเลื่อมใสศรัทธาได้อย่างไร?
แค่คิดอะไรขึ้นมาสักอย่างก็ราวกับต้องการจะกำจัดห้าช่องโหว่อย่างไรอย่างนั้น บรรพบุรุษอิ่นกวานเป็นตัวอ่อนในการฝึกตนที่ดีจริงๆ
น่าเสียดายที่ไม่ได้อยู่ใต้หล้ามืดสลัว ไม่ได้เจอบรรพบุรุษอิ่นกวานเร็วกว่านี้ ไม่อย่างนั้นเวลานี้เฉินผิงอันก็ต้องเรียกตนว่าท่านบรรพบุรุษแล้ว แค่ลองจินตนาการภาพก็รู้สึกงดงามยิ่งแล้ว
ซวงเจี้ยงหัวเราะเฮอๆ อย่างโง่งมอยู่สองสามที เช็ดมุมปากแล้วรีบหันหน้าไปทางอื่น ยกมือปิดหน้า ขยี้แรงๆ แล้วค่อยหันกลับมา ทำหน้าตาจริงจัง พูดด้วยสีหน้านอบน้อมว่า “แม้ว่าบรรพบุรุษอิ่นกวานจะเชี่ยวชาญเรื่องการแกะสลัก แต่ขอบอักขระฟ้านี้ ท่านทำไม่ได้จริงๆ”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ ไม่ได้รู้สึกผิดหวัง กลับกันยังรู้สึกโล่งอก
หากโชคดีเกินไปก็คือภัยใหญ่หลวงที่น่ากังวล จำเป็นต้องหันกลับมาทบทวนสภาพการณ์ของตนให้ดีแล้ว
เหนี่ยนซินเอ่ย “เรียบร้อยแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!