กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 682

สรุปบท บทที่ 682.4 ฝึกบำเพ็ญตบะอย่างยากลำบากเพื่อสิ่งใดกัน: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

อ่านสรุป บทที่ 682.4 ฝึกบำเพ็ญตบะอย่างยากลำบากเพื่อสิ่งใดกัน จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

บทที่ บทที่ 682.4 ฝึกบำเพ็ญตบะอย่างยากลำบากเพื่อสิ่งใดกัน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

เฉินผิงอันถาม “นอกจากเย็บผ้าจะช่วยหล่อหลอมโชคชะตาบู๊แล้ว ยังมีวิธีการอื่นที่เห็นผลในทันทีอีกหรือไม่?”

ผู้ฝึกยุทธคนหนึ่ง หากสามารถฝ่าขอบเขตได้ด้วยคำว่าแข็งแกร่งที่สุด แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นเกียรติอย่างใหญ่หลวง เท่ากับว่าได้รับการยอมรับจากวิถีวรยุทธของหนึ่งใต้หล้า เพียงแต่ว่าการฝ่าทะลุขอบเขตเช่นนี้เป็นแค่การเปรียบเทียบกับผู้ฝึกยุทธรุ่นเดียวกันในยุคสมัยเดียวกันเท่านั้น ทุกขอบเขตที่ฝ่าไปได้ของเฉาสือล้วนแข็งแกร่งที่สุดทั้งหมด น้ำหนักเยอะมาก โชคชะตาบู๊จึงเยอะมาก ขนาดอวี้เจวี้ยนฟูก็ยังเป็นรองอยู่เยอะ ปีนั้นในหุบเขาผีร้ายของอุตรกุรุทวีป เฉินผิงอันได้เจอกับคนประหลาดที่ภูเขากระจกวิเศษ เขาเรียกตัวเองว่าหยางฉงเสวียน ภายหลังเฉินผิงอันถึงได้รู้สถานะของอีกฝ่ายว่าที่แท้เขาคือลูกหลานสกุลหยางแห่งตำหนักนภากาศ คือพี่ชายของบัณฑิตคนนั้น แล้วก็เคยเป็นขอบเขตร่างทองที่เลื่อนขั้นมาโดยขอบเขตหกที่แข็งแกร่งที่สุด

ลองมาคิดดูแล้วเฉินผิงอันก็รู้สึกว่าน่าสนใจอย่างมาก เฉาสือ อวี้เจวี้ยนฟู และยังมีหยางฉงเสวียน ผู้ฝึกยุทธเต็มตัวสามคนที่ตนเคยพบเจอมาล้วนเคยเป็นขอบเขตหกที่แข็งแกร่งที่สุดมาช่วงระยะเวลาหนึ่งทั้งสิ้น

ซวงเจี้ยงลุกขึ้นนั่ง พูดอย่างอ่อนระโหยโรยแรงว่า “ไม่มีหรอก การเย็บผ้าของเหนี่ยนซินแม่นยำมากแล้ว แต่ข้ากลับพอจะมีวิธีในการหล่อหลอมอยู่บ้าง น่าเสียดายที่อะไรที่มากเกินไปก็ไม่ดี ข้าทำการค้าอย่างยุติธรรมมาโดยตลอด จะไม่มีทางพูดจาเหลวไหลชักชวนให้คนเชื่อถือ ปล่อยให้เงินมาบังตาบังใจตัวเองเด็ดขาด”

เฉินผิงอันพยักหน้า “ด่าคนไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อม”

ซวงเจี้ยงกระโดดผลุงขึ้น ยื่นฝ่ามือข้างหนึ่งมาลอยค้างไว้เหนือหัว “สวรรค์เป็นพยาน หากท่านบรรพบุรุษอิ่นกวานยังใส่ร้ายข้าเช่นนี้ เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะตบตัวเองให้ตายด้วยฝ่ามือเดียวเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง?!”

เฉินผิงอันผายมือข้างหนึ่งบอกเป็นนัยว่าเชิญตามสบาย

ซวงเจี้ยงกำลังจะเปิดปากพูดก็มองเห็นเจ้าลูกกระต่ายน้อยคนหนึ่ง จึงโบกชายแขนเสื้อเป็นวงกว้าง คว้าร่างอีกฝ่ายมาไว้ข้างกาย ถลึงตาเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าตะพาบน้อย กล้าบังอาจลอบมองแผ่นหลังอันองอาจของท่านบรรพบุรุษอิ่นกวานข้าหรือ เจ้าไม่ใช่สาวน้อยหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูเสียหน่อย!”

ที่แท้ก็คือเด็กหนุ่มโยวอวี้ เพราะว่าเฒ่าหูหนวกยังต้องกลับมาที่คุก ครั้งนี้เฒ่าหูหนวกไปเข่นฆ่าบนหัวกำแพงเมืองจึงไม่ได้พาเด็กหนุ่มที่มีศักดิ์เป็นเจ้านายของตนผู้นี้ไปด้วย

เฉินผิงอันหันหน้ามายิ้มเอ่ย “โยวอวี้ หากไม่ยุ่งอยู่กับการฝึกตนก็มานั่งลงพูดคุยกันได้”

เด็กชายผมขาวรีบช่วยปัดชายแขนเสื้อให้เด็กหนุ่มทันใด ยิ้มกล่าว “โยวอวี้ มัวยืนอึ้งอยู่ทำไมเล่า รีบไปนั่งข้างกายบรรพบุรุษอิ่นกวานสิ นี่เป็นเกียรติอันใหญ่หลวงเพียงใด หากเปลี่ยนมาเป็นเฒ่าหูหนวก เวลานี้คงจะน้ำตาไหลนองหน้าคุกเข่าโขกหัวขอบคุณไปนานแล้ว”

โยวอวี้มานั่งอยู่ใกล้ๆ กับเฉินผิงอัน เด็กหนุ่มมีท่าทางระมัดระวังตัวเล็กน้อย อีกทั้งยังไม่ใช่คนที่พูดเก่ง จึงไม่เอ่ยอะไรเลยสักคำ

แล้วนับประสาอะไรกับที่ข้างกายอิ่นกวานหนุ่มยังมีเด็กชายผมขาวคนนั้นอยู่ ผู้อาวุโสหูหนวกบอกว่าไอ้หมอนี่คือเทวบุตรมารนอกโลกขอบเขตบินทะยานตนหนึ่ง พบหน้ากันแค่ทำตัวตามสบายก็พอแล้ว หรือจะต่อยตีกันก็ยังไม่เป็นปัญหา ถึงอย่างไรก็ขัดขวางอะไรไม่ได้อยู่แล้ว

ผู้อาวุโสหูหนวกพูดถึงขนาดนี้แล้ว เด็กหนุ่มจะยังทำตัวตามสบายอีกได้อย่างไร?

เฉินผิงอันถามเรื่องบางอย่างจากโยวอวี้ เด็กหนุ่มตอบทุกคำถาม บ้านอยู่ที่ไหน ผู้ถ่ายทอดมรรคาคือใคร กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตเป็นอย่างไร ก่อนหน้านั้นในศึกใหญ่ไม่ได้สังหารเผ่าปีศาจ แค่คอยช่วยหอกระบี่หอภูษาทำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อยู่บนหัวกำแพงเมือง เขาล้วนไม่ได้ปิดบัง เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็คือใต้เท้าอิ่นกวาน โยวอวี้จึงไม่คิดจะหลบซ่อนเรื่องใด แล้วนับประสาอะไรกับที่อิ่นกวานหนุ่มจากต่างถิ่นที่เรื่องราวเต็มไปด้วยสีสันผู้นี้มีเรื่องเล่าลือมากเหลือเกิน ยิ่งเป็นพวกคนที่อายุน้อยก็ยิ่งชอบพูดคุยกัน โยวอวี้มีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง และเพื่อนของเขาก็มีแม่นางน้อยที่รักซึ่งเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก นางจึงมักจะถามเพื่อนคนนั้นของเขาว่า หากข้าอยู่ที่ใต้หล้าไพศาล เจ้าจะยอมลำบากเหนื่อยยากเพื่อไปหาข้าไหม? สหายของเขาเพิ่งเคยถูกถามเป็นครั้งแรกจึงตอบไปว่า เจ้าเองก็ไม่ได้อยู่ที่ใต้หล้าไพศาลสักหน่อย ผลคือนางไม่สนใจเขาไปหลายวัน ภายหลังสหายของเขาฉลาดขึ้นแล้ว เพียงแต่ว่าคำตอบในแต่ละครั้งกลับไม่ทำให้นางพอใจได้เสียที สุดท้ายเพื่อนของเขาจึงมาบ่นเอากับเขาว่า ข้าไม่ใช่อิ่นกวานผู้นั้นสักหน่อย จะไปเทียบอีกฝ่ายได้อย่างไร

คุยกันมากเข้า โยวอวี้ก็ค้นพบว่าที่แท้ใต้เท้าอิ่นกวานเข้ากับคนได้ง่ายมาก ยามที่ทั้งสองฝ่ายพูดคุยกัน ไม่ว่าใครจะเป็นคนพูด อิ่นกวานหนุ่มล้วนฟังอย่างตั้งใจ สายตาไม่เคยวอกแวก ไม่เคยทำท่าเหม่อลอยหรือตอบรับอย่างขอไปที

ซวงเจี้ยงรู้สึกว่าความยอดเยี่ยมของตนเป็นส่วนเกินจึงลุกขึ้นเงียบๆ ไปนั่งอีกฝั่งของบรรพบุรุษอิ่นกวาน

ไม่มีเด็กชายผมขาวนั่งคั่นกลาง โยวอวี้ก็ยิ่งผ่อนคลายมากขึ้น จึงเล่าเรื่องน่าอายของสหายออกมาด้วย

เฉินผิงอันหัวเราะอย่างอดไม่อยู่ “โยวอวี้ คราวหน้าหากเจ้าเจอเพื่อนก็ให้เขาบอกแม่นางที่รักไปว่า ต้องแยกจากกันไปอยู่คนละใต้หล้า จะตัดใจได้อย่างไร แค่ลองคิดดูก็เสียใจแล้ว แต่หากต้องแยกจากกันจริงๆ ก็ให้นางรอเขา ต้องรอเขาให้ได้”

โยวอวี้ถามเบาๆ “จะสำเร็จจริงหรือ?”

เฉินผิงอันสอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อ พยักหน้ารับเบาๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

โยวอวี้จึงพยักหน้ารับอย่างแรง รู้สึกว่าสามารถทำได้

ซวงเจี้ยงโน้มตัวมาด้านหน้า ใช้สองนิ้วจิ้มมาข้างหน้ามั่วซั่ว บอกเป็นนัยให้เด็กหนุ่มรีบไสหัวไป อย่าได้ถ่วงเวลาการฝึกตนของท่านบรรพบุรุษอิ่นกวาน

ผลคือโดนเฉินผิงอันต่อยลงบนหน้าโดยที่เขาไม่ได้หันหน้ากลับมามองด้วยซ้ำ

เด็กหนุ่มกลั้นยิ้ม ลุกขึ้นยืนแล้วขอตัวจากไป

เฉินผิงอันเองก็ลุกขึ้นเอ่ยลากับเด็กหนุ่ม

เฉินผิงอันเดินลงบันไดกลับไปยังชั้นล่างของคุกอีกครั้ง ซวงเจี้ยงก็มาเดินอยู่เบื้องหน้าพลางพร่ำพูดไปด้วยว่า “บรรพบุรุษอิ่นกวานระวังขั้นบันไดนะขอรับ”

เฉินผิงอันถาม “เจ้าคิดว่าเลื่อนเป็นขอบเขตถ้ำสถิตอยู่ที่นี่ดีกว่า หรือควรจะออกไปข้างหน้าแล้วค่อยเลื่อนขั้นก็ยังไม่สาย?”

ซวงเจี้ยงเอ่ย “เรื่องนี้จะทำตามใจอย่างไรก็ได้”

สะพานแห่งอมตะของเฉินผิงอันถูกสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างมั่นคงแล้ว การเลื่อนสู่ห้าขอบเขตกลางจึงสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา

หากจะบอกว่าในฐานะผู้ฝึกยุทธ การที่เฉินผิงอันต้องหล่อหลอมโชคชะตาบู๊ที่อยู่บนร่างก็คือการเปิดภูเขา ถ้าอย่างนั้นข้ามผ่านธรณีประตูใหญ่ของการฝึกตนเลื่อนเป็นขอบเขตถ้ำสถิต ก็คือการเปิดจวน

จะกลายเป็นเทพเซียนห้าขอบเขตกลางอยู่ในฟ้าดินของคุก หรือออกไปจากคุกก็ล้วนทำได้ทั้งนั้น

การเปิดจวนของขอบเขตถ้ำสถิตคนหนึ่ง อยู่ไกลเกินกว่าจะเทียบเคียงกับการเลื่อนขั้นเป็นขอบเขตเดินทางไกลได้ติด โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยู่ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่แห่งนี้ เกรงว่าก็คงเหมือนการขว้างหินก้อนเล็กๆ ลงไปในทะเลสาบ ไม่มีใครให้ความสนใจ

แต่หากเฉินผิงอันไม่ได้เป็นผู้ฝึกกระบี่ เขาก็ไม่มีทางกล้าเปิดจวนเลื่อนสู่ขอบเขตถ้ำสถิตโดยพลการแน่นอน เหตุผลนั้นเรียบง่ายมาก กำแพงเมืองปราณกระบี่มีปราณกระบี่เข้มข้นเกินไป!

สำหรับผู้ฝึกลมปราณที่ไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่แล้ว การสยบกำราบจากมหามรรคามีอยู่ทั่วทุกหนแห่ง และมีแต่จะยิ่งทำให้ผู้ฝึกลมปราณรู้สึกว่าแบกรับภาระหนักเป็นเท่าทวี

ดังนั้นหากไม่ใช่ผู้ฝึกลมปราณห้าขอบเขตล่างจากต่างถิ่นซึ่งเป็นผู้ฝึกกระบี่ เรื่องตลกจากการเดินขึ้นหัวกำแพงเมืองไปหาประสบการณ์ก็เคยมีอยู่มากมายนับไม่ถ้วน หากไม่ระวังให้ดี ดีไม่ดีอาจร้ายแรงถึงชีวิต

ข้างกายต้องมีองค์รักษ์ มีผู้ถวายงานคอยให้การปกป้องคุ้มกันอยู่ตลอดเวลา ในสายตาของผู้ฝึกกระบี่ในท้องถิ่นแล้วล้วนถือเป็นลูกกระต่ายน้อยที่ยังไม่หย่านมทั้งสิ้น

ดังนั้นการที่ใต้หล้าไพศาลมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อกำแพงเมืองปราณกระบี่ ก็หาใช่เพราะเกิดจากอคติตามธรรมชาติของผู้ฝึกลมปราณจากใต้หล้าไพศาลฝ่ายเดียวเท่านั้น

พวกลูกรักแห่งสวรรค์ที่มีชาติกำเนิดจากตระกูลเซียนชนชั้นสูง ยิ่งเป็นคนที่อายุน้อยเท่าไร อยู่ที่บ้านเกิดยิ่งเคยชินกับการป้อยอจากคนข้างกายมากเท่าไร พอมาถึงกำแพงเมืองปราณกระบี่ ไม่พูดถึงการพูดจาไม่เข้าหูกัน ลำพังเพียงแค่สายตาที่บ้างก็เย็นชาบ้างก็ดูแคลนจากพวกเซียนกระบี่ผู้ฝึกกระบี่ที่ได้เห็นก็มากพอจะทำให้พวกเขาสะอึกอึ้ง กลายมาเป็นภาพที่ยากจะลืมเลือนได้ตลอดชีวิตแล้ว

การผลักไสของกำแพงเมืองปราณกระบี่ นับตั้งแต่ปราณกระบี่แห่งฟ้าดิน ไปจนถึงโชควาสนาบนวิถีกระบี่ที่เกิดจากการรวมตัวกันของปณิธานเซียนกระบี่ยุคโบราณ ล้วนไม่เป็นมิตรกับใต้หล้าไพศาลอย่างมาก ส่วนทัศนคติที่ผู้ฝึกกระบี่มีต่อใต้หล้าไพศาลก็ยิ่งย่ำแย่อย่างถึงที่สุด

อิ่นกวานเซียวสวิ้นกับเซียนกระบี่สองคนที่กุมอำนาจของสายอิ่นกวานอย่างลั่วซาน จู๋อาน จางลู่ชายฉกรรจ์กอดกระบี่ที่เฝ้าประตูใหญ่ มาจนถึงผู้มีพรสวรรค์อายุน้อยอย่างพวกผังหยวนจี้ ฉีโซ่ว มีใครบ้างที่ไม่มีใจเป็นศัตรูต่อใต้หล้าไพศาล ซึ่งนี่ไม่ได้เรียบง่ายเพียงแค่เพราะไม่มีความรู้สึกดีอันใดด้วยเท่านั้น ถึงอย่างไรเซียนกระบี่อย่างซุนจวี้เฉวียนก็มีน้อยยิ่งกว่าน้อย ผลคือพอเอาเข้าจริง เมื่อต้องเจอกับตัวอ่อนกระบี่รุ่นเยาว์ของราชวงศ์เส้าหยวนแห่งแผ่นดินกลางที่เซียนกระบี่ขู่เซี่ยพามา ก็กลายเป็นว่าความประทับใจที่ซุนจวี้เฉวียนมีต่อพวกเขาเปลี่ยนมาเป็นรังเกียจไปจนได้

ในบรรดาลูกศิษย์และนักเรียนของเฉินผิงอัน เผยเฉียนนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เหตุผลใดๆ พอมาถึงกำแพงเมืองปราณกระบี่ก็ยิ่งกว่าปลาได้น้ำ กลมกลืนเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง

หรือจะบอกว่าผู้ฝึกลมปราณทุกคนล้วนเป็นแบบนี้เหมือนกันทั้งหมด?

ไม่เพียงเท่านี้ การเคลื่อนโคจรของดวงดาวบนม่านฟ้ายังเหมือนเศษกระจกแตกหลายชิ้น เรื่องราวและบุคคลทั้งหลายพากันพุ่งมาแล้ววูบหายไป

ราวกับว่าแค่เฉินผิงอันเอื้อมมือออกไปก็คว้าจับ ไขว่คว้าเอาคนและเรื่องราวในอดีตมาได้แล้ว

แต่เฉินผิงอันกลับสะกดความคิดนี้เอาไว้ในใจ เพียงแค่ยืนอยู่ที่เดิม บังคับตัวเองอย่างเข้มงวดไม่ให้ยื่นมือออกไปเด็ดขาด

เฉินผิงอันฝืนรักษาสติเสี้ยวหนึ่งเอาไว้ บอกกับตัวเองเงียบๆ ว่า เรื่องราวในอดีต คนที่จากไปไกล ไม่ว่าตนจะคิดถึงมากแค่ไหน สุดท้ายแล้วก็ไม่อาจตามกลับคืนมาได้

เด็กชายผมขาวที่ยอมให้ด่ายอมให้ใช้แรงงาน เมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับการหาเงินจึงไม่กล้าเพิกเฉย พยายามทะยานลมเดินทางไกลไล่ตามกระแสปราณวิญญาณที่ไหลบ่าเหล่านั้นไป เทวบุตรมารที่สวมต่างหูงูเขียว สวมชุดคลุมอาคมหรี่ตาลง จ้องนิ่งไปยังการเคลื่อนไหวน้อยนิดที่ปรากฎขึ้นยามกระแสน้ำกระแทกเข้าใส่ประตูใหญ่ของช่องโพรงลมปราณจำนวนมาก

ภาพเหตุการณ์ผิดปกติจางหายไป

เฉินผิงอันถอยออกมาจากดวงจิต

ผลคือเห็นว่าเทวบุตรมารตนนั้นมายืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง ในอ้อมอกกอดศีรษะเอาไว้

เฉินผิงอันทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เริ่มออกเดินอีกครั้ง

ซวงเจี้ยงเอาหัววางกลับไว้บนคอ หัวเราะฮ่าๆ เอ่ยว่า “บรรพบุรุษอิ่นกวาน หกแห่ง หกแห่ง หนึ่งเหรียญเงินร้อนน้อย!”

ซวงเจี้ยงใช้เสียงในใจเอ่ยชื่อช่องโพรงลมปราณทั้งหกแห่ง

เฉินผิงอันรู้ว่าต้องไม่ได้มีแค่หกแห่งแน่นอน เพียงแต่เขาไม่สนใจแม้แต่น้อย เลือกสถานที่ให้เป็นพื้นที่สืบทอดในการเปิดจวนก็หนีไม่พ้นการปูพื้นฐานให้กับขอบเขตชมมหาสมุทรต่อจากขอบเขตถ้ำสถิตเท่านั้น ไม่มีก็ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไร แน่นอนว่ามีคือดีที่สุด ดังนั้นเขาจึงยังมอบเงินร้อนน้อยหนึ่งเหรียญนี้ให้แก่ซวงเจี้ยง

ต่อจากนี้จึงจะเป็นภาระหน้าที่ของอิ่นกวานอย่างแท้จริง สังหารเผ่าปีศาจในคุกให้สิ้นซาก

ไม่ว่าจะใช้วิธีการใด สังหารปีศาจใหญ่ห้าขอบเขตบน รวมไปถึงผู้ฝึกกระบี่เผ่าปีศาจขอบเขตก่อกำเนิดห้าคนที่ทางที่ดีที่สุดคือใช้การถามกระบี่

จากนั้นถึงจะสามารถเย็บผ้าต่อเพื่อแบกรับชื่อจริงของปีศาจใหญ่ทั้งหมดที่กำหนดไว้ให้สำเร็จ

สิงกวานจะจากไปหรือยังอยู่ เฉินผิงอันไม่สนใจ ถึงอย่างไรเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสย่อมมีการจัดการอยู่แล้ว แล้วนับประสาอะไรกับที่อิ่นกวานอย่างเฉินผิงอันก็ไม่มีคุณสมบัติจะไปชี้ไม้ชี้มือบงการสิงกวานที่อำนาจขุนนางเท่าเทียมกันอยู่แล้ว

มีเพียงเรื่องเดียวที่เขาสนใจก็คือเด็กสาวซักผ้าที่จำแลงร่างมาจากบรรพบุรุษเงินฝนธัญพืชผู้นั้น อยากรู้ว่านางมีวิธีหาเงินอย่างไร จะมีวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตที่ต่างไปจากสหายฉางมิ่งที่อยู่ข้างกายตนชั่วคราวหรือไม่

เดินผ่านคุกแห่งหนึ่งที่ขังผู้ฝึกกระบี่เผ่าปีศาจขอบเขตก่อกำเนิด เจ้าคนผู้นั้นที่ถูกซวงเจี้ยงใช้วิชาอภินิหารลอบมองเวทลับปรากฏกายอีกครั้ง ถามว่า “เจ้านี่มันน่ารำคาญอะไรอย่างนี้? ทำไมไม่เลื่อนขั้นเป็นห้าขอบเขตบนโดยตรงไปเลยเล่า? มาเดินเตร่ไปเตร่มาอยู่หน้าข้าผู้อาวุโส คิดจะโอ้อวดอะไร? แน่จริงก็คลายรั้วออกตอนนี้เลยสิ เชื่อหรือไม่ว่าข้าผู้อาวุโสจะฟันเจ้าให้ตายด้วยกระบี่เดียว?”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “มาเดิมพันกันหน่อยดีไหม? ยกตัวอย่างเช่นกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของเจ้า? พวกเรามาสาบานกัน? เจ้าได้กำไรอยู่แล้ว ข้าใช้ชีวิตทั้งชีวิตไปเดิมพันกับครึ่งชีวิตของเจ้า หากข้าเป็นเจ้า ขอแค่พอจะมีความกล้าหาญอยู่บ้างย่อมต้องยอมเดิมพันด้วยแน่นอน”

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!