เดิมทีในฐานะปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ที่ได้รับหน้าที่เป็นผู้ควบคุมค่ายกลใหญ่ของผู้ฝึกกระบี่ในใต้หล้าเปลี่ยวร้าง ก็เห็นได้ชัดว่าผู้เฒ่าชุดเทาของภูเขาทัวเยว่ฝากความหวังไว้ที่หวงหลวนมาก
หนึ่งเพราะฐานะของหวงหลวนในใต้หล้าเปลี่ยวร้างสูงส่ง ไม่ค่อยแก่งแย่งชิงดีกับปีศาจใหญ่ตนอื่นๆ นอกจากนี้การไปเยือนใต้หล้าไพศาลครั้งนี้ สิ่งที่หวงหลวนต้องการก็คือพวกวัตถุไร้ประโยชน์ในสายตาของปีศาจใหญ่ตนอื่น มูลค่าไม่มาก หนำซ้ำตัวหวงหลวนเองก็ไม่ได้มีใจทะเยอทะยานมากนัก หากเอ่ยตามคำกล่าวของปีศาจใหญ่บางตน หวงหลวนผู้นี้หากไปถึงใต้หล้าไพศาลก็คือคนที่มีบทบาทเก็บกวาดเรื่องเละเทะ ดังนั้นภูเขาทัวเยว่ถึงได้มอบการศึกที่สร้างหน้าสร้างตาให้แก่หวงหลวนเป็นผู้ควบคุมใหญ่
เพียงแต่ว่าการถามกระบี่ที่มีความเป็นไปได้มากว่าไม่เคยมีปรากฎในประวัติศาสตร์และอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นอีกในอนาคต เดิมทีควรเป็นการเข่นฆ่าที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินครั้งหนึ่ง ผู้ฝึกกระบี่สองกลุ่มที่มีมากนับหมื่นใช้กระบี่บินปะทะกับกระบี่บิน กระแสปราณกระบี่ปะทะกับน้ำตกปราณกระบี่ด้วยขบวนทัพที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร ทว่าใต้หล้าเปลี่ยวร้างกลับไม่เคยกดหัวกำแพงเมืองปราณกระบี่ได้เลยสักครั้ง กลับยังกลายเป็นว่าเสียหายยิ่งกว่าที่คาดการณ์เอาไว้อีกด้วย
นี่เป็นเหตุให้สุดท้ายแล้วหวงหลวนกับปีศาจใหญ่หย่างจื่อได้แต่ไปอยู่ด้านหลังสนามรบของฝั่งใต้หล้าเปลี่ยวร้างเพื่อคอยดักฆ่าเซียนกระบี่จากกำแพงเมืองปราณกระบี่ที่หมายจะไปเป็นกองหนุน ทำความดีชดใช้ความผิด
ไม่เพียงเท่านี้ ก่อนหน้านั้นหวงหลวนยังจำต้องนำหอเรือน ตำหนัก ศาลาหยกครึ่งหนึ่งที่หล่อหลอมมาอย่างยากลำบากขว้างเข้าใส่กำแพงเมืองปราณกระบี่
เห็นได้ชัดว่าผู้เฒ่าชุดเทาในกระโจมเจี่ยจื่อเริ่มไม่พอใจต่อการแสดงออกของหวงหลวนแล้ว
ลี่ไฉ่หันกลับไปมองด้านหลัง โดยไม่ทันรู้ตัวก็ออกห่างกำแพงเมืองปราณกระบี่มาไกลขนาดนี้แล้ว
นี่แสดงให้เห็นว่าเวทกระบี่ของเหล่าเหนียงใช้ได้เลยนี่นา!
หวงหลวนเอ่ย “จะให้โอกาสเจ้าได้มีชีวิตรอดเป็นครั้งสุดท้าย”
ลี่ไฉ่ส่งกระบี่หนึ่งออกไป
หวงหลวนยื่นมือไปคว้าแสงกระบี่เส้นนั้นเอาไว้แล้วจับมันหักครึ่ง แสงกระบี่สาดกระจายไปจากกลางฝ่ามือ แต่กลับไม่อาจทำร้ายหวงหลวนได้แม้สักเสี้ยว
ลี่ไฉ่ค้อมเอวพุ่งกระโจนไปด้านหน้า ชักกระบี่ออกจากฝักในเสี้ยววินาที
ชุดคลุมอาคมบนร่างของหวงหลวนคลี่กางออก
ภายในฟ้าดินเล็กล้วนมีแต่หิมะขาวโพลน
ลี่ไฉ่ฝืนดึงจิงชี่เสินทั้งหมดให้อยู่ในขอบเขตสูงสุดเพื่อใช้ออกกระบี่ที่ทุ่มสุดชีวิตครั้งนี้ แต่กลับทำได้เพียงแทงฟ้าดินเล็กของหวงหลวนให้ทะลุเป็นรูเท่านั้น
หวงหลวนบอกว่านางเป็นม้าตีนปลายก็กล่าวได้ถูกต้องแม่นยำแล้ว
ลี่ไฉ่ที่มิอาจออกกระบี่เป็นครั้งที่สองได้อีกก้าวถอยหลัง กระอักเลือดไม่หยุด
หวงหลวนไม่มองสภาพน่าเวทนาของหญิงสาว เพียงยกมือขึ้นดูชายแขนเสื้อข้างหนึ่งที่ขาดวิ่นไปไม่น้อย รู้สึกเสียดายอยู่บ้าง ก่อนเงยหน้ายิ้มเอ่ยว่า “ปณิธานกระบี่ไม่เลวเลยจริงๆ ไม่เสียแรงที่เป็นผู้ฝึกกระบี่ซึ่งเดินออกมาจากอุตรกุรุทวีป คนถือกระบี่เช่นเจ้า ข้าเอาแน่แล้ว หลังจากจัดการเจ้าได้แล้วข้าจะให้ป๋ายอิ๋งช่วยนำจิตวิญญาณเก่าของเจ้ามาหลอมใหม่ วันหน้าพอไปถึงใบถงทวีปเจ้าก็จะได้เห็นว่าสรุปแล้วมีคนที่สามารถแทงข้าให้ตายด้วยกระบี่เดียวได้หรือไม่…”
ระหว่างที่พูดหวงหลวนก็กดฝ่ามือข้างหนึ่งลงมา
เวลาเพียงชั่วประกายไฟแลบ บนท้องฟ้าพลันปรากฏน้ำวนขนาดใหญ่ยักษ์ หอเรือนที่มีขนาดพอๆ กับภูเขาลูกหนึ่งกดทับลงมาเหนือศีรษะของลี่ไฉ่
ลี่ไฉ่เตรียมจะออกกระบี่ แต่กลับค้นพบว่ามีผู้เฒ่าคนหนึ่งมาอยู่ข้างกายตน เอ่ยประโยคหนึ่งว่าล่วงเกินแล้ว จากนั้นก็กระชากลี่ไฉ่ให้ถอยไปด้านหลัง ขณะเดียวกันผู้เฒ่าก็โยนกระบี่ยาวในมือออกไปรับหอเรือนหลังนั้น
กระบี่ยาวและแสงกระบี่พุ่งขึ้นไปเป็นเส้นตรง ต้านรับหอเรือนเอาไว้ก็ราวกับท่อนไม้เล็กๆ ท่อนหนึ่งที่ค้ำยันต์หอเรือนสูง
เหยาชงเต้า นามเหลียนอวิ๋น บางทีอาจเป็นเพราะเจ้าประมุขตระกูลเหยาท่านนี้ชอบสองคำว่า ‘เหลียนอวิ๋น’ (เชื่อมเมฆ) มากจริงๆ จึงเป็นเหตุให้ทั้งกระบี่พกและกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตล้วนตั้งชื่อว่า ‘เหลียนอวิ๋น’ ขอบเขตเซียนเหริน
ก่อนจะมาที่นี่ผู้เฒ่าได้แลกเปลี่ยนกระบี่กับโซ่วเฉินไปคนละที เวลานี้เซียนกระบี่เผ่าปีศาจถอยออกไปจากสนามรบแล้ว
หวงหลวนกล่าวอย่างระอาใจ “ข้าไม่สนเรื่องคุณความชอบทางการรบอะไรจริงๆ มีบาดแผลสาหัสอยู่ติดกาย ไยต้องพาตัวมาตายที่ข้าด้วย? แต่ว่าคนอุตส่าห์เอาหัวมามอบให้ ข้าจะไม่รับก็คงไม่ได้”
เหนือหอเรือนมีสิ่งปลูกสร้างใหญ่โตมโหฬารอีกหลังหนึ่งกดทับลงมา ทับซ้อนกันสองชั้น ‘เหลียนอวิ๋น’ กระบี่พกที่แสงกระบี่พุ่งทะยานสู่ฟากฟ้าถูกกดจนกลายเป็นเส้นโค้งเล็กบางในทันที
หวงหลวนใช้ความเสียหายของวัตถุที่ผ่านการหลอมกลางมาแลกเปลี่ยนกับการเผาผลาญวัตถุที่ผ่านการหลอมใหญ่ของเหยาชงเต้า ไม่ต้องลังเลใจเลย
จิตของหวงหลวนขยับเล็กน้อย จวนตระกูลเซียนแต่ละหลังก็ทุ่มทุบลงมา ปลายกระบี่ของกระบี่พก ‘เหลียนอวิ๋น’ เริ่มปริแตกแล้ว
เพียงแต่ว่ากระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของผู้เฒ่ากลับยังไม่ปรากฏตัว
หวงหลวนอยากจะเห็นนักว่าเหยาชงเต้าที่บาดเจ็บไม่น้อยผู้นี้จะสามารถใช้ท่าไม้ตายที่ทำให้ตนตาเป็นประกายได้หรือไม่
ลี่ไฉ่เตรียมจะหวนกลับมาที่สนามรบ ผู้เฒ่าก็ตวาดขึ้นอย่างเดือดดาลว่า “ลี่ไฉ่! ไม่ใช่ว่าข้าดูแคลนสตรี แต่ข้าดูแคลนขอบเขตหยกดิบของเจ้า ถอยกลับไป!”
ลี่ไฉ่ได้แต่สบถด่ามารดาไปคำหนึ่ง แล้วล้มเลิกความคิดที่จะบุกไปด้านหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว
หวงหลวนแหงนหน้ามองแสงกระบี่เจิดจ้าที่แทงทะลุหอเรือนทั้งหลังได้แล้ว ยิ้มเอ่ยว่า “เดิมยังนึกว่าเจ้าเสียดายกระบี่ยาว จึงใช้เวทอำพรางตาอย่างการช่วยคนอื่นเท่ากับช่วยตัวเอง เอาเถิด ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้วว่าจะแลกชีวิตกับข้าจริงๆ ก็จะทำให้เจ้าสมใจปรารถนา สังหารเซียนเหรินของกำแพงเมืองปราณกระบี่ได้คนหนึ่ง ไม่ว่าอย่างไรก็สามารถชดเชยความผิดที่ได้ทำไปได้บ้างแล้ว”
ผู้เฒ่าสวมชุดคลุมอาคมของหอภูษากำแพงเมืองปราณกระบี่ ชายแขนเสื้อใหญ่พลิ้วสะบัด เขาพลันถามขึ้นว่า “รู้จักหลานเขยของข้าหรือไม่?”
ลี่ไฉ่ไม่ต้องการจะวาดงูเติมขา เดือดร้อนให้เหยาชงเต้าเสียสมาธิ แต่กลับไม่ยินดีจะถอยหนีไปทั้งอย่างนี้ นางจึงเพียงทิ้งระยะห่างออกมาช่วงหนึ่งแล้วทำการบำรุงกระบี่บินอยู่ที่เดิม
พอได้ยินคำถามก็พยักหน้ารับ “รู้จัก แล้วยังค่อนข้างสนิทด้วย”
เหยาชงเต้าลังเลอยู่ชั่วขณะก็เอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนเซียนกระบี่ลี่นำความไปบอกต่อเจ้าเด็กนั่นสักคำ ไม่จำเป็นต้องมาสู่ขอที่จวนแล้ว พิธีรีตองไร้สาระพวกนั้น ข้าไม่สนใจ”
ลี่ไฉ่ไม่เอ่ยคำใด
เซียนกระบี่ใหญ่เหยาท่านนี้ต้องไม่ได้ไม่สนใจอย่างที่ปากพูดแน่นอน แต่เขาแค่ไม่สามารถไปกระชากคอเสื้อไอ้หมอนั่นให้ไปสู่ขอทาบทามที่ตระกูลเหยาได้ก็เท่านั้น
เดิมทีลี่ไฉ่ยังอยากพูดว่าตนมีลูกศิษย์ผู้สืบทอดอยู่คนหนึ่งที่เหมือนถูกผีลวงใจ ถึงได้ชื่นชอบหลงรักเจ้าหมอนั่นอย่างมาก เพียงแต่ว่าคำพูดมาถึงริมฝีปากแล้ว นางกลับยังไม่ได้พูดออกมา
ลี่ไฉ่เอ่ย “ผู้อาวุโสเหยา ข้าสามารถแลกเปลี่ยนตำแหน่งกับท่าน พวกเรามีโอกาสถอยหนีไปพร้อมกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!