สรุปเนื้อหา บทที่ 685.1 ดวงจันทร์บนฟ้า – กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet
บท บทที่ 685.1 ดวงจันทร์บนฟ้า ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
เหนี่ยนซินเดือดดาลอย่างหนัก “เฉินผิงอัน เจ้าเป็นอะไรของเจ้า?!”
ซวงเจี้ยงที่นั่งยองอยู่ด้านข้างถอนหายใจเบาๆ จะโทษแม่นางน้อยที่เจ้าอารมณ์ก็ไม่ได้ นั่นเป็นเพราะนางเคยชินกับจิตใจอันแข็งแกร่งทรหดของบรรพบุรุษอิ่นกวานมานานแล้ว การเย็บผ้าหลายครั้งก่อนหน้านี้เขาล้วนอดทนผ่านมันมาได้ ดังนั้นคนเย็บผ้าจึงเคยชินกับเรื่องไม่คาดฝันน้อยใหญ่แล้ว เพราะไม่ว่าขั้นตอนจะอันตรายแค่ไหน สุดท้ายก็ดูเหมือนว่าจะสำเร็จลงได้ด้วยดี ดังนั้นเรื่องไม่คาดฝันครั้งนี้จึงทำให้นางคาดไม่ถึงอย่างมาก
ในคุกแห่งนี้ หลังจากสังหารผู้ฝึกกระบี่เผ่าปีศาจขอบเขตก่อกำเนิดได้อีกคน การเย็บผ้าของเหนี่ยนซินวันนี้ต้องสลักชื่อจริงของปีศาจที่ดุร้ายยุคบรรพกาลลงไปตัวหนึ่ง ดังนั้นยามที่เข็มเย็บผ้าแห่งชะตาชีวิตของนางปักตรึงลงไปตรงหัวใจด้านหลังของเฉินผิงอันจะต้องร้อยเชื่อมเข้ากับกระดูกสันหลังด้วย เหลือแค่อักษรอีกสองขีดเท่านั้น ทว่าสุดท้ายทุกอย่างที่ทำมาก็ยังเสียเปล่า หากไม่เป็นเพราะเหนี่ยนซินเก็บมีดได้ทันเวลา กระดูกสันหลังทั้งเส้นของเฉินผิงอันก็ต้องขาดออกเป็นสองท่อน กระเทือนไปถึงชื่อจริงที่หลงเหลืออยู่ของปีศาจใหญ่ และจะยิ่งเป็นเหมือนน้ำในมหาสมุทรที่ถูกกรอกเทเข้าใส่หัวใจของเฉินผิงอันอย่างบ้าคลั่ง หากไม่เป็นเพราะตรงห้องหัวใจของเฉินผิงอันยังเหลือตัวอักษรจากยันต์ทองตำราหยกอยู่บ้าง เหนี่ยนซินจึงสามารถดึงพวกมันมาใช้สยบปราณดุร้ายของชื่อจริงได้อย่างคุ้นเคยทันท่วงทีจึงพอจะต้านทานเอาไว้ได้ ไม่อย่างนั้นเรือนกายและจิตวิญญาณของเฉินผิงอันก็คงกลายเป็นประทัดเส้นหนึ่งที่ระเบิดเปรี้ยงปร้างรัวติดต่อกัน จุดจบก็เหมือนการระเบิดโอสถทองและก่อกำเนิดของตัวเองทิ้ง ต่อให้เป็นเทพเซียนก็ยังช่วยไม่ได้
อิ่นกวานหนุ่มล้มลงไปนอนกองอยู่กับพื้น หนังตรงแผ่นหลังถูกถลกออกไปจนเห็นกระดูกสันหลังที่เปิดเปลือย ร่างของคนหนุ่มงอก่องอขิง ชักกระตุกไม่หยุด บนพื้นนองเต็มไปด้วยเลือดสด ท่ามกลางเลือดสีแดงฉานนั้นกลิ่นอายดุร้ายจากชื่อจริงของปีศาจใหญ่ที่หลงเหลืออยู่ยังคงวนเวียนไม่จางหาย สุดท้ายปราณชั่วร้ายที่เข้มข้นแต่ละเส้นมารวมตัวกันเป็น ‘โอสถทอง’ เล็กเท่าเมล็ดงาเมล็ดหนึ่ง ถึงขั้นใช้เลือดสดมาเป็น ‘สถานที่สร้างกระท่อมฝึกตน’ หวังว่าจะกลายเป็นวัตถุหยินที่เยื้องกรายลงมาบนโลก หากอยู่ที่ใต้หล้าไพศาลแล้วไม่มีใครมาควบคุมดูแล ไม่แน่ว่าเพียงชั่วพริบตาก็อาจมีผีโอสถทองที่ร้ายกาจสมชื่อก่อกำเนิดขึ้นมาตนหนึ่งจริงๆ เลยก็เป็นได้ จากนั้นหากมันหาซากปรักสนามรบโบราณที่ปราณดุร้ายมีมากพอได้เจอ ก็จะสามารถรวบรวมทหารหยิน สร้างจวนโลกมืด ก่อตั้งกองกำลังกลายเป็นราชาผีที่สร้างหายนะไกลพันลี้
สภาพของเหนี่ยนซินก็น่าสังเวชไม่ต่างกัน นางกระอักเลือดสดที่ดำเข้มเหมือนน้ำหมึกออกมาหลายคำ คราวนี้นางไม่ได้ฝืนกลืนมันลงท้อง แต่หันหน้าไปอีกทางแล้วถ่มทิ้งลงพื้น
เทวบุตรมารนอกโลกที่สวมต่างหูงูเขียวโบกชายแขนเสื้อของชุดคลุมอาคมง่ายๆ วิญญาณหยินสมชื่อที่ก่อตัวเป็นเมล็ดงาได้อย่างรวดเร็วก็ถูกดึงออกมาจากเลือดสดบนพื้น มาลอยอยู่ตรงหน้า จากนั้นซวงเจี้ยงก็ยื่นสองนิ้วออกไปบดขยี้ให้แหลกเบาๆ ปราณสกปรกชั่วร้ายที่มากพอจะทำให้ผู้ฝึกตนห้าขอบเขตล่างคนหนึ่งกลายเป็นหุ่นเชิดวิญญาณหยินเหล่านั้นสลายกลายเป็นผุยผงไปอย่างสิ้นเชิง
ครู่หนึ่งต่อมา เฉินผิงอันลุกขึ้นนั่ง จิตวิญญาณยังสั่นสะเทือน กระดูก เส้นเอ็นและเลือดเนื้อภายในร่างยังคงสั่นเทาเบาๆ เหมือนเต่าอ๋าวใต้ดินกำลังพลิกกระดองเบาๆ เลือดสดในกายเดือดพล่านไม่หยุด ประหนึ่งว่าทุกหนทุกแห่งในร่างล้วนเกิดอุทกภัย โชคดีที่วัตถุแห่งชะตาชีวิตห้าธาตุโคจรด้วยตัวเอง ช่วยปลอบประโลมเหตุการณ์ผิดปกติเหล่านั้นให้สงบลง เป็นเหตุให้เฉินผิงอันยังพอจะฝืนรักษาเนื้อหนังมังสาภายนอกให้มั่นคงไม่สั่นคลอนได้บ้าง เขาเอ่ยขออภัยว่า “ทนไม่ไหวจริงๆ”
ซวงเจี้ยงรีบหันไปขยิบตาให้เหนี่ยนซิน ไม่ให้แม่นางน้อยคนนี้สาดเกลือลงบนแผลสดของอีกฝ่าย
แม้ว่าเหนี่ยนซินจะไม่ด่าคนอีก แต่สีหน้ากลับยังคงไม่สบอารมณ์ เอ่ยเสียงกระชากว่า “อีกเดี๋ยวจะต้องลงมือกับพวกอวิ๋นชิง ชิงชิวแล้ว หากยังไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวอยู่แบบนี้ ข้าก็แนะนำเจ้าว่าหยุดเสียตั้งแต่ตอนนี้เถอะ ถึงอย่างไร ‘ภูษา’ ชื่อจริงชิ้นนี้ก็พอจะเอาไปใช้ได้แล้ว”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ
เหนี่ยนซินช่วยเฉินผิงอันเย็บติดผิวหนังแล้วร่างก็วูบหายไป
การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นการวาดงูเติมขาอย่าง ‘ไม่ทันระวัง’ ของนาง เหนี่ยนซินแสร้งทำเป็นไม่ระวัง เฉินผิงอันแสร้งทำเป็นไม่รู้สึก ซวงเจี้ยงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ทั้งสามฝ่ายรู้ใจกันดีมาก
รอกระทั่งเหนี่ยนซินจากไปแล้ว ซวงเจี้ยงถึงเอ่ยโน้มน้าวอย่างระมัดระวังว่า “บรรพบุรุษอิ่นกวาน ทุกครั้งต้องใช้วิธีการเอาชีวิตแลกชีวิต เรือนกายและจิตวิญญาณต่างโยกคลอน แค่นี้ก็ถือว่าไม่ง่ายแล้ว แล้วหลังจากสังหารปีศาจยังต้องมาเย็บผ้าทันที แบบนี้ไม่ค่อยเหมาะเท่าไรเลยนะ”
หากไม่ต้องเย็บผ้า ร่างกายและจิตใจของเฉินผิงอันจะฟื้นตัวได้เร็วมาก เหมือนกับคนขี้โรคคนหนึ่งที่เพิ่งหายดีจากการป่วยหนัก แล้วก็เหมือนคนที่ตาบอดมานานคนหนึ่งที่ในที่สุดก็มองเห็นแสงสว่าง ร่างทั้งร่างจะจมอยู่ใน ‘ฟ้าดินเล็ก’ ของความผ่อนคลาย สบายกายสบายใจ ตอนนี้เฉินผิงอันสามารถลุกขึ้นยืนอย่างโซเซได้แล้ว เรือนกายงองุ้มสาวเท้าเดินไปข้างหน้าเนิบช้า เลือดกองใหญ่ที่ทิ้งไว้บนพื้น หลังจากซวงเจี้ยงจัดการเก็บกวาดชื่อจริงปีศาจไปแล้วก็ถูกเหนี่ยนซินเอาไปไว้ในถุงผ้าปักลายของตัวเองนานแล้ว ซวงเจี้ยงแอบชมอยู่ในใจ ช่างเป็นคนเย็บผ้าที่มัธยัสถ์อดออม เป็นแม่นางน้อยที่ปากไม่ตรงกับใจจริงๆ
เฉินผิงอันเอ่ย “การเย็บผ้าในทุกวันนี้เจ็บปวดเกินไปจริงๆ ทุกครั้งหลังจากสังหารเผ่าปีศาจแล้ว แค่คิดถึงเรื่องนี้ก็ใจสั่น ก็เลยอยากจะทำให้เสร็จไปในคราวเดียว อีกอย่างเหนี่ยนซินเองก็เคยเอ่ยว่า ยิ่งทนความลำบากได้มากเท่าไร ความทรงจำลึกล้ำเท่าไร ประสิทธิผลก็ยิ่งดีมากเท่านั้น”
ซวงเจี้ยงเอ่ยเนิบช้าว่า “อาศัยการสยบกำราบจากฟ้าดินของนกในกรง ทุกครั้งที่เจ้าตัดสินใจว่าจะแลกเปลี่ยนชีวิตก็จะต้องแอบสร้างสถานที่ไร้กฎเกณฑ์ขึ้นมา ใช้ทุกวิธีการทั้งหมดที่มี เจ้าถึงจะสามารถสังหารผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดได้อย่างหวุดหวิด ก็เหมือนผู้ฝึกกระบี่ที่เป็นเผ่าพันธุ์แมลงสาบตนนั้น ถูกเจ้าสยบขอบเขตไว้เกินครึ่งแล้วอย่างไร ก็ยังสามารถใช้หนึ่งกระบี่ปั่นคว้านหัวใจเจ้าให้เละได้อยู่ดีไม่ใช่หรือ? หากเปลี่ยนไปเป็นคนอื่น โดนกระบี่ที่ปล่อยมาอย่าง ‘เต็มคราบ’ นั้นของมัน ป่านนี้ก็ซี้แหงแก๋ไปนานแล้ว”
“ห้าขอบเขตบนคนที่เหลือล่ะควรจะสังหารอย่างไร? เมิ่งโผกับชิงชิวนับว่ายังดีหน่อย วิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตของเมิ่งโผนั้นเชี่ยวชาญเวทลวงตา ไม่ได้มีอิทธิพลกับเจ้ามากนัก แค่หาช่องโหว่ของนางได้ก็พอแล้ว ส่วนชิงชิวก็ถูกกระบี่พิฆาตสยบเอาไว้อยู่หลายส่วน ม้วนภาพแห่งชะตาชีวิตของจู๋เจี๋ยนั้น หากมาอยู่ในฟ้าดินเล็กนกในกรง ก็ยากที่จู๋เจี๋ยจะร่ายวิชาอภินิหารทั้งหมดออกมาได้อย่างเต็มกำลัง หากจู๋เจี๋ยคลี่ม้วนภาพ เจ้าก็พับขุนเขาสายน้ำ ใช้วิธีเกลือจิ้มเกลือก็ยังพอได้ ถึงอย่างไรก็มีโอกาสให้เอาชนะ แต่อวิ๋นชิงผู้นั้น อย่าหวังเลย ในบรรดาสี่คน แค่พูดถึงว่าเจ้ามีโอกาสจะชนะสักเสี้ยวบ้างหรือไม่ ส่วนโหวฉางจวินที่เป็นขอบเขตเซียนเหรินคนนั้น เจ้าก็ยิ่งไม่มีโอกาสจะเอาชนะได้เลย แค่ประตูคุกเปิดออกก็เท่ากับพาตัวไปตายแล้ว”
สุดท้ายซวงเจี้ยงเอ่ยว่า “เว้นเสียจาก…เว้นเสียจากว่าเจ้าเลื่อนเป็นผู้ฝึกยุทธขอบเขตยอดเขา ในขณะเดียวกันก็ฝ่าขอบเขตชมมหาสมุทรและขอบเขตประตูมังกรของผู้ฝึกลมปราณไปติดๆ กันจนกลายเป็นโอสถทองได้ ซึ่งก่อนจะเป็นเช่นนี้จะต้องไม่ไปหาเรื่องซวย เอาชีวิตไปทิ้งกับโหวฉางจวินผู้นั้นเสียก่อน ขอบเขตต่างกันมากเกินไป ต่อให้ใช้กลอุบายที่เค้นสมองคิดแล้วก็ไร้ประโยชน์”
เฉินผิงอันเดินออกจากคุก เอ่ยว่า “ขอบเขตยอดเขา สร้างโอสถทอง? เจ้าก็พูดง่าย ทุกวันนี้สภาพข้าเป็นอย่างไรและข้าคิดอะไรอยู่ เจ้ายังไม่รู้อีกหรือ?”
เทวบุตรมารนอกโลกวิ่งตุปัดตุเป๋ตามมาด้านข้าง กำหมัดชูแขนขึ้นสูงเหนือศีรษะแล้วเหวี่ยงแขนพร้อมพูดตะโกนก้อง “ท่านบรรพบุรุษทำสิ่งใด ไม่ว่าเรื่องเล็กใหญ่ก็ล้วนจัดการได้อย่างง่ายดาย เรื่องที่หนักพันชั่งกลับบางเบาดุจขนเป็ด ความกลัดกลุ้มของคนนับแต่โบราณ สำหรับท่านแล้วก็เหมือนดั่งเม็ดฝนโปรยปราย ท่านบรรพบุรุษคิดจะพลิกฟ้ากลบฝนก็ล้วนอยู่แค่ฝ่ามือ…”
ผลคือถูกเฉินผิงอันที่อารมณ์ไม่ดีต่อยเข้าแสกหน้า ร่างของเทวบุตรมารระเบิดดังปัง หลังจากรวมตัวกันขึ้นใหม่ตรงจุดเดิมก็หงอยเหงาเซื่องซึม ไม่ส่งเสียงโหวกเหวกชวนให้คนหนวกหูอีก
ทำตัวเป็นขุนนางตงฉินผู้ภักดียอมเสี่ยงตายถวายคำทัดทาน ไม่ได้รับความเชื่อถือ พอทำตัวเป็นขุนนางกังฉินที่ขี้ประจบสอพลอก็โดนซ้อมอีก จิตใจโอรสสวรรค์ยากจะคาดเดา อยู่กับจักรพรรดิเหมือนอยู่กับเสือจริงๆ
เฉินผิงอันเดินลงไปด้านล่างคุกตลอดทางกระทั่งไปถึงศาลาหลังนั้น
ถามกระบี่กับผู้ฝึกกระบี่เผ่าปีศาจขอบเขตก่อกำเนิดห้าคนซึ่งรวมถึงหวงเหอเป็นหนึ่งในนั้น วิธีการคร่าวๆ ที่เขาใช้ถูกซวงเจี้ยงนำมาเรียบเรียงและเปิดโปงออกมาแล้ว จุดประสงค์เดียวก็คือเพื่อให้ข้าที่มีฟ้าอำนวยดินอวยพรเอาชนะผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดที่คนสามัคคีได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ แน่นอนว่าไม่ถือว่าเป็นการถามกระบี่ที่บริสุทธิ์ระหว่างผู้ฝึกกระบี่ได้จริง แต่กลับไม่ถึงขั้นเอาชนะอย่างไร้เกียรติอะไร พวกหวงเหอ ในฐานะที่เป็นผู้ฝึกกระบี่ก็มีวิชาลับติดกาย มีวิชาอภินิหารนอกรีตอันเป็นสมบัติก้นกรุอยู่เหมือนกัน ที่พึ่งที่ใหญ่ที่สุดของเฉินผิงอันยังคงเป็นฟ้าดินเล็กที่เป็นวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตของกระบี่บินนกในกรง เมื่ออยู่ในนั้นขอบเขตผู้ฝึกลมปราณของทั้งสองฝ่ายจะกลายเป็นสิ่งหนึ่งมลายสิ่งหนึ่งขึ้นมาแทนที่คนละครึ่งขอบเขต จากนั้นก็เพิ่มกระบวนท่าเทพตีกลองสายฟ้าของผู้ฝึกยุทธขอบเขตเดินทางไกลเข้าไป
ตัวอักษรที่ร้อยเรียงกันซึ่งมีคำว่า ‘จิตใจผุดผ่องบริสุทธิ์ดุจหยกใส’ เป็นหนึ่งในนั้น สามารถช่วยให้เฉินผิงอันหลงลืมตน จมจ่อมอยู่กับการทำสมาธิเข้าฌานได้เร็วยิ่งกว่าเดิม ประสิทธิผลของมันคล้ายๆ การที่ผู้ฝึกตนนั่งบนเบาะรองนั่งตระกูลเซียน หรือจุดธูปขุนเขาสายน้ำไว้ในถ้ำ แม้ว่าจะเป็นวิธีการที่คล้ายน้ำหยดลงหิน แต่กระนั้นก็ยังมิอาจดูแคลน ผู้ฝึกตนห้าขอบเขตล่างดึงเอาปราณวิญญาณมาจากฟ้าดินประหนึ่งการใช้สองมือกอบวักน้ำ ลำบากอย่างมาก พอเลื่อนขั้นเป็นห้าขอบเขตกลางก็เหมือนการใช้ถังไม้ไปตักน้ำในบ่อ แน่นอนว่าต้องเร็วยิ่งกว่า
เฉินผิงอันทั้งได้ดาบวิเศษพิฆาตซึ่งเป็นอาวุธในการสยบเผ่าพันธุ์เจียวหลงมาเล่มหนึ่ง ขณะเดียวกันยังได้วิธีการที่จะเป็นประโยชน์ต่อการฝึกตนบนมหามรรคาในวันหน้าอย่างยาวนานมาด้วย ถือว่าได้กำไรมากแล้ว
เงินร้อนน้อยเหรียญที่สอง เฉินผิงอันให้ซวงเจี้ยงอธิบายถึงคาถาการฝึกตนของสามขอบเขตอย่างถ้ำสถิต ชมมหาสมุทรและประตูมังกรอย่างละเอียด รวมไปถึงวิธีที่ใช้คู่การหลอมใหญ่และหลอมกลางให้กับวัตถุแห่งชะตาชีวิตทั้งหมด
เฉินผิงอันตัดสินใจเลื่อนเป็นขอบเขตถ้ำสถิตอยู่ในคุก ตอนนั้นปราณวิญญาณกรอกเทเข้าใส่ฟ้าดินเล็ก ซวงเจี้ยงพูดจาน่าเชื่อถือว่า เรื่องแบบนี้ก็เป็นดั่งคำที่ว่าผ่านหมู่บ้านนี้ไปก็ไม่มีร้านนี้แล้ว จึงอาศัยโอกาสนี้เข้าไปสำรวจในร่างกายของเขา ช่วยตามหาภูเขาทายาทหกลูกของช่องโพรงแห่งชะตาชีวิตสิบแห่งที่มีการเปิดจวนเรียบร้อยแล้ว จึงได้รับเงินร้อนน้อยเหรียญที่สามไปในท้ายที่สุด
นอกจากการถ่ายทอดมรรคาไขข้อข้องใจและหาเงินของซวงเจี้ยงแล้ว มันยังอาศัยความสามารถของตัวเองทำการค้าเพิ่มเติมสำเร็จมาอีกหนึ่งอย่าง ซวงเจี้ยงแค่บอกว่าธงเซียนกระบี่ที่ผ่านการหลอมกลางผืนนั้น แค่ต้องใช้เวทลับนำไปตั้งอยู่บนยอดเขาศาลภูเขาเท่านั้น ตอนนั้นมันไม่ได้บอกรายละเอียด ดังนั้นเฉินผิงอันจึงงับเหยื่ออย่างว่าง่าย เทวบุตรมารได้เงิน บรรพบุรุษอิ่นกวานที่เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตถ้ำสถิตก็ได้วิชาการฝึกตนเพิ่มไปอีกวิชาหนึ่ง ดุจการปักบุปผาลงบนผ้าแพร
บวกกับเรื่องที่ว่าหลังจากขอบเขตชมมหาสมุทรบุกเบิกช่องโพรงลมปราณแห่งใหม่แล้วจะเอาเจดีย์วิเศษป๋ายอวี้จิงจำลองไปหลอมใหญ่เป็นวัตถุแห่งชะตาชีวิต สามารถนำมาเป็นวัตถุแห่งชะตาชีวิตด้านการช่วยเหลือประคับประคองที่สำคัญชิ้นหนึ่งได้อย่างไร วัตถุแห่งชะตาชีวิตห้าธาตุสามารถดูดดึงปราณวิญญาณฟ้าดิน ส่วนในฟ้าดินเล็กร่างมนุษย์ก็ย่อมสามารถฟูมฟักปราณของห้าธาตุออกมาได้ และหากนำมันมาหลอม ‘ป๋ายอวี้จิง’ ก็จะเหนื่อยเพียงครึ่งแต่ได้ผลลัพธ์เป็นเท่าตัว สามารถบำรุงให้ความอบอุ่นแก่วัตถุแห่งชะตาชีวิตห้าธาตุ นี่ก็คือการยื่นถ่านท่ามกลางหิมะของซวงเจี้ยง
บวกกับข้อที่ว่าจะแต้มนัยน์ตาให้กับภาพวาดฝาผนังของจวนน้ำอย่างไร เวทลับตระกูลเซียนสามชนิดที่ซวงเจี้ยงใช้ปากถ่ายทอดแก่บรรพบุรุษอิ่นกวาน รวมกันแล้วเฉินผิงอันจ่ายไปแค่หนึ่งเหรียญเงินร้อนน้อย
มาถึงตรงนี้ซวงเจี้ยงก็ได้เงินร้อนน้อยไปสี่เหรียญแล้ว
กระบี่สั้นสองเล่มที่มองดูเหมือนซวงเจี้ยงไม่ใส่ใจ แค่พูดง่ายๆ ว่า ‘แกะสลักเรือในอดีต’ ซวงเจี้ยงจงใจพูดให้คลุมเครือ ไม่ยินดีจะบอกถึงประวัติความเป็นมาที่แท้จริง กระบี่สั้นที่แยกกันสลักสองคำว่า ‘ตู๋’ และ ‘หู’ นี้ กระบี่สั้นที่สลักอักษรตัวตู๋มาอยู่ในน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ของเฉินผิงอันนานแล้ว ไม่ถือว่าอยู่ในขอบเขตของการค้าขาย แต่กระบี่สั้นอักษรหูที่ ‘ท่านบรรพบุรุษอิ่นกวานไม่สู้รวมให้ครบคู่ดั่งคำว่าโชคดีมาเป็นคู่’ ซวงเจี้ยงเปิดราคามาที่หนึ่งเหรียญเงินร้อนน้อย และเฉินผิงอันก็ตอบตกลง
โดยไม่ทันรู้ตัว เทวบุตรมารก็หาเงินไปได้ห้าเหรียญเงินร้อนน้อยแล้ว
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!