กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 687

สรุปบท บทที่ 687.1 พจนะจากตำราโบราณ: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

สรุปเนื้อหา บทที่ 687.1 พจนะจากตำราโบราณ – กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

บท บทที่ 687.1 พจนะจากตำราโบราณ ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ในที่สุดเกาะกุ้ยฮวาก็กลับมาถึงนครมังกรเฒ่า ค่อยๆ จอดเทียบท่าบนเกาะนอกเมืองช้าๆ การเดินทางกลับครั้งนี้นับว่าค่อนข้างราบรื่น ทำให้คนโล่งใจ

คนกลุ่มหนึ่งสามคนออกมาจากเรือนเล็กกุยม่าย เว่ยจิ้นสะพายกระบี่ไว้ด้านหลัง หมี่อวี้พกกระบี่ ตรงเอวห้อยน้ำเต้าบรรจุเหล้าลูกหนึ่ง เหวยเหวินหลงสองมือว่างเปล่า ลงเรือมาแล้วก็มุ่งหน้ากันไปที่นครมังกรเฒ่า บนเส้นทางเหนือมหาสมุทรเส้นทางหนึ่งที่ปูระหว่างเกาะกับนครมังกรเฒ่า จินซู่แม่นางกุ้ยฮวาที่ได้รับคำสั่งมาจากอาจารย์จึงเดินทางมาส่งแขกผู้มีเกียรติทั้งสามท่านตลอดทาง พาพวกเขาไปส่งยังท่าเรืออีกแห่งหนึ่งของนครมังกรเฒ่า ถึงเวลานั้นจะต้องเปลี่ยนเรือโดยสารเลียบเส้นทางมังกรเดินไปยังภาคกลางของแจกันสมบัติทวีป

ระหว่างท่าเรือสองแห่งที่ตั้งอยู่บนมหาสมุทรและบนแผ่นดินของนครมังกรเฒ่านี้ ล้วนเป็นถนนยาวร้อยลี้เส้นที่บรรพบุรุษตระกูลซุนเป็นผู้ปูขึ้น

ผู้ฝึกกระบี่โอสถทองหม่าจื้อที่เดิมทีเป็นควบทั้งผู้ดูแลเกาะกุ้ยฮวาและผู้ถวายงานอันดับหนึ่งของตระกูลฟ่านคิดจะเรียกรถม้ามาคันหนึ่ง แต่กลับถูกเว่ยจิ้นปฏิเสธไปอย่างละมุนละม่อม บอกว่าแค่เดินเท้าก็พอแล้ว

จินซู่เลื่อมใสนับถือเซียนกระบี่หนุ่มจากหอเทพเซียนศาลลมหิมะผู้นี้จากใจจริง ก่อนหน้านั้นอีกฝ่ายเคยไปถามกระบี่กับเทียนจวินเซี่ยสือที่อุตรกุรุทวีป จากนั้นก็เดินทางไปยังกำแพงเมืองปราณกระบี่ ตอนนี้ถึงเพิ่งกลับมา

ในฐานะเทพเซียนห้าขอบเขตบนที่หนุ่มที่สุดในประวัติศาสตร์ของแจกันสมบัติทวีป เว่ยจิ้นอยู่ในตำแหน่งนี้ได้อย่างสมเกียรติ จินซู่กล้าพูดเลยว่า ครั้งนี้ที่เว่ยจิ้นเดินทางกลับมาจากกำแพงเมืองปราณกระบี่ พอกลับไปถึงศาลลมหิมะ จะต้องสร้างชื่อเสียงบารมีที่ยิ่งใหญ่อย่างถึงที่สุดให้แก่ศาลลมหิมะได้แน่นอน

จากข่าวลือเล็กๆ บางอย่างที่แพร่มาในอดีต ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ แต่กลับบอกเล่ากันปากต่อปากอย่างเลื่อนลอย บอกว่าเว่ยจิ้นได้สร้างกระท่อมฝึกตนอยู่บนหัวกำแพงเมืองของกำแพงเมืองปราณกระบี่ เขามุ่งมั่นตั้งใจหล่อเลี้ยงกระบี่ ได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างไปจากผู้อื่น เป็นเพื่อนบ้านกับเทพเซียนผู้เฒ่าท่านหนึ่งที่เวทกระบี่สูงที่สุดในกำแพงเมืองปราณกระบี่ กระท่อมเล็กใหญ่สองหลังตั้งอยู่ใกล้กัน ยังลือกันอีกว่าเว่ยจิ้นมักจะได้รับการชี้แนะเวทกระบี่จากผู้เฒ่าท่านนั้นเสมอ

นี่คือหัวข้อพูดคุยที่ได้รับความสนใจจากผู้ฝึกลมปราณแจกันสมบัติทวีปมากที่สุด ทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้ผู้คนล้วนรู้สึกเป็นเกียรติ ผู้ฝึกตนในทวีปของทุกวันนี้ ทุกครั้งที่พูดถึงผู้ฝึกกระบี่ล้วนหนีไม่พ้นเว่ยจิ้นแห่งศาลลมหิมะทั้งนั้น

แจกันสมบัติทวีปของพวกเราคือน้องเล็กสุดของเก้าทวีปในใต้หล้าไพศาล ทว่าเว่ยจิ้นคนบ้านเดียวกันกับพวกเรา ยามที่อยู่กำแพงเมืองปราณกระบี่ซึ่งมีเซียนกระบี่มากมายดุจก้อนเมฆก็ยังเป็นบุคคลที่โดดเด่นอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

ถึงขั้นที่ว่ามีเซียนซือบางคนเริ่มรู้สึกว่าหากเทียนจวินฉีเจินแห่งสำนักโองการเทพบินทะยานเมื่อไหร่ หรือปิดด่านไม่ให้ความสนใจเรื่องทางโลกเป็นเวลายาวนาน ถ้าอย่างนั้นผู้นำตระกูลเซียนของทวีปคนถัดไปก็อาจมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นเว่ยจิ้น หากเว่ยจิ้นเลื่อนเป็นขอบเขตเซียนเหริน กลายเป็นเซียนกระบี่ใหญ่คนแรกในประวัติศาสตร์ของแจกันสมบัติทวีป เมื่อโชควาสนามาเยือนทั้งฟ้าและดินล้วนร่วมแรงร่วมใจกันช่วยเหลือ เท่ากับว่าโชคชะตาวิถีกระบี่ของหนึ่งทวีปจะไปรวมตัวกันบนร่างของเขา ผลสำเร็จบนมหามรรคาจะยิ่งไร้ขีดจำกัด

ส่วนสหายสองคนของเว่ยจิ้นที่ไม่รู้ประวัติความเป็นมานั้น จินซู่เพียงแค่ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างมีมารยาทเท่านั้น ว่ากันว่าต่างก็เป็นผู้ฝึกตนที่ห่างจากเซียนดินโอสถทองอีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้น ตอนอยู่ในเรือนเล็กกุยม่าย บางครั้งจินซู่ก็จะไปต้มชาพูดคุยกับคนทั้งสามเป็นเพื่อนกุ้ยฮูหยิน แล้วก็สังเกตเห็นความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ บางอย่าง ลูกค้าแซ่เหวยค่อนข้างสำรวมระมัดระวังตัว พูดไม่ค่อยเก่ง แต่สนใจในขนบธรรมเนียมประเพณีของแจกันสมบัติทวีปอย่างมาก นานๆ ทีที่เป็นฝ่ายเปิดปากเอ่ยคำถาม ล้วนจะถามถึงทิศทางการดำเนินกิจการ เส้นทางการหาเงินของตระกูลใหญ่ทั้งหลายในนครมังกรเฒ่า ดูคล้ายลูกศิษย์สำนักการค้า

หันกลับมามองคุณชายหมี่ที่เนื้อหนังมังสางดงามจนคล้ายเจ๋อเซียนในตำรา ดูเหมือนว่าจะไม่เคยเก็บเรื่องใดมาใส่ใจ

สองฝั่งของถนนถูกผู้ฝึกตนบนภูเขาสร้างสถานที่ท่องเที่ยวคล้ายคลึงกับสระดอกบัวขึ้นมาแห่งหนึ่ง จึงเป็นเหตุให้ผู้คนเบียดเสียดกันแน่นขนัด นักท่องเที่ยวมีเยอะมากเป็นพิเศษ

หมี่อวี้ที่เดินอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนก็ราวกับเจ๋อเซียนที่หล่นจากฟ้าลงมาเดินอยู่ท่ามกลางหมู่มวลบุปผาของโลกมนุษย์

ต่อให้จินซู่จะมีคนในใจมานานแล้ว แล้วก็ยิ่งรักซุนเจียซู่หัวปักหัวปำ แต่ก็จำต้องยอมรับว่า หากพูดกันถึงเรื่องหน้าตา คุณชายหมี่ท่านนี้คือเทพเซียนในกลุ่มเทพเซียนจริงๆ

บนถนนมีสาวน้อยสาวใหญ่อยู่มากมาย ดวงตาของพวกนางฉายประกายวิบวับ อดหันมามองหมี่อวี้หลายครั้งไม่ได้ โดยไม่ทันรู้ตัวคนที่ชมทัศนียภาพอันงดงามของสระดอกบัวก็น้อยลงแล้ว ทว่ากลับหันมามองคุณชายเจ้าเสน่ห์ผู้นั้นมากกว่า

สถานที่แห่งเทพเซียน หลอมโอสถข้างบ่อน้ำ จุ่มพู่กันแต้มหมึกข้างสระ ปทุมมาสิบลี้ ลมเย็นพัดผ่านผิวน้ำ แสงจันทร์ดุจภูษาสวรรค์

หมี่อวี้พึมพำสองประโยคที่อ่านเจอมาจากหน้าพัดของร้านตระกูลเยี่ยน บัณฑิตของใต้หล้าไพศาลช่างมีผลงานการประพันธ์ที่ดีจริงๆ

อีกทั้งใต้หล้าไพศาลแห่งนี้ หากไม่พูดถึงผู้คน พูดถึงแค่ทัศนียภาพของพื้นที่ต่างๆ ก็ดีกว่ากำแพงเมืองปราณกระบี่มากจริงๆ

นี่ยังไม่ทันไปถึงนครมังกรเฒ่าก็มีภาพบรรยากาศเช่นนี้แล้ว

เวลานี้เดินอยู่บนถนน เหวยเหวินหลงใช้เสียงในใจเอ่ยอย่างปลงอนิจจังว่า “ที่นี่ก็คือบ้านเกิดของใต้เท้าอิ่นกวานและเซียนกระบี่เว่ยสินะ”

ไม่จำเป็นต้องให้เว่ยจิ้นเอ่ยเตือน สองคำว่าอิ่นกวานนี้ได้กลายเป็นข้อห้ามที่ไม่เล็กไม่ใหญ่อย่างหนึ่งไปแล้ว ไม่เหมาะที่จะพูดติดปากบ่อยๆ ต่อให้เหวยเหวินหลงจะอดพูดถึงไม่ได้ ก็ยังได้แต่ใช้เสียงในใจพึมพำเอาเท่านั้น

เว่ยจิ้นยิ้มกล่าว “หากไม่เป็นเพราะเดินทางไกลไปอยู่ทวีปอื่น ตอนอยู่ในทวีปที่กว้างใหญ่ไพศาลเช่นนี้ก็ยากที่จะคิดถึงบ้านเกิดได้จริงๆ”

และเว่ยจิ้นก็ไม่เพียงแต่ไร้ความผูกพันกับแจกันสมบัติทวีปเท่านั้น ในความเป็นจริงแล้วต่อให้เป็นศาลลมหิมะ เขาก็ยังไม่มีความรู้สึกว่าเป็นบ้านที่อยากกลับไปเช่นกัน

จินซู่ยื่นนิ้วชี้ไปยังท้องฟ้าของนครมังกรเฒ่า อธิบายให้คนต่างถิ่นทั้งสองฟังว่า “เมื่อก่อนนครมังกรเฒ่าของพวกเรามีทะเลเมฆอยู่แห่งหนึ่งที่เล่าลือกันว่าน่าจะเป็นของที่เซียนยุคบรรพกาลทิ้งไว้ซึ่งระดับขั้นอย่างต่ำสุดก็ต้องเป็นอาวุธกึ่งเซียน ยามโดยสารเรือข้ามฟากอยู่บนเมฆ แค่ก้มหน้าลงมาก็มองเห็นได้แล้ว ทว่าหากอยู่ในนครจะมองไม่เห็น เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อหลายปีก่อนจู่ๆ ทะเลเมฆก็หายวับไป ตอนนี้ยังกลายเป็นหัวข้อพูดคุยที่น่าประหลาดใจของคนบนภูเขา ผู้ฝึกลมปราณบนภูเขาหลายคนถึงขั้นเดินทางมาที่นี่เพื่อยืนยันให้แน่ใจว่าเป็นจริงหรือเท็จ”

เหวยเหวินหลงเริ่มคิดคำนวณตามจิตใต้สำนึกว่าอาวุธกึ่งเซียนชิ้นหนึ่งจะมีมูลค่าเท่าใดในแจกันสมบัติทวีป

หมี่อวี้มีสีหน้าเป็นธรรมชาติ ใช้เสียงในใจยิ้มกล่าวกับเว่ยจิ้นว่า “แจกันสมบัติทวีปของพวกเจ้ามีคนที่กินอิ่มว่างงานเยอะขนาดนี้เชียวหรือ?”

เดิมทีเว่ยจิ้นก็ไม่ได้มีความทรงจำแย่ๆ ต่อหมี่อวี้ บวกกับที่เซียนกระบี่ใหญ่หมี่ฮู่และเยว่ชิงต่างก็เป็นสหายรักที่ถูกชะตากับเขาอย่างมาก นี่จึงเป็นเหตุให้ยามอยู่กับหมี่อวี้ เว่ยจิ้นไม่เคยพูดจาห่างเหิน เขาตอบว่า “คำพูดประเภทนี้ ไม่ว่าเซียนกระบี่คนใดของกำแพงเมืองปราณกระบี่ก็ล้วนสามารถพูดได้ มีเพียงเจ้าหมี่อวี้เท่านั้นที่ไม่มีสิทธิ์มาพูดจาเหน็บแนมคนอื่น ดื่มเหล้านอนเมาอยู่บนเมฆเรืองรอง แสร้งทำตัวเป็นคนในกลุ่มเทพเซียนหลอกลวงผู้ฝึกตนหญิงต่างถิ่น ก่อหนี้รักเลอะเลือนบานเบอะ”

หมี่อวี้หัวเราะฮ่าๆ “พูดเรื่องไหนไม่พูด ดันมาพูดเรื่องที่จี้ใจดำคน สมควรแล้วที่เซียนกระบี่เว่ยอย่างเจ้าเป็นชายโสด ทุกวันนี้แจกันสมบัติทวีปเพิ่งจะมีเซียนกระบี่สักกี่คนกันเชียว? เป็นถึงเซียนกระบี่ผู้ยิ่งใหญ่ แล้วยังหนุ่มแน่นถึงเพียงนี้ แต่กลับไม่มีสาวงามคนรู้ใจเลยสักคน ข้าล่ะไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นเพราะพวกเทพธิดาของแจกันสมบัติทวีปตาไม่ดี หรือว่าเจ้าเว่ยจิ้นหัวทึบ หรือว่าทุกครั้งที่เดินขึ้นเขาลงเขาจะต้องแปะกระดาษแผ่นหนึ่งที่เขียนคำว่า ‘ไม่ชอบสตรี’ ไว้บนหน้าผากกันแน่ มาๆๆ เซียนกระบี่เว่ยอย่าได้เขินอาย พวกเราล้วนเป็นคนกันเอง รีบหยิบกระดาษแผ่นนั้นออกมา ให้ข้ากับพี่น้องเหวยได้เปิดโลกทัศน์ ได้มีความรู้เพิ่มขึ้นสักหน่อย…”

เว่ยจิ้นยิ้มกล่าว “ไม่มีกระดาษแผ่นนี้จริงๆ ทำให้เซียนกระบี่หมี่ผิดหวังแล้ว”

จินซู่รู้แค่ว่าคนทั้งสามใช้เสียงในใจพูดคุยกัน เพียงแต่ไม่รู้ว่าพูดคุยถึงเรื่องอะไรถึงได้อารมณ์ดีกันขนาดนี้

รถม้าคันหนึ่งหยุดอยู่กลางถนน หลังจากที่เกาะกุ้ยฮวาจอดเทียบท่าก็มีบุรุษอายุน้อยสวมกวานสูง ตรงเอวห้อยแผ่นหยกสลักคำว่า ‘มังกรเฒ่าโปรยพิรุณ’ เดินลงมาจากรถม้า

คือนายน้อยแห่งนครมังกรเฒ่า ฝูหนันหัว

พอเจอกลุ่มของเว่ยจิ้นก็ก้มหน้ากุมหมัดคารวะ “ผู้น้อยฝูหนันหัวคารวะเซียนกระบี่เว่ย”

เว่ยจิ้นพยักหน้ารับ “คงไม่ไปเป็นแขกในนครแล้ว ต้องรีบเดินทางต่อ”

หากไม่เป็นเพราะข้างกายยังมีจินซู่แห่งเกาะกุ้ยฮวายืนอยู่ เว่ยจิ้นอาจไม่ยินดีเปิดปากพูดแม้แต่ครึ่งคำด้วยซ้ำ อยู่ในยุทธภพ เว่ยจิ้นสามารถพูดคุยกับพวกนักสู้ในยุทธภพอย่างถูกคอ มีเพียงกับคนบนภูเขาเท่านั้นที่ไม่เคยสวมหน้ากากเสแสร้ง คร้านจะคบค้าสมาคมด้วย

ฝูหนันหัวเบี่ยงตัวเปิดทางให้ ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ไม่กล้ารบกวนเซียนกระบี่เว่ยอย่างแน่นอน ผู้น้อยเดินทางมาครั้งนี้ก็เพราะได้ยินชื่อเสียงและเลื่อมใสท่านมานาน อันที่จริงนี่ก็ถือว่าเสียมารยาทมากแล้ว”

หมี่อวี้ด่าขำๆ ว่า “ข้าผู้อาวุโสแค่เจ้าสำราญ ไม่ได้เป็นคนบ้ากามสักหน่อย!”

อยู่กับอิ่นกวานหนุ่มนานวันเข้า เหวยเหวินหลงได้ยินได้ฟังมามากจนซึมซับนิสัยบางอย่างของเขามา จึงโพล่งขึ้นมาเบาๆ ว่า “เรื่องนี้ยังน่าสงสัย”

เว่ยจิ้นยิ้มชอบใจ

หมี่อวี้ยกนิ้วโป้ง อารมณ์ดีโดยพลัน “ประโยคนี้พูดได้อย่าง…มีมาดของใต้เท้าอิ่นกวานพวกเราหลายส่วน!”

หมี่อวี้พลันถามว่า “‘ปลูกต้นส้ม’ คือพจนะจากตำราเล่มใด? มีเรื่องเล่าบอกไว้หรือไม่?”

เว่ยจิ้นมึนงง ส่ายหน้าเอ่ยว่า “ไม่รู้สิ”

หมี่อวี้ส่ายหน้า “พี่เว่ย ความรู้ใช้ไม่ได้เลยนะ”

เว่ยจิ้นไม่ถือสา กลับเข้าห้องไปหล่อเลี้ยงบำรุงปณิธานกระบี่ด้วยความอบอุ่นต่อ

ส่วนเหวยเหวินหลงนั้นไปซื้อรายงานแห่งขุนเขาสายน้ำจากเรือข้ามฟาก

หมี่อวี้ฟุบตัวนอนคว่ำอยู่บนราวรั้วเพียงลำพัง พอคิดถึงว่าอีกไม่นานก็จะได้ไปอยู่เปล่ากินเปล่ารอความตายที่ภูเขาลั่วพั่ว และวันหน้ายังมีบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำในตำนานให้ดู หมี่อวี้ก็ยิ่งอารมณ์ดีมากขึ้นไปอีก

เพียงแต่ไม่รู้ว่าเหตุใดใต้เท้าอิ่นกวานต้องพูดย้ำเรื่องบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำกับเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า อีกทั้งทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้กับตน รอยยิ้มของเขาจะต้อง…จริงใจมากเป็นพิเศษ

……

นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่ไหวเดินทางไกลข้ามทวีป ก่อนหน้านี้ตอนที่ขึ้นเรือบนท่าเรือภูเขาหนิวเจี่ยว หุ่นเชิดวิญญาณวีรบุรุษกระชากเรือทะยานไปบนทะเลเมฆ รวดเร็วดุจสายฟ้าแลบ ทุกครั้งที่เจอกับพายุฝนกระหน่ำ ฟ้าร้องฟ้าผ่าดังครืนครั่น พวกหุ่นเชิดวิญญาณวีรบุรุษที่สำนักพีหมาหล่อหลอมพวกนั้นก็เหมือนสวมเสื้อเกราะสีทองลงบนร่าง แสงสีทองสาดประกายระยิบระยับทำให้เบื้องหน้าของเรือข้ามทวีปเหมือนมีแสงตะวันแสงจันทร์คอยส่องนำทาง หลี่ไหวมองกี่รอบก็ไม่เบื่อ เพราะห้องพักของเขาไม่มีระเบียงชมทิวทัศน์ หลี่ไหวจึงมักจะไปชมทัศนียภาพที่หัวเรือเป็นประจำ ทุกครั้งที่ได้เห็นต้องตกตะลึงอยู่เสมอ

เผยเฉียนพักอยู่ห้องติดกัน นางไม่ค่อยออกมาข้างนอก อย่างมากสุดก็ฟุบตัวอยู่ตรงหน้าต่างห้อง มองดูภาพบรรยากาศแปลกตาสารพัดรูปแบบบนฟากฟ้า หลี่ไหวมาชวนให้นางไปที่หัวเรือด้วยกันอยู่หลายครั้ง แต่เผยเฉียนมักจะบอกว่านางเคยเดินทางผ่านพันภูเขาหมื่นสายน้ำมาก่อนแล้ว ไม่ว่าเรื่องประหลาดแบบใดก็เคยเห็นมาหมดแล้ว กลับกันยังเตือนหลี่ไหวอย่างจริงจังว่า ออกไปข้างนอกคนเดียวต้องระวังให้มาก อย่าหาเรื่องใส่ตัวเด็ดขาด แต่ก็ไม่ต้องกลัวว่าปัญหายุ่งยากจะมาเยือนถึงประตู เพราะหากมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นจริงๆ นางจะช่วยไปแจ้งให้ผู้ดูแลซูทราบ

หลี่ไหวมองหัวหน้าสาขาเผยที่พูดจาวางท่าเหมือนคนแก่ ด้านหนึ่งก็ฝึกท่าหมัดเดินนิ่งอยู่ในห้องที่เล็กแคบ ด้านหนึ่งก็พูดถ้อยคำของคนในยุทธภพที่แก่เกินวัยตัวเองไปด้วย ในใจเขาพลันรู้สึกเลื่อมใสอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงเอ่ยประโยคน่าฟังจากใจจริงไปหลายคำ ผลคือเผยเฉียนที่ต้องเริ่มคัดตัวอักษรมอบคำว่าไสหัวไปให้เขาเป็นรางวัล

สำนักพีหมามีความสัมพันธ์แนบแน่นกับภูเขาลั่วพั่ว ตู้เหวินซือผู้ฝึกตนก่อกำเนิด ผังหยวนซีผู้สืบทอดศาลบรรพจารย์ที่ถูกฝากความหวังไว้มาก ทั้งสองคนต่างก็เป็นผู้ถวายงานที่ได้รับการบันทึกชื่อของภูเขาลั่วพั่ว แต่ว่าเรื่องนี้ยังไม่มีการป่าวประกาศอย่างเป็นวงกว้าง อีกทั้งทุกครั้งที่เรือข้ามฟากออกเดินทางไกล ศาลบรรพจารย์ของทั้งสองฝ่ายจะต้องมีการไปมาหาสู่กันผ่านทรัพย์สินก้อนใหญ่ เพราะถึงอย่างไรเส้นทางการเงินของตลอดทั้งชายหาดโครงกระดูกและสวนน้ำค้างวสันต์ก็แทบจะครอบคลุมเส้นทางแถบตะวันตกเฉียงใต้ของอุตรกุรุทวีปไปทั้งหมด ภูเขาตระกูลเซียนน้อยใหญ่ การค้าขายทั้งหลาย แท้จริงแล้วล้วนมีความเกี่ยวข้องกับภูเขาลั่วพั่วอย่างลับๆ ภูเขาลั่วพั่วที่ได้ครอบครองท่าเรือหนิวเจี่ยวไปครึ่งหนึ่ง ทุกครั้งที่เรือข้ามฟากสำนักพีหมาเดินทางกลับระหว่างชายหาดโครงกระดูกกับนครมังกรเฒ่า จะมีการคิดบัญชีกันปีละหนึ่งครั้ง และส่วนแบ่งผลกำไรเกือบหนึ่งส่วนก็จะต้องไหลเข้ามาสู่ถุงเงินของภูเขาลั่วพั่ว นี่เป็นจำนวนส่วนแบ่งที่มีการกะน้ำหนักความเหมาะสมมาอย่างดี สำนักพีหมาและสวนน้ำค้างวสันต์ที่ต้องออกทั้งกำลังคนทั้งกำลังทรัพย์ รวมไปถึงพันธมิตรและภูเขาใต้อาณัติของทั้งสองฝ่ายได้ส่วนแบ่งโดยรวมไปแปดส่วน เว่ยป้อซานจวินขุนเขาเหนือได้กำไรส่วนสุดท้ายไปครอง

ดังนั้นภูเขาลั่วพั่วกับสำนักพีหมาที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้สุดของอุตรกุรุทวีปจึงสามารถเรียกได้ว่าเป็นทั้งการคบค้ากันอย่างวิญญูชน แล้วก็มีทั้งการผูกมัดกันทางผลประโยชน์ ในเรื่องของมิตรภาพ หากตกมาอยู่บนสมุดบัญชี อีกทั้งทั้งสองฝ่ายยังได้เงินกันทั้งคู่ เมื่อกิจการใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แต่พวกเขายังคงเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ถ้าอย่างนั้นมิตรภาพนี้ก็เรียกได้ว่าแนบแน่นน่าเชื่อถืออย่างมากแล้ว

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!