มีวันหนึ่งเผยเฉียนแอบเอากระดาษแผ่นนั้นไปซ่อน แม่นางน้อยที่ก่อนนอนทุกวันจะต้องมองมันสักแวบหนึ่งจึงอึ้งค้างไปทันที ร้อนใจจนรีบไล่ตามหาไปตามถนนสายหลักที่ใช้ขึ้นภูเขาลั่วพั่วทั้งสาย รวมไปถึงถนนเล็กใหญ่อีกหลายเส้น ลามไปยันลานกว้างนอกศาลบรรพจารย์ภูเขาจี้เซ่อก็ยังไปตามหาดู หาอยู่นานเกินครึ่งค่อนคืน แม่นางน้อยชุดดำเบิกตากว้างพยายามจะมองเส้นทางใต้ฝ่าเท้าให้ชัดเจน เผยเฉียนจึงมา ‘ช่วยเหลือด้วยความหวังดี’ หมี่ลี่น้อยกลับไม่กล้าบอกนางว่าตัวเองทำอะไรหายไป สรุปก็คือเผยเฉียนต้องเดินเตร่ตามหาไปพร้อมกับโจวหมี่ลี่ตลอดทาง อย่าเห็นว่าสองขาของหมี่ลี่น้อยเล็กสั้นแบบนั้น นางกลับวิ่งได้เร็วนัก สุดท้ายโจวหมี่ลี่น้ำตาร่วงเผลาะๆ พูดกับเผยเฉียนว่าพวกเราหากันอีกรอบเถอะ เพียงแต่ว่าไม่นานหมี่ลี่น้อยก็เปลี่ยนคำพูดใหม่ บอกว่าหัวหน้าสาขาหากเจ้าง่วงแล้วก็ไปนอนก่อนได้เลย ข้าจะไปหาเอง ถนนหนทางพวกนี้ข้าคุ้นเคยดีนักล่ะ
เผยเฉียนใช้มือหนึ่งทำมุทรา กระทืบเท้าหนึ่งที แล้วก็พูดประโยคหนึ่งมั่วซั่วจบด้วยคำว่าจงมารับคำสั่ง ณ บัดนี้ จากนั้นก็ตวาดเบาๆ หนึ่งครั้ง บิดหมุนข้อมือหนึ่งที บนมือก็มีกระดาษแผ่นนั้นโผล่ออกมา
หมี่ลี่น้อยที่มีสีหน้าตื่นตะลึงอ้าปากกว้าง อันดับแรกนางปรบมือรัวแรง จากนั้นก็กระโดดผลุงขึ้นคว้ากระดาษแผ่นนั้นมาซ่อนไว้ในชายแขนเสื้อ ระหว่างที่เดินกลับนางก็คอยพูดเจื้อยแจ้ววิ่งวนรอบกายเผยเฉียน ถามว่านี่เป็นวิชาเทพเซียนวิชาใดกัน เหตุใดถึงได้ศักดิ์สิทธิ์เพียงนี้ สามารถเรียกเงินเหรียญทองแดงให้มาเป็นแขกที่บ้านได้หรือไม่? หากทำได้ล่ะก็ ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้หัวหน้าสาขาช่วยร่ายวิชาอภินิหารออกคำสั่งให้เจ้าขุนเขากลับมาบ้านทีเถอะ
ในภูเขาหวงหูมีงูใหญ่อยู่ตัวหนึ่ง เมื่อก่อนเฉินหลิงจวินมักจะไปเที่ยวเล่นที่นั่นบ่อยๆ อาจารย์ของพี่หญิงจิ่วเอ๋อร์อย่างนักพรตเฒ่าเจี่ยเฉิง เดิมทีได้ออกจากร้านฉ่าวโถวไปสร้างกระท่อมฝึกตนอยู่ที่ภูเขาหวงหูแล้ว ได้ยินว่าอยู่ดีๆ ก็ฝ่าทะลุขอบเขต หากพูดตามคำกล่าวของเฉินหลิงจวินก็คือ นักพรตเฒ่าดีใจจนแผดเสียงคำรามยาวอยู่ที่ริมทะเลสาบ ทำเอาพวกนกกาจำนวนนับไม่ถ้วนที่เกาะกิ่งไม้บินหนีแตกกระเจิง พวกฝูงปลาก็ดำดิ่งลงไปใต้น้ำ
ตอนที่นักพรตเจี่ยมาที่ภูเขาลั่วพั่ว พ่อครัวเฒ่าได้มอบเงินมงคลแสดงความยินดีกับอีกฝ่ายไปก้อนหนึ่ง ผู้เฒ่าเอ่ยปฏิเสธอยู่หลายครั้ง บอกว่ารับไว้ไม่ได้ รับไว้ไม่ได้ เขาไม่ได้สร้างโอสถทองได้เสียหน่อย ล้วนเป็นคนกันเอง อย่าได้ฟุ่มเฟือยเช่นนี้เลย
เผยเฉียนตาดี เห็นว่าตอนที่พ่อครัวเฒ่าคิดจะผลักเรือตามน้ำไม่มอบซองแดงให้อีกฝ่าย นักพรตเฒ่าตาบอดราวกับมีทิพย์จักษุเปิดออกอย่างไรอย่างนั้น เขาถึงได้ชิงคว้าซองแดงที่ใส่เงินร้อนน้อยไว้สองเหรียญมาก่อน ลูบหนวดคลี่ยิ้ม ปากก็พร่ำพูดว่า ยากจะปฏิเสธความหวังดี ยากจะปฏิเสธความหวังดี
เผยเฉียนสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งที เอ่ยกับเพื่อนรักทั้งสองว่า “พวกเจ้าไม่ต้องไปส่งแล้วล่ะ”
เผยเฉียนมือหนึ่งถือไม้เท้าเดินป่า มือหนึ่งกำเชือกที่ผูกกับหีบไม้ไผ่ไว้แน่น แล้ววิ่งทะยานออกไปช่วงระยะทางหนึ่ง ก่อนจะกระโดดขึ้นสูง ทิ้งตัวลงไปเบื้องล่างจากทางหน้าผา
ลมภูเขาพัดหวีดหวิดผ่านข้างหู ระหว่างที่ร่างร่วงดิ่งลง เผยเฉียนคิดว่าเมื่อไหร่กันนะที่ตนจะสามารถเดินก้าวหนึ่งจากภูเขาลั่วพั่วไปถึงภูเขาฮุยเหมิงที่อยู่ทางทิศเหนือได้
แม่นางน้อยอ้าปากหาว
สองเข่างอลงน้อยๆ ร่างกระแทกลงพื้นอย่างแรง ฝุ่นตลบคละคลุ้งไปทั่ว
นางเก็บโครงท่าหมัดไปแล้ว เวลาแม่นางน้อยนั่งยองอยู่บนพื้น ปลายนิ้วทั้งห้าของมือข้างหนึ่งค้ำยันพื้นไว้เบาๆ พวกฝุ่นที่เพิ่งคลุ้งตลบขึ้นมาก็หวนกลับคืนไปสู่พื้นดินแต่โดยดี
คล่องแคล่วคุ้นชิน ไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึง
จูเหลี่ยนเดินมาถึงข้างโต๊ะหิน เว่ยป้อก็ปรากฏตัวตามมาติดๆ
หมี่ลี่น้อยที่อยู่ริมหน้าผาโบกมือแรงๆ แล้วก็ไม่สนใจว่าเผยเฉียนที่อยู่ตรงตีนเขาจะมองเห็นการบอกลาของตนหรือไม่
เฉินหน่วนซู่กำลังเป็นกังวลว่าปลาน้อยในลำธารตากแห้ง เมล็ดแตง ขนมอบแต่ละถุงที่อยู่ในหีบหนังสือจะพอให้เผยเฉียนกินระหว่างเดินทางหรือไม่
จูเหลี่ยนนวดคลึงปลายคาง “เป็นแค่ผู้ฝึกยุทธขอบเขตหกก็ออกเดินทางไกลขนาดนี้ ยากจะทำให้คนวางใจได้จริงๆ แถมยังไปคนละเส้นทางกับเฉินหลิงจวินด้วย”
เว่ยป้อกล่าวอย่างระอาใจ “แค่?”
จูเหลี่ยนหัวเราะทันใด
เฉินหน่วนซู่กับโจวหมี่ลี่พากันคารวะเว่ยซานจวิน
เว่ยป้อพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม
โจวหมี่ลี่ก้มหน้าลงไปควานหาในชายแขนเสื้ออยู่นานกว่าจะหยิบยื่นเมล็ดแตงกำเล็กส่งให้เว่ยซานจวิน นางรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย รับรองแขกได้ไม่ดีพอ รับรองแขกได้ไม่ดีพอจริงๆ
นางเป็นถึงผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาของภูเขาลั่วพั่ว เป็นรองเจ้าสาขา ภูตน้ำใหญ่แห่งทะเลสาบคนใบ้ อดีตผู้พิทักษ์ตรอกฉีหลง ควบกับเถ้าแก่ห้าแห่งร้านยาสุ้ยที่แต่งตั้งด้วยตัวเอง โจวหมี่ลี่เอง!
เว่ยป้อกลั้นยิ้ม โบกมือเอ่ยว่าช่างเถิด
เฉินหน่วนซู่ขอตัวลาจากไป แล้วไปง่วนทำงานของตัวเองต่อ บนภูเขาลั่วพั่วยังคงมีงานยิบย่อยอยู่อีกมาก โจวหมี่ลี่แบกคานหาบสีทองอันเล็กเดินแทะเมล็ดแตงไปตลอดทาง แม้จะกังวลเรื่องการออกท่องยุทธภพของหัวหน้าสาขา แต่นางที่เป็นรองหัวหน้าก็ทำอะไรไม่ได้จริงๆ
หลังจากที่แม่นางน้อยทั้งสองจากไปไกลแล้ว เว่ยป้อก็พูดคุยถึงหัวข้อก่อนหน้านี้ต่ออีกครั้ง “มีหลี่ไหวอยู่ ไม่มีปัญหาอะไรมากหรอก แล้วนับประสาอะไรกับที่เดินไปเดินมา เผยเฉียนอาจกลายเป็นขอบเขตร่างทองแล้วก็ได้ พวกเราควรจะเป็นห่วงพวกผู้ฝึกยุทธ พวกภูตผีในยุทธภพที่ตาไร้แววพวกนั้นดีกว่ากระมัง? ถึงอย่างไรการเรียนหมัดเรียนวรยุทธของเผยเฉียน ข้าก็ไม่เข้าใจ ไม่อาจอธิบายด้วยเหตุผลได้ทั้งหมด”
จูเหลี่ยนกล่าว “ในบ้านมีเด็กรุ่นหลังออกเดินทางอยู่ข้างนอก ผู้อาวุโสก็ย่อมเป็นกังวลว่าพวกเขาจะกินไม่อิ่มสวมไม่อุ่น แต่ว่าหากไม่ประสบพบเจอกับตัวเองก็คงไม่รู้ถึงความยากลำบาก ถึงเวลาที่ต้องให้เผยเฉียนออกท่องยุทธภพด้วยตัวเองบ้างแล้วจริงๆ”
เว่ยป้อเอ่ย “หากไม่วางใจจริงๆ เจ้าก็ตามไปไหมล่ะ? ทางฝั่งของภูเขาลั่วพั่วนี้ เดี๋ยวข้าช่วยดูแลแทนเจ้าเอง”
จูเหลี่ยนถูมือ “ช่างเถิดๆ พี่เว่ยไปตั้งใจเตรียมจัดงานเลี้ยงท่องราตรีจะดีกว่า กว่าจะหาภูเขาทายาทแห่งหนึ่งมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่มีเหตุผลให้ไม่จัดงานใหญ่ๆ สักครั้ง เจ้าลองดูจิ้นชิงซานจวินแห่งขุนเขากลางสิ เขาจัดได้อย่างยิ่งใหญ่อลังการมากเลยไม่ใช่หรือ?”
พอคิดถึงเรื่องนี้เว่ยป้อก็รู้สึกเหนื่อยใจ ถามว่า “เจ้าคิดว่านอกจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้ำในอาณาเขตของขุนเขาเหนือที่จำเป็นต้องมาแล้ว ทุกวันนี้จะยังมีผู้ฝึกลมปราณคนไหนเต็มใจมาอีกไหมล่ะ?”
บนภูเขาของราชวงศ์ต้าหลีในทุกวันนี้เริ่มมีคำกล่าวชวนขบขันอย่างหนึ่งแพร่หลายออกไปบอกว่า อาณาเขตของขุนเขาเหนือนั้นมีแต่เสียงทุบหม้อขายเหล็ก
เว่ยป้อพลันเอ่ยว่า “เส้าพอเซียนที่แบกรับทั้งโชคชะตาแคว้นและโชคชะตาวิถีกระบี่ไว้ในเวลาเดียวกัน หากเจ้ายินดี ข้าสามารถช่วยให้เจ้าเชื่อมสะพานสานความสัมพันธ์ วางใจเถอะ จิ้นชิงเองก็เป็นคนที่เก็บซ่อนเรื่องราวในอดีตได้ดี แล้วนับประสาอะไรกับที่เขายังเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าแก่ที่มีกับราชวงศ์จูอิ๋ง ไม่แน่ว่าในช่วงเวลาที่เป็นกุญแจสำคัญ จิ้นชิงอาจจะยังช่วยภูเขาลั่วพั่วอีกแรงหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นการช่วยเหลือแบบที่ไม่เสียดายค่าตอบแทน ไม่หวังจะได้รับการตอบแทนบุญคุณอีกด้วย”
จูเหลี่ยนส่ายหน้า “เรื่องบางอย่าง เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย สามารถไม่เลือกใช้วิธีการได้ แต่กับเรื่องบางอย่าง เป็นคนก็ยังต้องมีคุณธรรมสักหน่อย”
เว่ยป้อพยักหน้ารับ “พี่จูวางตัวเป็นคนได้อย่างชัดเจนปรุโปร่ง”
จูเหลี่ยนร้องถุยหนึ่งที แล้วสบถด่าว่า “ชัดเจนปรุโปร่งกะผีน่ะสิ ตอนนี้ข้าก็แค่ยืนพูดไม่ปวดเอว หากเจ้าตะพาบน้อยผู้นั้นกล้าเล่นงานภูเขาลั่วพั่ว ข้าเห็นแก่มิตรภาพระหว่างนายน้อยกับแม่นางสือชิว ถึงได้อดทนข่มกลั้นกับสองนายบ่าวคู่นั้น แต่หากมีหนึ่งในหมื่นเกิดขึ้นจริงๆ เพื่อภูเขาลั่วพั่วแล้ว เจ้าลองดูเถอะว่าข้าจะให้เส้าพอเซียนผู้นั้นต้องไปขายก้นหรือไม่?!”
เว่ยป้อจึงแสร้งทำเป็นว่าตัวเองไม่ได้ยินคำกล่าวนี้
จูเหลี่ยนยื่นสองนิ้วออกมาลูบตรงมุมปากสองด้าน
หากมีเรื่องไม่คาดฝันใหญ่โผล่มาจริงๆ ถึงอย่างไรน้ำไกลก็มิอาจดับไฟใกล้ได้
ชุยเหวยผู้ฝึกกระบี่คอขวดโอสถทองที่อยู่แท่นบูชากระบี่ ในช่วงเวลาสำคัญ ใช่ว่าภูเขาลั่วพั่วจะใช้งานไม่ได้ เพียงแต่ว่าหากชุยเหวยยังไม่เลื่อนเป็นก่อกำเนิดก็ควรให้เขาอยู่นิ่งเฉยมากกว่าเคลื่อนไหว
หลูป๋ายเซี่ยง สุยโย่วเปียน เว่ยเซี่ยน ผู้ฝึกยุทธเต็มตัวสามคนต่างก็มีเส้นทางของตัวเองให้ต้องเดิน
พี่น้องต้าเฟิงไม่ได้อยู่บนภูเขาแล้ว
เฉินยวนจี คู่พี่น้องหยวนเป่าหยวนไหล ตัวอ่อนผู้ฝึกยุทธสามคนอายุยังน้อยเกินไป และยังมีเส้นทางอีกยาวไกลให้เดิน
แล้วนับประสาอะไรกับที่เมื่อเทียบกับหลู สุย เว่ยสามคนที่มีความอาวุโสมากกว่าแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติหรือนิสัยใจคอ ความต่างก็ล้วนไม่ใช่เล็กๆ
จูเหลี่ยนเกาหัวเอ่ยทอดถอนใจว่า “รากฐานของภูเขาลั่วพั่วพวกเรายังคงไม่หนามากพอ เพื่อพื้นที่มงคลรากบัวแล้วก็ยิ่งชักหน้าไม่ถึงหลัง พอคิดถึงว่าแม่หนูหน่วนซู่ยังต้องเอาเงินหงเปา (อั่งเปา/เงินซองแดง) ที่ได้รับวันตรุษจีนสามซองมาแอบคืนให้ข้า แม่นางน้อยอย่างพวกนางสามคนเก็บไว้แค่จดหมายซองแดงเท่านั้น ข้าก็เจ็บปวดใจ เจ็บปวดใจยิ่งนัก เจ้าคงไม่รู้หรอกว่า แม้แต่เจ้าเด็กขี้เหนียวอย่างเผยเฉียนก็ยังเริ่มช่วยหน่วนซู่กับหมี่ลี่น้อยรวบรวมทรัพย์สินของตัวเองแล้ว มีอะไรที่สามารถย้ายไปไว้ในคลังของภูเขาลั่วพั่วได้ มีอะไรที่ย้ายไปให้ช้าหน่อยได้ ล้วนแบ่งแยกประเภทไว้เรียบร้อย”
จูเหลี่ยนกระทืบเท้า “ข้าละอายใจต่อนายน้อย ไม่มีหน้าไปจุดธูปที่ศาลบรรพจารย์ยอดเขาจี้เซ่อแล้วจริงๆ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!