เว่ยป้อเชิญหมี่อวี้ให้ไปเป็นแขกที่จวนซานจวินใหญ่บนยอดเขาพีอวิ๋น
เป็นเพราะว่าที่นี่คือพื้นที่ฮวงจุ้ยดีเยี่ยม คือถ้ำสถิตเทพเซียนอย่างสมชื่อ กินอาณาบริเวณกว้างขวางยิ่ง ประหนึ่งสวนดอกไม้แห่งหนึ่ง ไร้ผู้ฝึกตนแล้วก็ไร้ซึ่งคนธรรมดา หิมะกดทับลงบนกิ่งสน หล่นร่วงลงพื้นดังเผลาะๆ เซียนน้ำภูตภูเขาเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา
สุดท้ายเว่ยป้อพาหมี่อวี้มาที่หอสูงแห่งหนึ่งที่ร่ายเวทอำพรางตาเอาไว้ มีชื่อว่าอิ๋งหราน
เวลาปกติเว่ยป้อชอบมานั่งที่นี่เพียงลำพัง ร่ำสุราชมทัศนียภาพ สี่ด้านแปดทิศล้วนปรากฏอยู่ในคลองจักษุ
บนหออิ๋งหรานมีเพียงเบาะรองนั่งสีขาวหิมะเพียงไม่กี่ใบเท่านั้น ไม่มีอย่างอื่นอยู่อีก
ยามค่ำคืนที่ดวงจันทร์ลอยขึ้นกลางนภา สีขาวหิมะกับแสงจันทร์ประชันกันส่องแสง นอกกลุ่มขุนเขายังพอจะมองเห็นเค้าโครงร่างของเขตการปกครองหลงเฉวียน อำเภอไหวหวงและเมืองหงจู๋สามแห่งที่ตั้งอยู่ในทิศทางต่างกันผ่านแสงตะเกียงได้รางๆ ประหนึ่งวางตะเกียงสามดวงขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากันไว้บนพื้นหิมะ ต่อให้เทพเซียนจะอยู่ในจวนบนภูเขาก็ยังพยายามอดกลั้นไม่กล้าหายใจ ด้วยกลัวว่าจะเป่าให้แสงตะเกียงใต้ดวงจันทร์ดับลง
หมี่อวี้ปลดน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่หาวเหลียงที่ยังไม่มีโอกาสมอบออกไปลงมาดื่มเหล้าหนึ่งอึก กวาดตามองทัศนียภาพยามราตรีแล้วทอดถอนใจเอ่ยว่า “เป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ คนมีความสามารถ สภาพแวดล้อมงดงาม โชคดีได้พึ่งใบบุญของเหวยเหวินหลง ระหว่างที่เดินทางมาข้าถึงได้รู้ว่าคนของถ้ำสวรรค์หลีจูหลายคนที่วัยเดียวกันกับใต้เท้าอิ่นกวาน เมื่อออกไปแล้วต่างก็โดดเด่นกันอย่างมาก หม่าขู่เสวียนแห่งภูเขาเจินอู่ กู้ช่านแห่งทะเลสาบซูเจี่ยน ซ่งมู่อ๋องเจ้าเมืองต้าหลี ส่วนหลิวเสี้ยนหยางผู้นั้น ข้าเคยพบเขาที่กำแพงเมืองปราณกระบี่มาก่อนสองสามครั้ง ร้ายกาจมากเลยล่ะ กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตเล่มนั้นของหลิวเสี้ยนหยาง ขนาดอยู่ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ก็ยังถือว่าหาได้ยากยิ่ง”
เว่ยป้อเอ่ยเย้ยหยันตัวเอง “ดินและน้ำดี เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่จวนเทพภูเขาทุกแห่งที่สามารถจัดงานเลี้ยงท่องราตรีได้ติดต่อกันหลายครั้งเช่นนี้ ในอาณาเขตของขุนเขาเหนือ เสียงทุบหม้อขายเหล็กจะดังได้ไม่ขาดสาย ถึงอย่างไรในบ้านก็ต้องมีหม้อมีเหล็กไม่ใช่หรือ?”
หมี่อวี้หัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง ซานจวินขุนเขาเหนือที่มีอำนาจสูงส่งมากบารมีของแจกันสมบัติทวีปท่านนี้น่าสนใจยิ่งกว่าที่จินตนาการเอาไว้เสียอีก แบบนี้สิดี หากเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาสายน้ำที่คร่ำครึเกินไปย่อมทำให้เสียบรรยากาศอันดี
ดื่มเหล้าอึกใหญ่ หมี่อวี้ก็หุบยิ้ม เอ่ยว่า “ใต้เท้าอิ่นกวานเคยบอกว่า หากไม่เป็นเพราะเว่ยซานจวินช่วยปกป้องคุ้มครอง ภูเขาลั่วพั่วก็ไม่มีทางมีกิจการได้อย่างในทุกวันนี้ ไม่อย่างนั้นต่อให้ได้มาอยู่ในมือก็ไม่ได้ทางถือไว้ได้อยู่ กลับกลายเป็นว่าจะเป็นหายนะอย่างหนึ่ง”
เว่ยป้อเอ่ย “เหตุผลเดียวกัน หากไม่เป็นเพราะเฉินผิงอัน ข้าเว่ยป้อก็คงไม่ได้เป็นซานจวินแห่งขุนเขาใหญ่ ภูเขาลั่วพั่วอาศัยบารมีของภูเขาพีอวิ๋น ภูเขาพีอวิ๋นเองก็อาศัยบารมีของภูเขาลั่วพั่ว เพียงแต่ว่าคนหนึ่งอยู่ในที่แจ้ง คนหนึ่งอยู่ในที่ลับก็เท่านั้น”
คนคนหนึ่งที่สามารถมอบใจให้ได้อย่างวางใจ กับอีกคนหนึ่งที่สามารถเชื่อใจได้ การพูดคุยของทั้งสองฝ่ายต่อจากนั้นจึงจริงใจต่อกันอย่างมาก
เว่ยป้อบอกเล่าถึงความน่ากังวลในระยะใกล้และระยะไกลของภูเขาลั่วพั่วให้แก่เซียนกระบี่ท่านนี้ฟังอย่างละเอียด ส่วนหมี่อวี้ก็เล่าถึงสถานการณ์ของกำแพงเมืองปราณกระบี่ให้ซานจวินฟัง ส่วนเรื่องเกี่ยวกับใต้เท้าอิ่นกวานนั้น หมี่อวี้ไม่ได้พูดอะไรมาก
หลังจากเว่ยป้อใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก็บอกเรื่องวงในส่วนที่ไม่ควรเอามาพูดคุย แต่สามารถบอกเล่ากันเป็นการส่วนตัวได้ส่วนนั้นแก่หมี่อวี้ไปด้วย
สุดท้ายหมี่อวี้ก็เอ่ยอย่างจนใจว่า “เชือกกองหนึ่งที่พันกันยุ่งเหยิง คิดจะจัดการขึ้นมา ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องที่ใช้กระบี่ฟันใครให้ตายเพียงครั้งสองครั้งเท่านั้นสินะ?”
เว่ยป้อส่ายหน้า “ในเมื่อช่วงนี้เฉินผิงอันถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะไม่สามารถกลับบ้านเกิดมาได้ ถ้าอย่างนั้นการรับรองแขกของภูเขาลั่วพั่วก็ต้องแตกต่างไปจากเดิมแล้ว เอาแต่หลบซ่อนอย่างเดียวไม่ใช่เรื่องดี ส่วนเรื่องที่ว่าจะออกกระบี่หรือไม่ ออกกระบี่เมื่อไหร่ ออกกระบี่กับใคร ต้องดูที่การตัดสินใจของจูเหลี่ยน”
หมี่อวี้พยักหน้า “ใต้เท้าอิ่นกวานให้ความเคารพจูเหลี่ยนมาก ข้าแค่ฟังคำสั่งจากเขาก็พอ”
เกี่ยวกับจูเหลี่ยน แม้จะยังไม่ได้พบหน้า แต่กลับได้ยินชื่ออีกฝ่ายมานานมากแล้ว
เว่ยป้ออดไม่ไหวจริงๆ จึงถามว่า “เซียนกระบี่หมี่ ขอละลาบละล้วงถามสักคำ เหตุใดเจ้าถึงได้เคารพนับถือเฉินผิงอันถึงเพียงนี้”
หมี่อวี้ช่วยแก้ไขให้ “ต้องบอกว่าเคารพยำเกรงถึงจะถูก ข้าเป็นคนเกียจคร้านที่ไม่ยินดีใช้สมอง มักกลัวที่จะคบค้าสมาคมกับคนบางคนที่ฉลาดจนถึงระดับหนึ่งอยู่เสมอ บอกตามตรง ในใต้หล้าไพศาลแห่งนี้ของพวกเจ้า ข้ายินดีที่จะเป็นศัตรูกับผู้ฝึกตนทั้งทวีป แต่ไม่ยินดีจะเป็นศัตรูกับอิ่นกวานคนเดียว”
ในเมื่อหมี่อวี้ไม่ได้บอกเล่าอย่างละเอียดทั้งหมด เว่ยป้อก็ไม่สะดวกจะถามเกี่ยวกับเรื่องราวและสิ่งที่เฉินผิงอันพบเจอมาในกำแพงเมืองปราณกระบี่ให้มากความ เซียนกระบี่ขอบเขตคอขวดหยกดิบคนหนึ่งเรียกเฉินผิงอันว่า ‘ใต้เท้าอิ่นกวาน’ อยู่ตลอดเวลา แค่นี้ก็สามารถอธิบายปัญหาได้อย่างชัดเจนแล้ว
เว่ยป้อกล่าวปลงอนิจจัง “ข้ารู้ว่าเฉินผิงอันจะต้องเติบโต แต่ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าจะเร็วขนาดนี้”
หมี่อวี้ไม่ค่อยยินดีจะพูดคุยเรื่องนี้ จึงถามว่า “เหตุใดเวลาดื่มเหล้าจะต้องตบราวรั้วไปด้วย?”
เว่ยป้อยิ้มกล่าว “ไม่มีใครให้พูดคุย ย่อมต้องหาความบันเทิงให้ตัวเอง”
หมี่อวี้พยักหน้ารับ “เว่ยซานจวินเองก็เหมือนใต้เท้าอิ่นกวาน ต่างก็เคยเล่าเรียนเคยอ่านตำรามาก่อน”
หนึ่งปียาวนาน มีเพียงคืนนี้ทัศนียภาพงดงาม ดวงจันทร์ทอแสงกระจ่างเต็มฟากฟ้า
เว่ยป้อกล่าว “เซียนกระบี่หมี่ ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากจะขอร้อง หากตอบตกลง อาจจะต้องเสียเวลาของเซียนกระบี่หมี่ประมาณปีกว่าๆ ส่วนทางฝั่งภูเขาลั่วพั่วนี้ ข้าจะช่วยจับตามองให้เอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!