กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 689

ศาลเทพวารีแม่น้ำเถี่ยฝูที่ระดับขั้นสูงที่สุดในต้าหลี ภูเขาฉีตุนสถานที่ที่มังกรลุกผงาดของเว่ยซานจวิน ล้วนสามารถไปท่องเที่ยวได้รอบหนึ่ง แล้วนับประสาอะไรกับที่สำหรับผู้ฝึกตนแล้ว ระยะทางขุนเขาสายน้ำน้อยนิดแค่นี้ไม่ถือว่าเป็นเรื่องยากลำบากอะไรเลย

เนื่องจากน้ำและดินของแม่น้ำเถี่ยฝูดีเยี่ยมอย่างถึงที่สุด ต่อให้เป็นช่วงฤดูหนาวที่อากาศหนาวเหน็บ ทั้งสองฝากฝั่งก็ยังคงมีสายลมพัดมีแสงอาทิตย์อบอุ่น บุปผาหลากหลายสายพันธ์พากันเบ่งบาน ทัศนียภาพชวนให้คนสบายตาสบายใจยิ่ง

นี่จึงเป็นเหตุให้มีผู้คนมาท่องเที่ยวกันไม่ขาดสาย นักแสวงบุญที่มาจุดธูปขอพรหรือไม่ก็มาแก้บนที่ศาลเทพวารีจึงมีมาอย่างต่อเนื่อง

บวกกับที่เขตการปกครองหลงเฉวียนได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งไปแล้ว อีกทั้งยังมีภูเขาหนิวเจี่ยวท่าเรือตระกูลเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภูเขาพีอวิ๋นที่จัดงานเลี้ยงท่องราตรีติดต่อกันหลายครั้ง สิบกว่าปีมานี้จึงมีตระกูลเซียนบนภูเขาแวะเวียนมาเยือนไม่ขาดระยะ ดังนั้นชาวบ้านและคนตระกูลร่ำรวยที่มาจุดธูปกราบไหว้ที่นี่จึงไม่ค่อยรู้สึกสนใจเทพธิดาจากตำหนักฉางชุนกลุ่มนี้สักเท่าไร มีเพียงเด็กน้อยที่ชี้ไม้ชี้มือโหวกเหวกเรียกว่าเทพธิดา พี่สาวเทพธิดา พวกผู้อาวุโสในตระกูลพยายามห้ามปราม ด้วยกังวลว่าจะไปทำให้เทพเซียนหญิงที่ฝึกตนบนภูเขากลุ่มนั้นขุ่นเคือง แต่กลับเห็นว่าเทพธิดาอายุน้อยเหล่านั้นมีรอยยิ้มอ่อนโยน สองคนในนั้นยังโบกมือให้พวกเด็กๆ แค่บอกให้พวกเด็กๆ ลดเสียงลงหน่อย อย่าเอะอะเสียงดัง แต่กลับไม่ห้ามพวกเด็กๆ ให้พูดคุยกัน

อันที่จริงหมี่อวี้รู้จุดประสงค์ของเว่ยซานจวินดี ปกป้องมรรคาให้กับสตรีผู้นั้นคือเรื่องจริง ให้เซียนกระบี่อย่างเขาทำความเข้าใจกับขนบธรรมเนียมด้านล่างภูเขาของแจกันสมบัติทวีปได้มากขึ้นกว่าเดิมกลับจริงยิ่งกว่า

ความหวังดีของเว่ยป้อ หมี่อวี้น้อมรับไว้ด้วยความเต็มใจ อีกทั้งใต้เท้าอิ่นกวานก็เป็นคนที่ยึดหลักเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามเสมอมา ไปไหนมาไหนก็หนีไม่พ้นต้องเลียนแบบคนในพื้นที่ แน่นอนว่าหมี่อวี้ย่อมคิดว่าตัวเองพอจะสามารถทำได้

เพียงแต่ว่ามีอยู่เรื่องเดียวที่เขาไม่ค่อยคุ้นชิน ก็คือต่างบ้านต่างเมืองแห่งนี้มีปราณกระบี่น้อยเกินไป ผู้ฝึกกระบี่น้อยเกินไป เซียนกระบี่ก็ยิ่งมีน้อยกว่า

ชีวิตที่สงบสุขปลอดภัยของที่นี่เป็นชีวิตที่ดีเกินไปแล้ว ดีจนทำให้หมี่อวี้รู้สึกเหมือนกำลังฝันไป ฝันอย่างที่เขาไม่ยินดีจะตื่นขึ้นมา

ดังนั้นหมี่อวี้จึงปลดน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่กระดกดื่มเหล้าหมักข้าวของภูเขาลั่วพั่วที่เก็บไว้มานานหลายปี

ตอนนี้หน้ากากที่หมี่อวี้สวมไว้บนใบหน้าค่อนข้างหล่อเหลา แม้ว่าไม่อาจเทียบกับโฉมหน้าที่แท้จริงของหมี่อวี้ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นโฉมหน้าที่ดีอย่างจริงแท้แน่นอน

ดังนั้นถึงแม้จะอยู่ร่วมกับสตรีของตำหนักฉางชุนข้างกายมาได้ไม่นาน ก็แค่เดินทางจากภูเขาใหญ่ไปถึงริมตลิ่งแม่น้ำสายนี้เท่านั้น เซียนกระบี่หมี่ก็รู้สึกได้ว่าสายตาของดรุณีน้อยสองคนเหมือนจะกินคนแล้ว

……

ยามสนธยา ทางฝั่งของร้านยาสุ้ยตรอกฉีหลง ผู้เฒ่าตาบอดคนหนึ่งที่คล้ายกับว่าก้นปักตรึงอยู่บนม้านั่งยาว พร่ำพูดว่าการฝ่าทะลุขอบเขตของตนไม่ใช่เรื่องง่าย วิชาห้าอสนีดั้งเดิมมีการพัฒนาไปอีกหลายขั้น กิจการร้านฉ่าวโถวนับว่าไม่เลว ลูกศิษย์สองคนของตนไม่เอาไหนแต่ก็นับว่ามีใจกตัญญู กว่าจะพล่ามจบได้ไม่ง่าย เห็นว่าพี่ใหญ่สือบื้อใบ้ไร้คำพูดตอบโต้ น่าจะละอายใจที่สู้ตนไม่ได้แล้ว นักพรตเฒ่าเจี่ยเฉิงถึงได้ไปยังร้านที่อยู่ข้างกันอย่างอารมณ์ดี สือโหรวเดินไปปิดประตูร้าน เมื่อวานเป็นอย่างนี้ วันนี้ก็เป็นอย่างนี้ คาดว่าพรุ่งนี้ก็คงไม่ต่างกันสักเท่าไร สือโหรวไม่เข้าใจจริงๆ ว่านักพรตเฒ่าที่เลื่อนสู่ขอบเขตชมมหาสมุทรอย่างลุ่มๆ ดอนๆ จะมาแข่งขันงัดข้อเอาอะไรกับตน? หากมีความสามารถจริงก็ไปหาคนโอ้อวดบารมีที่ภูเขาลั่วพั่วเสียสิ ไปหาสหายรักของเจ้าอย่างเฉินหลิงจวินหรือไปหาเผยเฉียนไม่ดีหรือ?

สือโหรวกลับไปยังที่พัก ห้องหลักไม่มีคนพักอาศัย แต่สือโหรวก็ยังปล่อยวางไว้ เวลานี้นางปิดประตูแล้วจึงแอบดึงลิ้นชักออกมา หยิบเอากระจกแต่งหน้า เครื่องประทินโฉมผงชาดทั้งหลายออกมาจากในลิ้นชัก นางไม่กล้าเบียดบังเงินส่วนรวมเอามาใช้ส่วนตน ดังนั้นส่วนนี้จึงเป็นเงินเดือนที่นางสมควรได้รับ อีกทั้งเมื่อถึงช่วงเทศกาลปีใหม่ ทางภูเขาลั่วพั่วยังมอบหงเปาที่มีเงินเกล็ดหิมะหลายเหรียญมาให้ด้วย อยู่บนภูเขาอาจไม่นับเป็นอะไรได้ แต่อยู่ในหมู่ชาวบ้านกลับไม่ถือว่าเป็นเงินเล็กน้อย ดังนั้นของน้อยใหญ่บนโต๊ะจึงซื้อด้วยเงินส่วนตัวที่สือโหรวเก็บออมเอาไว้

ในฐานะผีสาวที่ห่มคราบร่างเซียน อันที่จริงสือโหรวไม่จำเป็นต้องนอนหลับ เพียงแต่ว่าอยู่ในเมืองเล็กแห่งนี้ สือโหรวเองก็ไม่กล้าฉวยโอกาสยามค่ำคืนตั้งใจฝึกบำเพ็ญตน ส่วนวิธีการลึกลับที่เป็นวิชานอกรีตบางอย่าง นางก็ยิ่งไม่กล้าฝึก รนหาที่ตายหรือไร ถึงเวลานั้นไม่ต้องให้สายลับต้าหลีหรือสำนักกระบี่หลงเฉวียนทำอย่างไรกับนาง ภูเขาลั่วพั่วบ้านตนเองนี่แหละที่ต้องเล่นงานนางก่อนแน่นอน แล้วนับประสาอะไรกับที่สือโหรวเองก็ไม่มีความคิดพวกนี้ สำหรับวันเวลาที่ผ่อนคลายเรียบเรื่อยซึ่งผ่านไปวันแล้ววันเล่า ราวกับว่าทุกๆ วันพรุ่งนี้ก็จะต้องเป็นเหมือนวันวาน นอกจากบางครั้งที่จะรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อยแล้ว อันที่จริงสือโหรวก็พึงพอใจอย่างยิ่ง กิจการของร้านยาสุ้ยธรรมดามาก อยู่ไกลเกินกว่าจะเทียบความเจริญรุ่งเรืองของร้านฉ่าวโถวที่อยู่ข้างกันได้ติด อันที่จริงสือโหรวเองก็รู้สึกละอายใจเล็กน้อย

สือโหรวนับนิ้วคำนวณในใจเงียบๆ จากนั้นก็ ‘ถอดชุด’ ออก กลับคืนมาเป็นร่างจริงของผีสาว

คราบร่างเซียนนั้นยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม่ขยับเขยื้อน ราวกับแค่ปล่อยจิตหยินออกมาเดินทางไกลด้านนอกเท่านั้น

หลังจากที่สือโหรวกลับคืนมามีรูปโฉมเดิม นางก็สวมชุดกระโปรงสีสันสดใส กระโปรงยาวชายแขนเสื้อกว้างใหญ่ เรือนกายอรชรอ้อนแอ้น รูปลักษณ์เหมือนปีนั้นที่ถูกหลิวหลีเซียนเวิงกักตัวเอาไว้

สามารถ ‘ออกเดินทางไกล’ เช่นนี้ได้ ยังต้องยกคุณความชอบให้กับเผยเฉียน เป็นนางที่ช่วยไปขอคาถาเล็กๆ ในการ ‘ออกจากบ้าน’ วิชานี้มาจากศิษย์พี่เล็กห่านขาวใหญ่ของนาง แต่เผยเฉียนก็เคยเตือนตนว่า อย่างมากสุดก็ออกมาได้แค่หนึ่งก้านธูปเท่านั้น หากนานกว่านี้ย่อมยากที่จะกลับเข้าไป ถึงเวลานั้นนางก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว หากห่านขาวใหญ่ไม่อยู่ ต่อให้นางอยากช่วยก็จนปัญญา เด็กหนุ่มชุดขาวคนนั้นจึงหัวเราะหึหึเอ่ยเสริมมาประโยคหนึ่งว่า หากกลับคืนไปไม่ได้ก็ตบให้ร่อแร่ปางตายด้วยฝ่ามือหนึ่งก่อน ชอบส่องกระจกนักไม่ใช่หรือ หลังจากนั้นจะกักขังวิญญาณเจ้าไว้ในกระจกให้เจ้าส่องจนพอใจไปเลย แม้ว่าตอนนั้นชุยตงซานจะโดนเผยเฉียนดุ แต่สือโหรวก็ไม่กล้าไม่เก็บเอามาใส่ใจ

สือโหรวหยิบหวีขึ้นมาหวีผมหน้ากระจกเบาๆ พอเห็นตัวเองในกระจก นางก็เกือบจะรู้สึกเหมือนเห็นคนแปลกหน้าแล้ว

ผีสาวตนนี้คลอเพลงพื้นบ้านเก่าแก่เพลงหนึ่งในลำคอเบาๆ

รูปลักษณ์เป็นดั่งกระดูกแห้งเหี่ยว หัวใจเป็นดั่งขี้เถ้ามอด…นี่คือความจริง ไม่ใช้สิ่งนี้มาควบคุมตน มึนงงสงสัย ไร้ใจก็ไร้ความสามารถ ไร้แผนการ แล้วนั่นจะเป็นคนแบบใด…

หลังจากที่เขตการปกครองหลงเฉวียนเลื่อนเป็นจังหวัดหลงโจว สี่เขตการปกครองที่อยู่ใต้อาณัติอย่างชิงสือ เป่าซี ซานเจียงและเซียงฮว่อ ขุนนางใหญ่ที่ปกครองทั้งจังหวัดคือผู้ว่าเว่ยหลี่ที่มีชาติกำเนิดมาจากแคว้นหวงถิง ลูกหลานสกุลหยวนเสาค้ำยันแคว้นอย่างหยวนเจิ้งติ้งรับหน้าที่เป็นเจ้าเมืองของเขตการปกครองชิงสือ ฟู่อวี้อดีตขุนนางผู้ช่วยของเจ้าเมืองอู๋ยวนนายอำเภอคนแรกในประวัติศาสตร์ของถ้ำสวรรค์หลีจูได้เลื่อนขั้นเป็นเจ้าเมืองของเขตการปกครองเป่าซีแล้ว ใต้เท้าเจ้าเมืองอีกสองท่านที่เหลือต่างก็มีชาติกำเนิดจากตระกูลยากจนซึ่งเป็นขุนนางจากเมืองหลวง ว่ากันว่านอกจากยามที่ต้องร่วมงานกับลูกหลานชนชั้นสูงสองคนอย่างหยวนเจิ้งติ้งและฟู่อวี้แล้ว เวลาปกติก็ไม่เคยไปมาหาสู่กัน

เฉาเกิงซินผู้ตรวจการงานเตาเผาคนปัจจุบันทำหน้าที่เป็นนายท่านผู้ตรวจการที่ยามอยู่ทั้งในและนอกที่ว่าการต่างก็ไม่เคยวางมาดของเขาต่อไป ทุกวันหากไม่ดื่มเหล้าก็จะหยอกเย้าพวกเด็กๆ หรือไม่ก็ถูกสตรีสาวใหญ่หยอกเย้า เรียกตัวเองเป็นพี่เป็นน้องกับพวกชายฉกรรจ์ระหว่างทางที่ไปซื้อเหล้า

ศาลบุ๋นบู๊สองแห่งของอำเภอไหวหวงแบ่งออกเป็นตั้งบูชาบรรพบุรุษของเจ้าเมืองหยวนและผู้ตรวจการเฉา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!