จากนั้นหลี่หยวนก็รีบไปที่ตำหนักวารีหนานซวินเพื่อเยี่ยมเยือนเสิ่นหลินเหนียงเนียงเทพวารีที่กำลังจะกลายเป็นผู้บัญชาการณ์ของตน ในเมื่อมีเรื่องให้ต้องขอร้องคนอื่นจึงอดลำบากใจไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าเสิ่นหลินจะมอบโองการฉบับหนึ่งที่ประทับตราประทับอาคมคำว่า ‘หลิงหยวนกง’ ให้หลี่หยวนโดยตรง ยังถามด้วยว่าต้องการให้นางช่วยขนย้ายน้ำหรือไม่
หลี่หยวนถือม้วนโองการไว้ในมือ เอ่ยอย่างตกตะลึงว่า “เสิ่นหลิน เจ้ากำลังจะเลื่อนขั้นเป็นหลิงหยวนกง ไม่กลัวว่าจะเกิดปัญหาแทรกซ้อน ทำให้ขัดแย้งกับราชวงศ์ต้าหยวนกับสกุลหยางหน่วยฉงเสวียนหรือ?”
พี่น้องเฉินหลิงจวินของเขาใจใหญ่ยิ่งกว่าแผ่นฟ้า พอได้ยินว่าเหนียงเนียงเทพวารีรู้จักกับนายท่านของตน บวกกับหลี่หยวนเองก็บอกเป็นนัยเรื่องบางอย่างที่ไม่ควรบอกแก่เขาจริงๆ ยกตัวอย่างเช่นยักคิ้วหลิ่วตาเอ่ยประโยคหนึ่งว่าเจ้าน่าจะเข้าใจ ไม่ว่าจะรูปโฉมหรือบุคลิกภาพของเจ้านายหญิงแห่งตำหนักวารีหนานซวินก็ล้วนดีเยี่ยมทั้งหมด นับแต่โบราณมาพวกเซียนน้ำมักจะรักและเลื่อมใสบัณฑิตเป็นที่สุด อีกทั้งนายท่านของเจ้าก็ยังเป็นคนหนุ่มหล่อเหลามีความสามารถ หลี่หยวนยื่นสองนิ้วออกมาจิ้มกันเบาๆ ดังนั้นตอนนั้นเฉินหลิงจวินจึงเชื่อว่าเป็นจริง กอดไหล่หลี่หยวนเอ่ยว่า ข้าเข้าใจ ข้าเข้าใจ ไปๆๆ ข้าจะไปดูเสียหน่อยว่าฮูหยินน้อยของนายท่านบ้านข้าหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่
พอไปถึงตำหนักวารีหนานซวิน เฉินหลิงจวินก็ไม่เห็นตัวเองเป็นคนนอกแม้แต่น้อยจริงๆ บวกกับที่ตอนนั้นไม่รู้ว่าเสิ่นหลินถูกกำหนดมาแล้วว่าจะได้เป็นหลิงหยวนกงแห่งลำน้ำใหญ่ ดังนั้นจึงไม่ทำตัวห่างเหินกับเหนียงเนียงเทพวารีแม้แต่น้อย ตามหลักแล้วเสิ่นหลินที่นิสัยสุภาพเรียบร้อยย่อมไม่มีความรู้สึกแย่ต่องูน้ำจากต่างทวีปอย่างเฉินหลิงจวิน แต่ก็ต้องไม่มีความรู้สึกอันดีต่อเขาได้เป็นแน่ หากไม่เป็นเพราะเฉินหลิงจวินคือเด็กชายสวมชุดสีเขียว คาดว่าวันหน้าตำหนักวารีหนานซวินคงไม่เปิดประตูให้เฉินหลิงจวินอีกแล้ว ในสายตาของหลี่หยวนตอนนั้น ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรมีตนอยู่ในถ้ำสวรรค์วังมังกร พี่น้องเฉินหลิงจวินจะยังต้องสนใจด้วยหรือว่าสตรีอย่างเสิ่นหลินจะชอบหรือไม่ชอบเขา
เวลานี้เสิ่นหลินยิ้มบางๆ ย้อนถามว่า “ไม่ใช่ว่าต้องเป็นราชวงศ์ต้าหยวนกับหน่วยฉงเสวียนหรอกหรือที่ต้องกังวลว่าจะขัดแย้งกับข้า?”
หลี่หยวนยกนิ้วโป้งให้ “สตรีไม่เป็นรองบุรุษ! ประโยคนี้กล่าวได้อย่างถูกต้อง ข้านับถือยิ่งนัก!”
กระทั่งหลี่หยวนออกไปจากถ้ำสวรรค์วังมังกรแล้ว เฉินหลิงจวินก็ได้เผยร่างจริง พกแผ่นหยกเริ่มทำการโปรยฝน
ภูเขาสายน้ำพันลี้อยู่ดีๆ ก็มีเมฆดำทะมึนก่อตัวโดยไม่ทราบสาเหตุ ก่อนที่ฝนหวานฉ่ำจะพร่างพรมลงมา
ผู้ฝึกลมปราณในพื้นที่ที่ทะยานลมมาดูเพราะเห็นภาพบรรยากาศผิดปกติของที่แห่งนี้พากันประสานมือคำนับขอบคุณงูเขียวที่อยู่ท่ามกลางก้อนเมฆตัวนั้น
หลี่หยวนพบว่าเฉินหลิงจวินโปรยฝนได้ไม่คล่องแคล่วเท่าใดนัก จึงลงมือช่วยจัดระเบียบทะเลเมฆม่านฝนให้กับเขา
หนึ่งชั่วยามต่อมา หลี่หยวนนั่งอยู่บนเมฆก้อนหนึ่ง เฉินหลิงจวินกลับคืนสู่ร่างมนุษย์มาอยู่ข้างกายหลี่หยวน ทิ้งตัวนอนหงายอย่างเหน็ดเหนื่อย แต่กระนั้นก็ยังเอ่ยขอบคุณหลี่หยวนไปคำหนึ่ง
เงียบงันกันไปนาน
หลี่หยวนมองภูเขาสายน้ำในโลกมนุษย์ที่ชุ่มชื่นเพราะฝนเทกระหน่ำไปห่าใหญ่ก็ปรบมือยิ้มกล่าว “ท้องน้ำยามแล้งเห็นเพียงดินเหลือง สกุณาบินเหนื่อยร้อนตาย ปลากลายเป็นตั๊กแตน ดินศาลน้ำควันผุด มังกรดินเลื้อยออกมา ท้องฟ้าแจ่มกระจ่าง ชะล้างดินพันลี้ให้โล้นเตียน…”
เฉินหลิงจวินลุกขึ้นมานั่งแล้ว เขาทอดสายตามองพื้นดินอย่างเหม่อลอย
เขาเป็นคนแบบนี้เสมอมา ปากชอบพูดจาแข็งกระด้าง เวลาทำอะไรก็ไม่รู้จักหนักเบา ดังนั้นพอโปรยฝนเสร็จ แน่นอนว่าต้องดีใจ ไม่รู้สึกเสียใจภายหลังใดๆ แต่ในอนาคตเรื่องของการเลียบลำน้ำจะถูกราชวงศ์ต้าหยวนขัดขวาง หรือไม่พอไปถึงสวนน้ำค้างวสันต์แล้วทัณฑ์สวรรค์บนมหามรรคาจะเพิ่มมากขึ้น เป็นเหตุให้การเดินลงน้ำในท้ายที่สุดไม่สำเร็จก็ทำให้เฉินหลิงจวินเป็นกังวลเหมือนกัน ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับจูเหลี่ยนอย่างไร แล้วจะคุยโวโอ้อวดตนต่อหน้าพวกเผยเฉียน หน่วนซู่ หมี่ลี่ได้อย่างไร? ก็เหมือนอย่างที่จูเหลี่ยนพูด ขาดก็แค่ไม่ได้ระบุว่าต้องกินข้าว ต้องถ่ายตรงไหนเท่านั้น หากถึงขนาดนี้แล้วยังเดินลงน้ำกลายเป็นมังกรไม่สำเร็จ เขาเฉินหลิงจวินก็สามารถกระโดดลงน้ำฆ่าตัวตายได้แล้ว
ดังนั้นเฉินหลิงจวินจึงหวังเพียงอย่างเดียวว่า ขอให้นายท่านที่เป็นคนดีที่สุดในใต้หล้ากลับบ้านเกิดไปก่อนที่ตนจะกลับไปถึงภูเขาลั่วพั่วก็พอแล้ว
มีนายท่านอยู่บนภูเขาลั่วพั่ว ถึงอย่างไรก็ทำให้คนสบายใจได้มากกว่า ต่อให้ทำผิด อย่างมากก็แค่ถูกเขาด่าไม่กี่คำ หากว่าทำถูก บนใบหน้าของนายท่านหนุ่มก็มีรอยยิ้มเหมือนกัน
แล้วนับประสาอะไรกับที่เฉินหลิงจวินยังคิดถึงทรัพย์สินส่วนนั้นของนายท่านอย่างมาก ด้วยนิสัยของนายท่าน ต้องยังมีหินดีงูเหลืออยู่หลายก้อนแน่นอน เขาเฉินหลิงจวินไม่ต้องใช้หินดีงู แต่นางเด็กโง่หน่วนซู่กับงูดำบนภูเขาฉีตุนตัวนั้น และงูเหลือมยักษ์ที่อยู่บนภูเขาหวงหู ต่างก็ยังต้องการใช้ ยามที่นายท่านขี้เหนียวเหมือนไม่ใช่คน แต่ยามที่ใจกว้างขึ้นมาก็ยิ่งเหมือนไม่ใช่คนเข้าไปใหญ่
เฉินหลิงจวินกระโดดผลุงขึ้นมา เตรียมออกเดินทางต่ออีกครั้ง
หลี่หยวนกล่าว “โองการฉบับนั้นของเสิ่นหลิน และยังมีแผ่นหยกของข้า เจ้าเก็บเอาไว้กับตัวก่อน หากราชวงศ์ต้าหยวนมีพวกตาไร้แววมาขัดขวาง เจ้าก็เอาออกมา ครั้งหน้าที่เดินลงน้ำกลับมาที่นี่ค่อยคืนก็ยังไม่สาย”
เฉินหลิงจวินลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยังพยักหน้ารับ
ช่วยไม่ได้ ตอนนี้เฉินหลิงจวินกลัวมากว่าอยู่ดีๆ จะมีนักพรตเฒ่าที่เปี่ยมไปด้วยมาดแห่งเซียนคนหนึ่งของหน่วยฉงเสวียนโผล่ออกมาแล้วตบตนให้ตายด้วยฝ่ามือเดียว
เฉินหลิงจวินตัดสินใจแล้วว่าจะหาวิธีเพิ่มความกล้าให้ตัวเองก่อน ไม่อย่างนั้นคงรู้สึกแข้งขาอ่อน เดินไม่ไหวเป็นแน่
คิดอยู่นาน ก่อนจะถามหลี่หยวนว่า “เจ้าไม่รู้หรอกว่านายท่านของข้าเป็นปรมาจารย์ใหญ่วิถีวรยุทธ์ที่มีน้อยนิดในใต้หล้านี้ ข้าเรียนรู้วิชาอย่างผิวเผินจากนายท่านมาบ้าง จะแสดงให้เจ้าดู เจ้าจะได้ไม่คิดว่าข้าขี้โม้”
หลี่หยวนยกมือขึ้น “ไม่ต้อง ถือว่าพี่น้องขอร้องเจ้า ข้ากลัวว่าจะแสบตา”
คิดไม่ถึงว่าเฉินหลิงจวินจะแสดงกระบวนท่าแล้ว เขายืนด้วยท่าไก่ทองขาเดียว จากนั้นเหวี่ยงแขนสองข้างไปด้านหลัง โน้มตัวมาด้านหน้า ถามว่า “ท่าต้าเผิง (นกในตำนานของจีน) สยายปีกของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?!”
หลี่หยวนกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ตาบอดแล้ว”
เฉินหลิงจวินหัวเราะฮ่าๆ สะพายหีบไม้ไผ่ให้เรียบร้อย มือถือไม้เท้าเดินป่า พลิ้วกายจากไปไกล
หลี่หยวนนั่งขัดสมาธิ ไม่ได้หันหน้าไปมอง เพียงหัวเราะหยันเอ่ยว่า “เทียนจวินน้อยของหน่วนฉงเสวียนมาเร็วขนาดนี้เชียวหรือ? ทำไม คิดจะมาหาเรื่องพี่น้องของข้ารึ หากเจ้ากล้าลงมือกับเฉินหลิงจวินก็อย่ามาโทษหากข้าทำให้หน่วยฉงเสวียนต้องจมอยู่ใต้น้ำ”
บัณฑิตชุดดำอายุน้อยในมือถือพัดพับคนหนึ่งยกเท้าเดินอยู่บนก้อนเมฆขาว บนเอวห้อยถุงสีเหลืองทองใบเล็ก มีประกายแสงเมฆเรืองรองเอ่อล้นออกมาจากถุงใบนั้น มองแล้วพร่าตามากเป็นพิเศษ
คนผู้นี้มานั่งลงข้างหลี่หยวน ใช้พัดพับที่หุบเข้าหากันตีฝ่ามือเบาๆ ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “หลี่สุ่ยเจิ้งคิดมากเกินไปแล้ว ข้าหยางมู่เม่ากับเฉินคนดีผู้นั้นคือสหายร่วมทุกข์ที่หาได้ยากในใต้หล้าแห่งนี้ น่าเสียดายที่จากลากันที่หุบเขาผีร้าย จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้พบเจอกันอีก ถึงขั้นคิดถึงพี่ชายคนดีแล้วนะนี่”
หลี่หยวนกล่าวอย่างกังขา “เฉินคนดี พี่ชายคนดี? หมายถึงเฉินผิงอันรึ?”
บัณฑิตพลันกล่าวอย่างคนที่กระจ่างแจ้งในฉับพลัน “ข้ากับเฉินคนดีเป็นพี่น้องคนรุ่นเดียวกัน หลี่สุ่ยเจิ้งก็สาบานเป็นพี่น้องกับเฉินหลิงจวินอีก โอ้ แบบนี้ก็ไม่เท่ากับว่าข้ามีลำดับศักดิ์สูงกว่าหลี่เจิ้งหนึ่งขั้นหรอกหรือ?”
หลี่หยวนหัวเราะร่าเอ่ยว่า “เทียนจวินน้อยดีใจก็ดีแล้ว”
บัณฑิตกล่าว “มังกรฝนสะบัดหางกลางเมฆดำ หันหลังให้แผ่นฟ้ากว้างสีคราม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!