สตรีผู้นั้นเห็นหญิงสาวสวมชุดเขียวที่ตบะแค่คอขวดก่อกเนิดแล้วก็พลันรู้สึกขนลุกพรั่นผวาอยู่ในใจอย่างรุนแรง เป็นสัญชาตญาณที่ไม่อาจใช้เหตุผลมาอธิบายได้เลย
สตรีไม่ใช่คนโง่ เพราะถึงอย่างไรก็เป็นถึงปีศาจใหญ่ขอบเขตบินทะยานที่รู้เรื่องราวในปฏิทินเหลืองดี พอคิดถึงตัวตนที่แท้จริงของหลี่หลิ่วที่อยู่ตรงหน้าแล้ว นางก็เดาตัวตนที่แท้จริงของสตรีแปลกหน้าผู้นั้นออกในทันที
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่ นั่งอยู่บนบัลลังก์สูง หลุบตามองโลกมนุษย์ ดวงตะวันเผามหาสมุทร หลอมสังหารหมื่นสรรพสิ่ง! จุดใดที่แสงตะวันส่องไปถึง ล้วนเป็นผืนแผ่นดิน
แรกเริ่มสตรียังสำรวมระมัดระวังตนอยู่ทุกขณะ แต่ไม่นานก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง ทั้งใบหน้าและดวงตาต่างก็เริ่มเปลี่ยนไป เป็นเหตุให้นิสัยดุร้ายพลันบังเกิด ปีศาจใหญ่ตนหนึ่ง ถึงอย่างไรก็เป็นถึงขอบเขตบินทะยานอย่างสมชื่อ ต่อให้ในใจจะมีความหวาดกลัวมากแค่ไหน แต่หากถึงขีดจำกัดขึ้นมาเมื่อไหร่ กลับกลายเป็นว่าจะกระตุ้นสันดานดิบ ขอบเขตบินทะยานที่ยิ่งใหญ่มีหรือจะยอมยืนนิ่งเฉยรอให้คนมาฆ่า ต่อให้ต้องทุ่มสุดชีวิตก็ต้องลองเข่นฆ่ากันดูสักตั้ง!
หร่วนซิ่วค่อยๆ ละสายตาออกมาจากบนร่างของสตรีโตเต็มวัย หยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งออกมาแล้วคีบขนมหนึ่งชิ้นใส่ปากเคี้ยวช้าๆ
หลี่หลิ่วกล่าว “ข้าไม่มีปัญหา ประเด็นสำคัญคืออยู่ที่นาง”
หร่วนซิ่วพยักหน้า “ข้ามีข้อเรียกร้องเพียงอย่างเดียว ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ คุณความชอบของศาลบุ๋นต้องยกให้เป็นของสำนักกระบี่หลงเฉวียน แต่สามารถหักลบไปครึ่งหนึ่งได้”
หยางเหล่าโถวลังเลเล็กน้อย “เรื่องนี้ข้าจะไปปรึกษากับชุยฉานดู ในเมื่อเป็นฝ่ายยอมให้หักลบได้ก็ไม่น่าจะมีปัญหามากนัก”
หลี่หลิ่วกล่าว “ถ้าอย่างนั้นข้าก็เหมือนกัน ยกให้หลี่ไหว”
หยางเหล่าโถวกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “จะยกให้เขาทำบ้าอะไร เจ้าลูกกระต่ายน้อยนั่นต้องการหรือ? จะไม่ถูกเขารังเกียจหาว่าเป็นขี้หมาที่เหยียบหนักรองเท้าหรือไร”
หลี่หลิ่วหัวเราะ แล้วก็ล้มเลิกความคิดนี้ทันที
แต่พอหลี่หลิ่วโยนด้ายแดงที่ได้มาจากหลี่ไหวให้กับหยางเหล่าโถวแล้ว ก็หัวเราะหยันเอ่ยว่า “หมายความว่ายังไง? วางแผนลามมาถึงตัวน้องชายข้า เบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วหรือไร? ไม่สู้ให้ข้าใช้คุณความชอบส่วนนั้นมาแลกชีวิตสตรีหน้าเหม็นนั่น พอหรือไม่เล่า?”
หยางเหล่าโถวขมวดคิ้วกล่าว “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องยุ่ง ข้าจะเก็บกวาดเรื่องเละเทะนี่เอง”
หร่วนซิ่วพลันถามว่า “บันทึกขุนเขาสายน้ำเล่มนั้นเป็นมาอย่างไรกันแน่?”
หยางเหล่าโถวหลุดหัวเราะพรืด “สำนักประพันธ์แบ่งออกเป็นสองสาย สายหนึ่งมุ่งเข้าหาประวัติศาสตร์อย่างเป็นทางการ พยายามจะสลัดสถานะขุนนางตำแหน่งเล็กๆ ให้หลุด ไม่ยินดีจะเขียนประวัติศาสตร์สายรอง หวังว่าจะอาศัยพื้นที่มงคลกระดาษขาวมาพิสูจน์มรรคา อีกสายหนึ่งกลับหัวแหลมจึงเดินไปบนเส้นทางของเกร็ดพงศาวดาร ฝ่ายหลังมีแผนการใหญ่กว่าฝ่ายแรกมากนัก”
หยางเหล่าโถวโบกกระบอกสูบยาเก่าแก่ “เรื่องพวกนี้พวกเจ้าไม่ต้องสนใจ รีบฝ่าทะลุขอบเขตหยกดิบโดยเร็วจึงจะเป็นเรื่องเร่งด่วน ทุกวันนี้พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องอำพรางตนเท่าไรแล้ว”
หร่วนซิ่วชำเลืองตามองสตรีโตเต็มวัยจากต่างถิ่นผู้นั้น ขนมในมือนางกินไปหมดแล้ว
หากหลอมและสังหารอีกฝ่าย ตนก็มีโอกาสที่จะมุ่งตรงไปยังขอบเขตเซียนเหรินได้เลย
หลี่หลิ่วแค่นเสียงเย็นชา “หร่วนซิ่ว สำรวมหน่อยเถอะ”
หร่วนซิ่วนั่งอยู่บนม้านั่งยาวอย่างเกียจคร้าน ยิ้มตาหยีถามว่า “เจ้าเป็นใครกัน?”
สตรีรู้สึกกระวนกระวายไม่เป็นสุข
นี่ต่างหากจึงจะเป็นเทพเซียนตีกันที่แท้จริง
หร่วนซิ่วถาม “เขาจะยังกลับมาได้หรือไม่?”
หยางเหล่าโถวเงียบไม่ตอบคำถาม แต่ควันในลานบ้านขนาดเล็กกลับยิ่งเข้มข้น
จากนั้นสตรีก็ต้องตกตะลึง อกสั่นขวัญผวาอีกครั้ง นางหันไปมองสตรีเรือนกายสูงใหญ่สวมชุดขาวที่มีนัยน์ตาสีทองซึ่งยืนอยู่ด้านหลังหยางเหล่าโถว
พอได้เห็น ‘คนผู้นี้’ สตรีแห่งหลุมน้ำลู่ก็รู้สึกเหนื่อยใจเล็กน้อย ตนไม่ควรติดตามหลี่หลิ่วมาเที่ยวเล่นที่นี่เลยจริงๆ ดูเหมือนว่าขนาดขอบเขตบินทะยานอย่างนาง พอมาอยู่ที่นี่ก็ยังอ่อนด้อยอยู่ดี หากรู้แต่แรกก็ไม่สู้ไปหาเรื่องฮว่อหลงเจินเหรินที่อุตรกุรุทวีปยังดีเสียกว่า
ได้ยินสตรีร่างสูงใหญ่ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “แน่นอน”
นางหลุบตาลงต่ำมองหยางเหล่าโถวที่นั่งอยู่บนพื้น “บอกกับชุยฉาน แล้วให้เขาไปบอกต่อแก่ศาลบุ๋น ระวังว่าข้าจะทำให้ใต้หล้าไพศาลและใต้หล้ามืดสลัวต้องเปลี่ยนมาเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน”
หยางเหล่าโถวเอ่ย “ขอแค่เจ้าอยู่ที่นี่ เฉินผิงอันก็จะมีโอกาส เขาดวงแข็ง แล้วนับประสาอะไรกับที่การอดทนข่มกลั้นของเขาเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว หากติดตามเจ้าไปที่นั่น บางทีชีวิตนั้นของเขาอาจต้องมอบให้กับกำแพงเมืองปราณกระบี่ไปอย่างสมบูรณ์แล้ว”
นางเอ่ย “อยู่ที่นั่นเพียงลำพังก็เหมือนอยู่ไม่สู้ตายไม่ใช่หรือ?”
หยางเหล่าโถวกล่าว “ข้ากลับรู้สึกว่าเขาอยู่ที่นั่นจึงจะเป็นการฝึกตนที่ดีที่สุด เดินขึ้นเขาเป็นเรื่องใหญ่ การฝึกฝนจิตใจเป็นเรื่องยาก ไม่ใช่ว่าแค่โดนด่าสองสามคำ ทำเรื่องดีแค่สองสามเรื่องก็เป็นการฝึกตนแล้ว”
นางหัวเราะหยัน “ดูเหมือนว่าเจ้ากับเฉินชิงตูจะมีคุณสมบัติให้พูดจาเช่นนี้กันนัก”
หยางเหล่าโถวพยักหน้ารับ “ก็พอได้”
หยางเหล่าโถวโบกกระบอกยาสูบ “ยังไงก็ยังต้องระวังไว้ก่อน ปีศาจใหญ่บนบัลลังก์พวกนั้นไม่มีทางปล่อยให้พวกเจ้าต้มทะเลย้ายน้ำเป็นแน่”
หร่วนซิ่วขี่กระบี่ออกไปจากเรือน หลี่หลิ่วพาสตรีโตเต็มวัยไปยังบ้านบรรพบุรุษของตัวเอง
หยางเหล่าโถวลุกขึ้นยืน “หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับข้า เจ้าก็ช่วยดูแลให้หน่อย”
นางพยักหน้า “เหลือคนรู้จักอยู่แค่ไม่กี่คนแล้ว เจ้าก็ระวังกระดูกแก่ๆ นี้ของเจ้าด้วย”
หยางเหล่าโถวยิ้มเอ่ยคำเดิมก่อนหน้านี้ซ้ำอีกรอบ “ก็พอได้”
ช่วงกลางลำน้ำใหญ่ของแจกันสมบัติทวีป บนเขื่อนแห่งหนึ่งที่เพิ่งสร้างใหม่ล่าสุด เด็กหนุ่มชุดขาวขี่อยู่บนร่างเด็กชายคนหนึ่ง ข้างกายมีผู้เฒ่าลัทธิขงจื๊อที่จอนผมสองข้างเป็นสีดอกเลา และยังมีหลินโส่วอีที่ตามมาเงียบๆ
เด็กหนุ่มกำลังด่าอย่างเกรี้ยวกราดว่าเจ้าตะพาบเฒ่าไม่ใช่คน
หลินโส่วอีได้แต่แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไร อันที่จริงหนึ่งคนแก่หนึ่งเด็กหนุ่มคู่นี้ ทั้งสองคนต่างก็ถือเป็นอาจารย์ลุงในใจของเขา
ราชครูถามหลินโส่วอีว่า “เจ้ารู้สึกว่าหลิ่วชิงเฟิงเป็นคนอย่างไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!