กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 697

ลมเย็นบาดผิว ก้อนเมฆลดตัวลงต่ำคล้ายหิมะจะตก คนอยู่ใกล้ขอบฟ้า ดั่งมายาเลื่อนลอย

ออกเดินทางไกลไปเยือนต่างถิ่น ยิ่งไม่อาจกลับคืนบ้านเกิด ช่างเป็นสุนัขไร้บ้านที่น่าสงสาร

หลิวป๋ายมองเงาร่างบนหัวกำแพงฝั่งตรงข้ามที่เดินห่างไปไกล รอกระทั่งร่างของอีกฝ่ายลับตาไปแล้ว นางถึงได้ถอนสายตากลับคืน

น่าชิงชังที่ขอบเขตตัวเองต่ำเกินไป ไม่อาจสังหารอิ่นกวานหนุ่มที่เป็นศัตรูคู่อาฆาตผู้นั้นกับมือตัวเองได้

ตัวอ่อนเซียนกระบี่หลิวป๋ายคือลูกศิษย์คนสำคัญของโจวมี่ ‘มหาสมุทรความรู้แห่งใต้หล้า’ แต่ปีนั้นในศึกล้อมฆ่าที่ต้องทำให้สำเร็จให้จงใจ กระโจมเจี่ยเซินที่มีตัวอ่อนเซียนกระบี่ห้าคนซึ่งถูกฝากความหวังไว้มากกลับทำให้ใต้หล้าเปลี่ยวร้างผิดหวังอย่างหนัก หนึ่งในนั้นก็คือนางหลิวป๋ายที่มีจุดจบน่าอเนจอนาถที่สุด ถูกเฉินผิงอันหักคอตายทั้งเป็น หากไม่เป็นเพราะจิตวิญญาณถูกจวินทานที่ทุ่มสุดชีวิตรวบรวมเก็บมาได้ และหลังจากนั้นนางก็จำเป็นต้องใช้ตะเกียงแห่งชะตาชีวิตดวงนั้น ต่อให้จะสามารถสร้างเรือนกายและจิตวิญญาณขึ้นมาได้ใหม่ ฟูมฟักกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตได้อีกเล่ม แต่ก็จะต้องหยุดอยู่แค่ที่ขอบเขตก่อกำเนิดเท่านั้น แม้ว่าถึงวันนี้ลำดับรายชื่อของหลิวป๋ายในอันดับร้อยเซียนกระบี่จะร่วงดิ่งลงมาอยู่ที่อันดับห้าสิบเก้า ไม่ได้มีคุณสมบัติจะเป็นเซียนกระบี่ใหญ่ได้อย่างแน่นอนอีกแล้ว แต่ในอนาคตหากคิดจะเลื่อนเป็นขอบเขตหยกดิบก็ถือว่ายังพอจะมีโอกาส

หลิวป๋ายเลือกตำแหน่งฝึกตนที่อยู่ใกล้กับหลงจวินมากที่สุด ดังนั้นทุกครั้งที่หลีเจินมาท้าทายเฉินผิงอันที่นี่ หลิวป๋ายล้วนเห็นอยู่ในสายตาและได้ยินกับหูตัวเอง

หลังจากใต้หล้าเปลี่ยวร้างเก็บเอากำแพงเมืองปราณกระบี่อีกครึ่งหนึ่งมาไว้ในกระเป๋าของตัวเอง ร้อยเซียนกระบี่ของภูเขาทัวเยว่ นอกจากผู้ฝึกกระบี่สิบกว่าคนที่มีโซ่วเฉิน เฝ่ยหราน จู๋เชี่ยเป็นหนึ่งในนั้นที่ไปเยือนใต้หล้าไพศาลแล้ว คนที่เหลือต่างก็บำรุงกระบี่บินอยู่บนหัวกำแพงเมือง

หลงจวินพลันเปิดปากเอ่ยว่า “หากการฝึกกระบี่ของเจ้าต่อจากนี้เพียงแค่เพื่อให้ตัวเองสังหารเฉินผิงอันกับมือตัวเองได้ บอกตามตรง เจ้าไม่มีทางทำได้หรอก หากเฉินผิงอันไม่อาจเฝ้าหัวกำแพงเมืองอีกครึ่งหนึ่งได้เพราะถูกข้าใช้กระบี่สังหาร เขาก็จะต้องมีวิธีมหัศจรรย์บางอย่างในการหลบหนีไป ต่อให้เจ้าโชคดีตามไปได้ทัน ก็มีแต่จะถูกเขาหักคออีกครั้งเท่านั้น อีกทั้งการลงมือของเขามีแต่จะสังหารเจ้าได้ง่ายดายยิ่งกว่าคราวก่อน”

หลิวป๋ายสีหน้าซับซ้อน “อาวุโสหลงจวิน จะไม่มีความเป็นไปได้อย่างที่สามเลยหรือ?”

หลงจวินส่ายหน้า

หลิวป๋ายกล่าว “ถ้าอย่างนั้นข้าก็ต้องการเห็นเขาตายภายใต้คมกระบี่ของผู้อาวุโสหลงจวินกับตาตัวเอง”

หลงจวินกล่าว “ตอนนี้ไม่ใช่ว่าเจ้าควรจะกังวลกับสภาพการณ์ของตัวเองมากกว่าหรอกหรือ? ทั้งไม่อาจฝ่าทะลุขอบเขต และยิ่งไม่อาจคว้าจับปณิธานกระบี่บรรพกาลได้แม้แต่เสี้ยวเดียว แล้วยังมานั่งเฉยอยู่ที่นี่ทำอะไร? มาคอยดูเฉินผิงอันผู้นั้นฝ่าทะลุขอบเขตครั้งแล้วครั้งเล่าหรือ? คำพูดของข้าก่อนหน้านี้ไม่ได้ล้อเล่น โชคดีได้ขึ้นมาฝึกกระบี่บนหัวกำแพงเมือง หากถึงเวลานั้นแล้วยังเป็นแค่เศษสวะที่คว้าอะไรไว้ไม่ได้สักอย่าง ก็ไม่ต้องไปใต้หล้าไพศาลให้ขายหน้าแล้ว ถึงเวลานั้นโซ่วเฉินปกป้องเจ้าไม่ได้ อาจารย์ของเจ้าก็คร้านจะพิทักษ์มรรคาให้แก่เจ้า เพราะเจ้ารนหาที่ตายเอง”

หลิวป๋ายลุกขึ้นค้อมตัวคารวะ “ขอบพระคุณผู้อาวุโสที่ชี้แนะ”

จากนั้นหลิวป๋ายก็มีคำถามที่สงสัยใคร่รู้ที่สุด “ผู้อาวุโสหลงจวิน ในเมื่อเขาผสานมรรคากับกำแพงเมืองปราณกระบี่อีกครึ่งหนึ่งแล้ว เหตุใดแม้แต่ปณิธานกระบี่สักเสี้ยวก็ยังคว้าจับไว้ไม่ได้? เป็นเพราะทำไม่ได้หรือ? ไม่อย่างนั้นด้วยนิสัยของเขาก็มีแต่จะช่วงชิงเอาปณิธานกระบี่มาอย่างบ้าคลั่ง”

หลงจวินยิ้มกล่าว “เกี่ยวกับเรื่องนี้ข้าเองก็สงสัยอยู่เหมือนกัน หากเจ้ามีโอกาสก็ลองถามอาจารย์มหาสมุทรแห่งความรู้ที่ศึกษาค้นคว้าได้ดั่งเทพเทวดาของเจ้าดูสิ หากได้คำตอบ สามารถไขข้อข้องใจให้ข้าได้ ข้าก็จะชี้แนะเวทกระบี่ให้แก่เจ้า”

หลงจวินพลันส่งกระบี่หนึ่งออกไปทำลายปณิธานหมัดมหาศาลที่ไหลกรากดั่งน้ำตกมาจากฝั่งตรงข้ามให้แหลกละเอียด

เป็นเพราะอิ่นกวานหนุ่มผู้นั้นอยู่ว่างไม่มีอะไรทำจึงอยากจะปล่อยหมัดเข้าใส่กองทัพใหญ่เผ่าปีศาจที่ลุกล้ำเข้าไปในดินแดน

หลิวป๋ายกัดริมฝีปากแน่น

หมัดของเฉินผิงอันเมื่อครู่นี้ อย่าเห็นว่ากระบี่นั้นของผู้อาวุโสหลงจวินปล่อยออกไปอย่างผ่อนคลายเรียบง่าย ดูเหมือนว่าสามารถทำลายปณิธานหมัดของอีกฝ่ายให้แหลกลงได้อย่างสบายๆ แต่นี่คือการออกกระบี่ของเซียนกระบี่บนบัลลังก์ท่านหนึ่งเชียวนะ

หน้าผาฝั่งตรงข้ามยังคงเป็นชุดคลุมสีแดงสดที่บาดตานั้น เมื่อเทียบกับชุดคลุมสีเทาของผู้อาวุโสหลงจวินแล้วจึงกลายเป็นการเปรียบเทียบที่ชัดเจน หลังจากเลื่อนขั้นเป็นขอบเขตยอดเขา ต่อให้เป็นหลิวป๋ายที่เกลียดเขาเข้ากระดูกดำก็จำต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายมีภาพบรรยากาศของหมัดสูงอยู่บนฟ้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขายังเป็นผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่ง มีกระบี่บินสองเล่มที่วิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตแปลกประหลาดอย่างถึงที่สุด นางจะฆ่าอีกฝ่ายได้อย่างไร? ในความเป็นจริงแล้ว หากไม่เป็นเพราะผู้อาวุโสหลงจวินเฝ้าพิทักษ์อยู่ที่นี่คอยจับตามองเฉินผิงอันผู้นั้นเอาไว้ไม่ให้คลาดสายตา ส่วนลึกในใจของหลิวป๋ายก็รู้ดีว่าการที่ตนฝึกกระบี่อยู่ที่นี่ มีความเป็นไปได้สูงมากว่าอาจตายได้ภายในเสี้ยววินาที

แต่การที่ให้นางมาฝึกตนที่นี่เป็นความต้องการของอาจารย์ อาจารย์บอกว่าจิตมารในการเลื่อนเป็นขอบเขตหยกดิบของนางในอนาคตจะต้องเป็นเฉินผิงอันอย่างแน่นอน หากนางคิดจะฝ่าทะลุขอบเขตได้สำเร็จก็ต้องเตรียมใจให้พร้อมแต่เนิ่นๆ ต้องฝึกฝนจิตใจให้ดีถึงจะได้

หลิวป๋ายสะกดกลั้นริ้วคลื่นในทะเลสาบหัวใจเอาไว้อย่างสุดความสามารถ ถามว่า “ผู้อาวุโสหลงจวิน ในเมื่อไม่ว่าจะออกหมัดหรือออกกระบี่ก็ล้วนถูกกำหนดมาแล้วว่าจะต้องกลับไปมือเปล่า เหตุใดเขาถึงยังมักจะมาฝึกประสบการณ์ที่นี่อยู่เสมอ?”

หลิวป๋ายศึกษาค้นคว้าเรื่องเกี่ยวกับอิ่นกวานหนุ่มมาจนเข้าใจลึกล้ำ ยังเคยให้มู่จีผู้นำกระโจมเจี่ยเซินและศิษย์พี่โซ่วเฉินขอเอกสารลับอย่างละเอียดเกี่ยวกับเฉินผิงอันมาจากกระโจมเจี่ยจื่อฉบับหนึ่ง คนต่างถิ่นของกำแพงเมืองปราณกระบี่ผู้นี้มีความคิดจิตใจละเอียดรอบคอบอย่างยิ่ง ไม่ว่าลงมือทำอะไรล้วนได้ผลสำเร็จและสร้างคุณความชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงสนามรบมาเข่นฆ่าศัตรูที่เชี่ยวชาญการใช้บาดแผลแลกชีวิตเป็นที่สุด เขาย่อมไม่ใช่คนที่ชอบโอ้อวดตนอย่างแน่นอน

หลงจวินยิ้มกล่าว “เพราะว่าหมาบ้าตัวนั้นไม่ยินดีจะกลายเป็นหมาบ้าไปจริงๆ”

หลิวป๋ายยังกังขาไม่เข้าใจ แต่กลับไม่เอ่ยถามอีก นั่งลงบำรุงปณิธานกระบี่อีกครั้ง

เฉินผิงอันปล่อยหมัดหนึ่งไม่สำเร็จ เรือนกายก็หายวับไป พริบตาเดียวก็ห่างไปอยู่จุดห่างไกลตำแหน่งอื่น ราวกับว่าเพราะเบื่อหน่ายก็เลยมาผ่อนคลายอารมณ์ที่นี่ แล้วถือโอกาสทักทายหลงจวินก็เท่านั้น

เฉินผิงอันยืนเอาดาบปักพื้นอยู่ตรงจุดหนึ่งของหัวกำแพงเมือง

แหงนหน้ามองม่านฟ้า แม้ว่าการมองเห็นจะพร่าเลือน แต่อาศัยขอบเขตหยกดิบที่ยืมมาชั่วคราวนั้น เขากลับสัมผัสได้ถึงการโคจรของฟ้าดินอย่างชัดเจน รู้ว่าอีกเดี๋ยวหิมะจะตกแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!