กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 699

ผู้เฒ่าถามหลี่ไหว “เป็นวิญญูชนหรือนักปราชญ์ของสำนักศึกษาหรือ?”

หลี่ไหวกล่าว “หวังว่าจะได้เป็น”

สุดท้ายผู้เฒ่าถามเด็กสาวที่เรือนกายผอมบาง แต่คำพูดคำจาข่มขู่คนให้หวาดกลัว “คงไม่ได้เป็นผู้ฝึกยุทธขอบเขตทะยานลมในตำนานหรอกกระมัง?”

เผยเฉียนเอ่ย “ขาดอีกนิดหน่อย”

ผู้เฒ่าหัวเราะดังลั่น “ข้าจะยืนนิ่งไม่ขยับ ให้เจ้าถามหมัดก่อนสามครั้ง ขอแค่เจ้าฆ่าข้าให้ตายไม่ได้ พวกเจ้าสามคนล้วนต้องตาย”

เผยเฉียนเอ่ยเสียงหนัก “ขอผู้อาวุโสโปรดพูดคุยกันดีๆ อย่าได้บีบบังคับผู้อื่นมากเกินไปโดยการให้ทางเลือกที่ไม่ใช่ทางเลือกเช่นนี้”

ผู้เฒ่าหุบยิ้ม บิดหมุนข้อมือ “ดี ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะต่อยเจ้าสามที หากรับไหว สามหมัดผ่านไป ขอแค่เจ้าล้มแล้วยังลุกขึ้นมาได้ ข้าก็จะยอมให้พวกเจ้าสามคนได้มีชีวิตรอด”

เผยเฉียนเดินก้าวยาวๆ ไปข้างหน้า “ออกหมัด”

หลี่ไหวพลันเอ่ยว่า “พวกเรามาจากยอดเขาสิงโต”

ผู้เฒ่ายิ้มกล่าว “ดีมาก ข้าคือแขกผู้มีเกียรติของจวนเทียนจวิน แล้วยังไงต่อ? มีประโยชน์ไหม?”

เผยเฉียนงอสองเข่าลงเล็กน้อย เท้าหนึ่งเหยียบไปข้างหน้า แยกมือตั้งท่าหมัด

ผู้เฒ่าหัวเราะฮ่าๆ เสียงดังก้อง “รู้จักๆ คือวิชาหมัดเขย่าขุนเขาของเจ้าเศษสวะกู้โย่ว ผู้ฝึกยุทธเต็มตัวคนหนึ่งกลับหน้าไม่อายใช้ยันต์ลอบทำร้ายเซียนกระบี่จี เจ้าเศษสวะเฒ่าไม่รับลูกศิษย์ เพียงแค่ทิ้งวิชาหมัดไร้ค่าที่ทุกคนสามารถเรียนได้ไว้เล่มหนึ่ง ถ่วงรั้งลูกศิษย์ของคนอื่น ทำร้ายคนไม่เบา!”

ผู้เฒ่าร่างกำยำพลันพุ่งมาหยุดเบื้องหน้าเด็กสาวในเสี้ยววินาที ปล่อยหมัดหนึ่งต่อยเข้าที่หน้าผากของฝ่ายหลัง

ร่างของเผยเฉียนแค่เหวี่ยงสะบัดไปเล็กน้อย แต่เท้ากลับไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว

จากประสบการณ์ในยุทธภพ เดิมทีเผยเฉียนควรจะต้องตัวปลิวออกไป โซเซลุกขึ้นยืนแล้วค่อยรับหมัดที่สอง

ทว่า ณ เวลานี้ ณ ที่แห่งนี้ เผชิญหน้ากับคนผู้นี้ เผยเฉียนกลับไม่ยินดีจะถอยให้

ผู้เฒ่าร่างกำยำที่เป็นผู้ฝึกยุทธขอบเขตร่างทองคำรามก้องอย่างเดือดดาล ก่อนจะปล่อยหมัดรัวติดกันสองครั้ง หมัดหนึ่งต่อยลงบนหน้าผากเด็กสาว อีกหมัดหนึ่งต่อยเข้าที่ลำคอของฝ่ายหลัง

สามหมัดจบสิ้น

ผู้เฒ่าถอยกรูดอย่างว่องไวปานสายฟ้าแลบ ไปยืนเคียงบ่ากับแม่ทัพบู๊คนนั้น สีหน้ามืดทะมึน

เผยเฉียนเพียงแค่ยืนนิ่งไม่ขยับ นางยกมือขึ้นช้าๆ ใช้นิ้วโป้งปาดเช็ดเลือดกำเดา

ผู้เฒ่ามองเห็นว่าด้านหลังของคนทั้งสามมีคนบนเส้นทางเดียวกันที่สีหน้าสงบนิ่งผ่อนคลายเดินมา เขาถึงได้ผ่อนลมหายใจโล่งอก

อีกฝ่ายก็เป็นปรมาจารย์ใหญ่ขอบเขตเจ็ดเช่นเดียวกับเขา แต่อีกฝ่ายมีอายุน้อยกว่า วิชาหมัดสูงกว่า ทว่าเขากับฮ่องเต้เป็นสหายกันมานานแล้ว ถึงได้ยอมแหกกฎออกจากภูเขามาให้การช่วยเหลือ

แล้วนับประสาอะไรกับอยู่ที่อุตรกุรุทวีป ออกหมัดสังหารผู้ฝึกตนบนภูเขาได้ จะมีผู้ฝึกยุทธเต็มตัวสักกี่คนที่ไม่ยินดี?

เผยเฉียนถ่มเลือดทิ้ง หันหน้าไปมองบุรุษวัยกลางคนที่ลมหายใจทอดยาวผู้นั้น

คนผู้นั้นยิ้มถาม “แม่นางน้อย เจ้าเองก็เป็นขอบเขตร่างทองเหมือนกัน ใช่หรือไม่?”

เผยเฉียนเงียบไม่ตอบ

คนผู้นั้นพูดต่อ “แม่นางน้อยเจ้ามิอาจทะยานลมเดินทางไกลได้ สหายสองคนของเจ้าต่อให้ทะยานลมหนีไปได้ พวกข้าก็แค่ต้องเอาตาข่ายฟ้าดินที่ใช้รับมือกับเซียนซือโอสถทองก่อนหน้านี้ออกมาใช้อีกรอบเท่านั้น จะมีอะไรยากกัน เจ้าอ้อนวอนผู้อาวุโสฟู่หลิ่นเถอะ ขอให้เขาเว้นชีวิตเจ้าก็พอ ทิ้งของทุกอย่างเอาไว้ ข้าได้แต่ช่วยพวกเจ้าเพียงเท่านี้แล้ว แต่ผู้ฝึกยุทธจะต้องถูกทำลายวรยุทธ ผู้ฝึกตนจะต้องถูกสะบั้นสะพานแห่งความเป็นอมตะหรือไม่ ข้าไม่กล้ารับรองกับพวกเจ้า ถึงอย่างไรข้าก็เป็นแค่คนนอกคนหนึ่ง”

หลี่ไหวเอ่ยอย่างระอาใจ “คำพูดแบบนี้อย่าไปเชื่อเชียว”

เผยเฉียนพยักหน้า “เจ้าก็ไม่โง่นี่นะ”

หลี่ไหวยิ้มกว้าง

เหวยไท่เจินรู้สึกพูดไม่ออกอยู่บ้าง

ไม่มีใครกลัวใครเลยจริงๆ

นางได้วางแผนสำหรับผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้แล้ว นางจะเรียกสมบัติหนักสองชิ้นซึ่งได้ทั้งโจมตีและป้องกันที่นายหญิงมอบให้ออกมา ต่อให้ต้องทุ่มสุดชีวิตก็ต้องคุ้มครองส่งคนทั้งสองออกไปจากที่นี่ให้จงได้

คนผู้นั้นพลันเอ่ยว่า “หากเจ้ารับหมัดข้าสองหมัด ข้าจะให้พวกเพื่อนๆ เจ้าจากไปก่อน”

หลี่ไหวกล่าว “อันนี้ก็อย่าเชื่อ”

เผยเฉียนเอ่ย “คนหนึ่งกินข้าวไม่อิ่ม อีกคนหนึ่งยึดความได้เปรียบทั้งหมดไปครองแล้วยังจะออกอุบายหลอกเด็กรุ่นหลัง พวกเจ้าเป็นผู้ฝึกยุทธจริงๆ หรือ?”

เผยเฉียนถามเองตอบเอง “ข้ารู้สึกว่าพวกเจ้าล้วนไม่คู่ควร”

เผยเฉียนไม่สนใจบุรุษวัยกลางคนที่อยู่ด้านหลังอีก นางจ้องผู้เฒ่าผมขาวที่มีชื่อว่าฟู่หลิ่นคนนั้นเขม็ง “ข้าจะใช้วิชาหมัดเขย่าขุนเขาถามหมัดกับเจ้าแค่หมัดเดียว!”

ผู้เฒ่าสีหน้าเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างไม่แน่นอน

ก่อนหน้านี้ปล่อยหมัดออกไปสามครั้ง เวลานี้แขนทั้งแขนปวดร้าวไปหมดแล้ว

ทันใดนั้นปณิธานหมัดมหาศาลทั่วร่างของเผยเฉียนก็เหมือนดวงตะวันจันทราที่ลอยสูงไปเคียงคู่กันอยู่บนนภา

ลมปราณวุ่นวายอย่างถึงที่สุด เหวยไท่เจินจำต้องรีบคุ้มกันหลี่ไหวเอาไว้

เผยเฉียนก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างเนิบช้า มือทั้งสองกำหมัดแน่น กัดฟันเอ่ย “ข้าเรียนหมัดมาจากอาจารย์พ่อ อาจารย์พ่อเรียนหมัดมาจากวิชาเขย่าขุนเขา หมัดเขย่าขุนเขามาจากผู้อาวุโสกู้! วันนี้ข้าจะใช้หมัดเขย่าขุนเขาถามหมัดกับเจ้าด้วยขอบเขตเดียวกัน แต่เจ้ากลับไม่กล้ารับอย่างนั้นรึ?!”

ในรัศมีร้อยจั้งที่มีเผยเฉียนเป็นจุดศูนย์กลาง พื้นดินสะเทือนเลือนลั่นประหนึ่งเสียงฟ้าคำรณดังอื้ออึง ฝุ่นตลบปลิวคลุ้ง ทหารทั้งหลายถึงขั้นถือดาบไม่อยู่ เสื้อเกราะสั่นกระเทือนส่งเสียงดัง

บุรุษวัยกลางคนผู้นั้นก้าวถอยหลังหลายก้าวคล้ายตั้งใจแต่ก็คล้ายไม่เจตนา

ส่วนผู้เฒ่าผมขาวที่เผชิญหน้ากับเผยเฉียนมีสีหน้าเขียวคล้ำ ทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด ภายใต้การจับจ้องของคนมากมาย จะให้เขาก้มหัวยอมรับผิดกับเด็กสาวต่างถิ่นคนหนึ่ง วันหน้าจะยังมีชีวิตอยู่ในยุทธภพได้อย่างไร?! แต่หากจะบอกว่ารับหมัดของอีกฝ่ายได้อย่างปลอดภัยไร้ปัญหา ผู้เฒ่ากลับไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย

เจ้าคิดแล้วไม่เข้าใจ ก็อย่าคิดให้มากความ

เผยเฉียนยกเท้าหนึ่งเหยียบลงบนพื้น เพียงชั่วพริบตาร่างก็หายวับไปจากที่เดิม

ผู้คนรอบด้านต่างยืนกันได้ไม่มั่นคง

เหวยไท่เจินหมายจะยืนมือไปจับไหล่หลี่ไหวตามจิตใต้สำนึก แต่กลับค้นพบว่าคุณชายหลี่กลับไม่จำเป็นต้องรับการประคองจากนางแม้แต่น้อย สองเท้าของเขาปักหลักยืนนิ่งราวกับขุนเขาอย่างไรอย่างนั้น

แต่หลี่ไหวกลับเป็นห่วงเผยเฉียนจนไม่รู้สึกตัว

เหวยไท่เจินเพ่งสายตามองไปก็ต้องค้นพบด้วยความตะลึงพรึงเพริดว่ารอบชายแขนเสื้อของหลี่ไหวคล้ายจะสีเส้นสีทองเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วนล้อมวนอยู่ คอยช่วยต้านทานปณิธานหมัดอันเปี่ยมล้นของเผยเฉียนที่ไหลทะลักสู่ฟ้าดินอย่างที่มองไม่เห็น

ตำแหน่งที่ฟู่หลิ่นยืนอยู่เกิดเสียงดังประหนึ่งกลองสายฟ้าที่ถูกตีอย่างหนัก

ผู้เฒ่าผมขาวนอนกองอยู่บนพื้น น่าจะถูกหมัดนั้นของเด็กสาวต่อยเข้าที่หน้าผาก นางออกหมัดเร็วเกินไป อีกทั้งยังสับเปลี่ยนองศาการออกหมัดในฉับพลัน หมัดหนึ่งที่ปล่อยไปนี้ถึงสามารถทำให้ปรมาจารย์ขอบเขตเจ็ดอย่างฟู่หลิ่นนอนแน่นิ่งอยู่ที่เดิม อีกทั้งศีรษะที่รับหมัดหนักหน่วงรุนแรงที่สุดยังจมลงไปในพื้นดินเล็กน้อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!