ผู้เฒ่าถามหลี่ไหว “เป็นวิญญูชนหรือนักปราชญ์ของสำนักศึกษาหรือ?”
หลี่ไหวกล่าว “หวังว่าจะได้เป็น”
สุดท้ายผู้เฒ่าถามเด็กสาวที่เรือนกายผอมบาง แต่คำพูดคำจาข่มขู่คนให้หวาดกลัว “คงไม่ได้เป็นผู้ฝึกยุทธขอบเขตทะยานลมในตำนานหรอกกระมัง?”
เผยเฉียนเอ่ย “ขาดอีกนิดหน่อย”
ผู้เฒ่าหัวเราะดังลั่น “ข้าจะยืนนิ่งไม่ขยับ ให้เจ้าถามหมัดก่อนสามครั้ง ขอแค่เจ้าฆ่าข้าให้ตายไม่ได้ พวกเจ้าสามคนล้วนต้องตาย”
เผยเฉียนเอ่ยเสียงหนัก “ขอผู้อาวุโสโปรดพูดคุยกันดีๆ อย่าได้บีบบังคับผู้อื่นมากเกินไปโดยการให้ทางเลือกที่ไม่ใช่ทางเลือกเช่นนี้”
ผู้เฒ่าหุบยิ้ม บิดหมุนข้อมือ “ดี ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะต่อยเจ้าสามที หากรับไหว สามหมัดผ่านไป ขอแค่เจ้าล้มแล้วยังลุกขึ้นมาได้ ข้าก็จะยอมให้พวกเจ้าสามคนได้มีชีวิตรอด”
เผยเฉียนเดินก้าวยาวๆ ไปข้างหน้า “ออกหมัด”
หลี่ไหวพลันเอ่ยว่า “พวกเรามาจากยอดเขาสิงโต”
ผู้เฒ่ายิ้มกล่าว “ดีมาก ข้าคือแขกผู้มีเกียรติของจวนเทียนจวิน แล้วยังไงต่อ? มีประโยชน์ไหม?”
เผยเฉียนงอสองเข่าลงเล็กน้อย เท้าหนึ่งเหยียบไปข้างหน้า แยกมือตั้งท่าหมัด
ผู้เฒ่าหัวเราะฮ่าๆ เสียงดังก้อง “รู้จักๆ คือวิชาหมัดเขย่าขุนเขาของเจ้าเศษสวะกู้โย่ว ผู้ฝึกยุทธเต็มตัวคนหนึ่งกลับหน้าไม่อายใช้ยันต์ลอบทำร้ายเซียนกระบี่จี เจ้าเศษสวะเฒ่าไม่รับลูกศิษย์ เพียงแค่ทิ้งวิชาหมัดไร้ค่าที่ทุกคนสามารถเรียนได้ไว้เล่มหนึ่ง ถ่วงรั้งลูกศิษย์ของคนอื่น ทำร้ายคนไม่เบา!”
ผู้เฒ่าร่างกำยำพลันพุ่งมาหยุดเบื้องหน้าเด็กสาวในเสี้ยววินาที ปล่อยหมัดหนึ่งต่อยเข้าที่หน้าผากของฝ่ายหลัง
ร่างของเผยเฉียนแค่เหวี่ยงสะบัดไปเล็กน้อย แต่เท้ากลับไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว
จากประสบการณ์ในยุทธภพ เดิมทีเผยเฉียนควรจะต้องตัวปลิวออกไป โซเซลุกขึ้นยืนแล้วค่อยรับหมัดที่สอง
ทว่า ณ เวลานี้ ณ ที่แห่งนี้ เผชิญหน้ากับคนผู้นี้ เผยเฉียนกลับไม่ยินดีจะถอยให้
ผู้เฒ่าร่างกำยำที่เป็นผู้ฝึกยุทธขอบเขตร่างทองคำรามก้องอย่างเดือดดาล ก่อนจะปล่อยหมัดรัวติดกันสองครั้ง หมัดหนึ่งต่อยลงบนหน้าผากเด็กสาว อีกหมัดหนึ่งต่อยเข้าที่ลำคอของฝ่ายหลัง
สามหมัดจบสิ้น
ผู้เฒ่าถอยกรูดอย่างว่องไวปานสายฟ้าแลบ ไปยืนเคียงบ่ากับแม่ทัพบู๊คนนั้น สีหน้ามืดทะมึน
เผยเฉียนเพียงแค่ยืนนิ่งไม่ขยับ นางยกมือขึ้นช้าๆ ใช้นิ้วโป้งปาดเช็ดเลือดกำเดา
ผู้เฒ่ามองเห็นว่าด้านหลังของคนทั้งสามมีคนบนเส้นทางเดียวกันที่สีหน้าสงบนิ่งผ่อนคลายเดินมา เขาถึงได้ผ่อนลมหายใจโล่งอก
อีกฝ่ายก็เป็นปรมาจารย์ใหญ่ขอบเขตเจ็ดเช่นเดียวกับเขา แต่อีกฝ่ายมีอายุน้อยกว่า วิชาหมัดสูงกว่า ทว่าเขากับฮ่องเต้เป็นสหายกันมานานแล้ว ถึงได้ยอมแหกกฎออกจากภูเขามาให้การช่วยเหลือ
แล้วนับประสาอะไรกับอยู่ที่อุตรกุรุทวีป ออกหมัดสังหารผู้ฝึกตนบนภูเขาได้ จะมีผู้ฝึกยุทธเต็มตัวสักกี่คนที่ไม่ยินดี?
เผยเฉียนถ่มเลือดทิ้ง หันหน้าไปมองบุรุษวัยกลางคนที่ลมหายใจทอดยาวผู้นั้น
คนผู้นั้นยิ้มถาม “แม่นางน้อย เจ้าเองก็เป็นขอบเขตร่างทองเหมือนกัน ใช่หรือไม่?”
เผยเฉียนเงียบไม่ตอบ
คนผู้นั้นพูดต่อ “แม่นางน้อยเจ้ามิอาจทะยานลมเดินทางไกลได้ สหายสองคนของเจ้าต่อให้ทะยานลมหนีไปได้ พวกข้าก็แค่ต้องเอาตาข่ายฟ้าดินที่ใช้รับมือกับเซียนซือโอสถทองก่อนหน้านี้ออกมาใช้อีกรอบเท่านั้น จะมีอะไรยากกัน เจ้าอ้อนวอนผู้อาวุโสฟู่หลิ่นเถอะ ขอให้เขาเว้นชีวิตเจ้าก็พอ ทิ้งของทุกอย่างเอาไว้ ข้าได้แต่ช่วยพวกเจ้าเพียงเท่านี้แล้ว แต่ผู้ฝึกยุทธจะต้องถูกทำลายวรยุทธ ผู้ฝึกตนจะต้องถูกสะบั้นสะพานแห่งความเป็นอมตะหรือไม่ ข้าไม่กล้ารับรองกับพวกเจ้า ถึงอย่างไรข้าก็เป็นแค่คนนอกคนหนึ่ง”
หลี่ไหวเอ่ยอย่างระอาใจ “คำพูดแบบนี้อย่าไปเชื่อเชียว”
เผยเฉียนพยักหน้า “เจ้าก็ไม่โง่นี่นะ”
หลี่ไหวยิ้มกว้าง
เหวยไท่เจินรู้สึกพูดไม่ออกอยู่บ้าง
ไม่มีใครกลัวใครเลยจริงๆ
นางได้วางแผนสำหรับผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้แล้ว นางจะเรียกสมบัติหนักสองชิ้นซึ่งได้ทั้งโจมตีและป้องกันที่นายหญิงมอบให้ออกมา ต่อให้ต้องทุ่มสุดชีวิตก็ต้องคุ้มครองส่งคนทั้งสองออกไปจากที่นี่ให้จงได้
คนผู้นั้นพลันเอ่ยว่า “หากเจ้ารับหมัดข้าสองหมัด ข้าจะให้พวกเพื่อนๆ เจ้าจากไปก่อน”
หลี่ไหวกล่าว “อันนี้ก็อย่าเชื่อ”
เผยเฉียนเอ่ย “คนหนึ่งกินข้าวไม่อิ่ม อีกคนหนึ่งยึดความได้เปรียบทั้งหมดไปครองแล้วยังจะออกอุบายหลอกเด็กรุ่นหลัง พวกเจ้าเป็นผู้ฝึกยุทธจริงๆ หรือ?”
เผยเฉียนถามเองตอบเอง “ข้ารู้สึกว่าพวกเจ้าล้วนไม่คู่ควร”
เผยเฉียนไม่สนใจบุรุษวัยกลางคนที่อยู่ด้านหลังอีก นางจ้องผู้เฒ่าผมขาวที่มีชื่อว่าฟู่หลิ่นคนนั้นเขม็ง “ข้าจะใช้วิชาหมัดเขย่าขุนเขาถามหมัดกับเจ้าแค่หมัดเดียว!”
ผู้เฒ่าสีหน้าเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างไม่แน่นอน
ก่อนหน้านี้ปล่อยหมัดออกไปสามครั้ง เวลานี้แขนทั้งแขนปวดร้าวไปหมดแล้ว
ทันใดนั้นปณิธานหมัดมหาศาลทั่วร่างของเผยเฉียนก็เหมือนดวงตะวันจันทราที่ลอยสูงไปเคียงคู่กันอยู่บนนภา
ลมปราณวุ่นวายอย่างถึงที่สุด เหวยไท่เจินจำต้องรีบคุ้มกันหลี่ไหวเอาไว้
เผยเฉียนก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างเนิบช้า มือทั้งสองกำหมัดแน่น กัดฟันเอ่ย “ข้าเรียนหมัดมาจากอาจารย์พ่อ อาจารย์พ่อเรียนหมัดมาจากวิชาเขย่าขุนเขา หมัดเขย่าขุนเขามาจากผู้อาวุโสกู้! วันนี้ข้าจะใช้หมัดเขย่าขุนเขาถามหมัดกับเจ้าด้วยขอบเขตเดียวกัน แต่เจ้ากลับไม่กล้ารับอย่างนั้นรึ?!”
ในรัศมีร้อยจั้งที่มีเผยเฉียนเป็นจุดศูนย์กลาง พื้นดินสะเทือนเลือนลั่นประหนึ่งเสียงฟ้าคำรณดังอื้ออึง ฝุ่นตลบปลิวคลุ้ง ทหารทั้งหลายถึงขั้นถือดาบไม่อยู่ เสื้อเกราะสั่นกระเทือนส่งเสียงดัง
บุรุษวัยกลางคนผู้นั้นก้าวถอยหลังหลายก้าวคล้ายตั้งใจแต่ก็คล้ายไม่เจตนา
ส่วนผู้เฒ่าผมขาวที่เผชิญหน้ากับเผยเฉียนมีสีหน้าเขียวคล้ำ ทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด ภายใต้การจับจ้องของคนมากมาย จะให้เขาก้มหัวยอมรับผิดกับเด็กสาวต่างถิ่นคนหนึ่ง วันหน้าจะยังมีชีวิตอยู่ในยุทธภพได้อย่างไร?! แต่หากจะบอกว่ารับหมัดของอีกฝ่ายได้อย่างปลอดภัยไร้ปัญหา ผู้เฒ่ากลับไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย
เจ้าคิดแล้วไม่เข้าใจ ก็อย่าคิดให้มากความ
เผยเฉียนยกเท้าหนึ่งเหยียบลงบนพื้น เพียงชั่วพริบตาร่างก็หายวับไปจากที่เดิม
ผู้คนรอบด้านต่างยืนกันได้ไม่มั่นคง
เหวยไท่เจินหมายจะยืนมือไปจับไหล่หลี่ไหวตามจิตใต้สำนึก แต่กลับค้นพบว่าคุณชายหลี่กลับไม่จำเป็นต้องรับการประคองจากนางแม้แต่น้อย สองเท้าของเขาปักหลักยืนนิ่งราวกับขุนเขาอย่างไรอย่างนั้น
แต่หลี่ไหวกลับเป็นห่วงเผยเฉียนจนไม่รู้สึกตัว
เหวยไท่เจินเพ่งสายตามองไปก็ต้องค้นพบด้วยความตะลึงพรึงเพริดว่ารอบชายแขนเสื้อของหลี่ไหวคล้ายจะสีเส้นสีทองเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วนล้อมวนอยู่ คอยช่วยต้านทานปณิธานหมัดอันเปี่ยมล้นของเผยเฉียนที่ไหลทะลักสู่ฟ้าดินอย่างที่มองไม่เห็น
ตำแหน่งที่ฟู่หลิ่นยืนอยู่เกิดเสียงดังประหนึ่งกลองสายฟ้าที่ถูกตีอย่างหนัก
ผู้เฒ่าผมขาวนอนกองอยู่บนพื้น น่าจะถูกหมัดนั้นของเด็กสาวต่อยเข้าที่หน้าผาก นางออกหมัดเร็วเกินไป อีกทั้งยังสับเปลี่ยนองศาการออกหมัดในฉับพลัน หมัดหนึ่งที่ปล่อยไปนี้ถึงสามารถทำให้ปรมาจารย์ขอบเขตเจ็ดอย่างฟู่หลิ่นนอนแน่นิ่งอยู่ที่เดิม อีกทั้งศีรษะที่รับหมัดหนักหน่วงรุนแรงที่สุดยังจมลงไปในพื้นดินเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!