ต่อจากนั้นเผยเฉียนก็เริ่มเส้นทางการท่องเที่ยวที่แตกต่างไปจากของอาจารย์พ่อ
ไม่ได้ไปเยือนแคว้นลวี่อิงอันเป็นจุดที่ลำน้ำไหลลงสู่มหาสมุทร
แต่คนทั้งกลุ่มเปลี่ยนไปเยือนเมืองหลวงของราชวงศ์ต้าจ้วน เผยเฉียนต้องการไปดูจุดที่สองผู้อาวุโสอย่างผู้ฝึกยุทธกู้โย่วและเซียนกระบี่จีเยว่ถามหมัดถามกระบี่กัน
ที่นั่นเผยเฉียนถือไม้เท้าเดินป่าแหงนหน้ามองฟ้าอยู่เพียงลำพัง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
หลี่ไหวกับเหวยไท่เจินยืนอยู่ห่างมาไกล
หลี่ไหวพลันรู้สึกมึนงงเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเผยเฉียนจะเติบโตแล้วจริงๆ ทำให้เขาที่รู้สึกตัวช้ารู้สึกเหมือนนางเป็นคนแปลกหน้า ในที่สุดนางก็ไม่ใช่แม่หนูน้อยตัวเตี้ยเหมือนฟักแคระผิวดำปี๋เหมือนถ่านอีกต่อไป จำได้ว่าช่วงแรกสุดที่ทั้งสองฝ่ายประลองบุ๋นกัน เพื่อแสดงว่าตัวเองตัวสูง พลังอำนาจข่มทับคู่ต่อสู้ได้ นางจะต้องไปยืนอยู่บนม้านั่ง อีกทั้งยังห้ามไม่ให้หลี่ไหวทำตามด้วย ทุกวันนี้คงไม่ต้องทำเช่นนั้นแล้ว ดูเหมือนว่าอยู่ดีๆ เผยเฉียนก็เติบโต ส่วนเขาหลี่ไหวก็เพิ่งจะรู้เรื่องนี้กะทันหัน
รอบด้านไร้ผู้คน
เผยเฉียนปลดหีบหนังสือลง วางไม้เท้าเดินป่าลงบนหีบหนังสือ
ใช้ท่าเดินนิ่งหกก้าวแสดงกระบวนท่าหมัดมากมายของวิชาหมัดเขย่าขุนเขา สุดท้ายปิดด้วยกระบวนท่าเทพตีกลองสายฟ้า
ตั้งแต่ต้นจนจบ เผยเฉียนล้วนกดปณิธานหมัดเอาไว้ตอลดเวลา
ดังนั้นจึงเหมือนว่านางแค่มาเคาะประตูเบาๆ ในเมื่อในบ้านไม่มีคนอยู่ นางแค่ทักทายก็เดินจากมาแล้ว
นับตั้งแต่เดินทางท่องเที่ยวมาด้วยกัน เผยเฉียนบอกว่าทุกก้าวเดินของตัวเองล้วนกำลังใช้ท่าเดินนิ่ง
หลี่ไหวเชื่อเรื่องนี้
จากนั้นเผยเฉียนก็ไปยังภูเขาวานรคำรามที่ถูกปิดภูเขาไปแล้ว ในริมขอบของอาณาเขตภูเขา เผยเฉียนกำไม้เท้าเดินป่าแน่นแล้วชูขึ้นสูง ยกหมัดขึ้นคารวะ บอกลาแต่เพียงเท่านี้
เส้นทางขุนเขาสายน้ำระหว่างเมืองหลวงต้าจ้วนกับภูเขาวานรคำรามนี้ เผยเฉียนพูดคุยน้อยมาก ดังนั้นหลี่ไหวจึงรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย
วันนี้มีหิมะตกหนัก หลี่ไหวถึงตระหนักได้ว่าพวกเขาจากบ้านเกิดกันมานานสามปีแล้ว
และพวกเขาก็ไปถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่ชื่อว่าถนนต้งเซียนในนครแห่งหนึ่งของแคว้นชิงเฮา
ได้เจอกับหลี่ซีเซิ่งพี่ชายใหญ่ของหลี่เป่าผิง และยังมีเด็กหนุ่มที่เป็นเด็กรับใช้ของเขานามชุยซื่อ
หลี่ซีเซิ่งมอบตำราอริยะปราชญ์เล่มไม่หนาเล่มหนึ่งให้กับหลี่ไหว
แล้วก็มอบยันต์ลายเมฆแผ่นหนึ่งให้เหวยไท่เจิน บนแผ่นยันต์มีตัวอักษรสี่ตัว แต่ไม่ใช่อักขระที่ใช้กันแพร่หลาย กลับเหมือนตัวอักษรที่บัณฑิตสร้างขึ้นมาเองมากกว่า ดังนั้นเหวยไท่เจินจึงไม่รู้จักยันต์แผ่นนี้
บัณฑิตท่าทางสง่างามอ่อนโยนผู้นั้นยิ้มเอ่ยกับเหวยไท่เจินว่า วันหน้าหากฝ่าทะลุขอบเขตจงเรียกยันต์แผ่นนี้ออกมา บางทีอาจจะพอมีประโยชน์อยู่บ้าง
เพราะสี่อักษรของยันต์ แท้จริงแล้วคือคำว่า ‘ห้าอสนีถอยให้’
สายลัทธิเต๋าสายแรกของป๋ายอวี้จิงแห่งใต้หล้ามืดสลัว ศิษย์พี่ใหญ่ของเต๋าเหล่าเอ้อร์และลู่เฉินเขียนด้วยลายมือตัวเอง ต่อให้มีใต้หล้าแห่งหนึ่งกางกั้นแล้วจะอย่างไร?
โองการก็คือโองการ
ฝ่าทะลุขอบเขตทำได้ตามสบาย
แต่หลี่ซีเซิ่งกลับไม่ได้มอบของสิ่งใดให้กับเผยเฉียน
เผยเฉียนยังคงอารมณ์ดี เล่าเรื่องน่าสนใจต่างๆ มากมายตอนที่ได้กลับมาพบเจอกับพี่หญิงเป่าผิงอีกครั้งให้หลี่ซีเซิ่งฟัง
หลี่ซีเซิ่งคลี่ยิ้มอบอุ่นรับฟังคำบอกเล่าของเด็กสาวอย่างใจเย็นตลอดเวลา
เพียงแค่นัดหมายกับเผยเฉียนว่าเช้าตรู่ของวันหนึ่งและราตรีของคืนหนึ่งจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกับแสงจันทร์ลอยกลางฟ้าด้วยกัน
คนทั้งกลุ่มออกมาจากแคว้นชิงเฮา มุ่งหน้าไปยังยอดเขาสิงโต ในสมุดเล็กๆ เล่มนั้นของเผยเฉียนไม่มีสถานที่ที่จำเป็นต้องไปเยือนอีกแล้ว
ส่วนหลี่ซีเซิ่งนั้นไปเจอกับจินเฟิง อวี้ลู่ในนคร แล้วรั้งพวกเขาไว้ข้างกายตัวเอง
อันที่จริงเผยเฉียนสัมผัสได้มานานแล้ว เพียงแต่แสร้งทำเป็นไม่รับรู้เท่านั้น
ยอดเขาพาตี้อยู่ห่างจากยอดเขาสิงโตมากเกินไป เผยเฉียนไม่อยากเดินทางอ้อมไปไกล หลี่ไหวไม่เร่งรัดก็ไม่ใช่เหตุผลที่เผยเฉียนจะเดินทางอ้อม
อยู่ด้วยกันมาหลายปี เหวยไท่เจินสนิทกับเผยเฉียนมากแล้ว ดังนั้นคำถามบางอย่างจึงสามารถถามต่อหน้าเด็กสาวได้แล้ว
ยกตัวอย่างเช่นเหตุใดเผยเฉียนถึงได้จงใจอ้อมผ่านภูเขาตระกูลเซียนนอกเหนือจากที่มีเขียนไว้ในสมุด ถึงขั้นที่ว่าขอแค่อยู่ในป่ารกร้างห่างไกลแล้วเจอผู้คน ก็จะต้องเดินอ้อมผ่านไปให้ไกล เรื่องราวแปลกประหลาดมากมาย หรือกระทั่งภูตผีทั้งหลาย เผยเฉียนก็เป็นดั่งน้ำบ่อที่ไม่ยุ่งกับน้ำคลอง แค่ต่างคนต่างเดินกันไปคนละทางเท่านั้น
เผยเฉียนบอกตามตรงว่าตัวเองไม่กล้า ด้วยกลัวว่าจะหาเรื่องใส่ตัว เพราะนางรู้ดีว่าตัวเองทำอะไรไม่รู้หนักเบา อยู่ห่างชั้นจากอาจารย์พ่อและศิษย์พี่เล็กอีกไกลนัก ดังนั้นจึงกังวลว่าตนจะแบ่งแยกคนดีคนเลวไม่ออก ออกหมัดไม่รู้จักหนักเบา ง่ายที่จะทำความผิด ในเมื่อกลัว ถ้าอย่างนั้นก็หลบเลี่ยง ถึงอย่างไรขุนเขาสายน้ำก็ยังคงอยู่ ทุกวันคัดตำราฝึกวิชาหมัดล้วนไม่เคยแอบอู้ เจอหรือไม่เจอผู้คน ไม่สำคัญเลย
เผยเฉียนยังบอกอีกว่าอันที่จริงตนไม่ได้มีความรู้สึกชอบหรือไม่ชอบต่อการออกท่องยุทธภพ
เหวยไท่เจินจึงถามนางว่าในเมื่อไม่ได้ถึงขั้นชื่นชอบ แล้วเหตุใดถึงยังต้องมาอุตรกุรุทวีป ต้องเดินทางมาไกลขนาดนี้
เผยเฉียนลังเลอยู่นาน กว่าจะยิ้มเอ่ยว่าในบ้านมีผู้ฝึกยุทธเต็มตัวอยู่หลายคน ตนจึงไม่ค่อยอยากฝ่าทะลุขอบเขตอยู่ที่นั่น เพียงแค่เพราะอาจารย์พ่อชอบอุตรกุรุทวีป นางถึงได้มาท่องเที่ยวที่นี่
นี่คือคำตอบแบบคลุมเครือที่ตอบก็เหมือนไม่ได้ตอบ
จากนั้นเผยเฉียนก็เอ่ยอีกประโยคหนึ่งที่ทำให้เหวยไท่เจินยิ่งมึนงงสับสน นางบอกว่าอาจารย์พ่อชอบที่นี่ แต่อันที่จริงตอนนี้นางเริ่มเสียใจภายหลังแล้ว
เหวยไท่เจินรู้สึกว่าตัวเองยิ่งถาม เผยเฉียนยิ่งตอบ ตนก็ยิ่งเหมือนร่วงลงสู่ผืนเมฆหมอก
เพียงแต่ว่าตอนนั้นเผยเฉียนเริ่มเดินนิ่งอีกครั้งหนึ่งแล้ว เหวยไท่เจินจึงได้แต่บอกตัวเองว่าอย่าคิดเยอะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!